ตอนที่ 24 เจ้าใช้วิชาอะไร ?
เหนือภพดึงมีดหมอที่เกราะติดอยู่ปีกหลังออกมาทั้งสองเล่ม แล้วถือมันไว้โดยเอาส่วนใบมีดกดลงสู่ดิน ขณะตั้งท่ามวยพหุยุทธ์
“รออะไรอยู่ล่ะ เจ้าไม่อยากให้ข้าร่วมฉลองงั้นหรือ ?”
“อยากสิ”
หลวงภามจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยชักดาบประจุพรายเล่มนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ แต่พอได้เห็นความก้าวหน้าของเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกไว้ ก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากใช้ดาบประจุพรายของเขาตัดโค่นต้นไม้นี้
แกร๊ก
หลวงภามบิดโซ่เหล็กที่เขาใช้พันดาบเป็นเงื่อนปิดตายออก แล้วชักใบดาบสีดำสนิทออกมา บนใบดาบลงอักขระเรืองแสงสีแดงเอาไว้ เผยกลิ่นอายชั่วร้ายสุดบรรยาย ควันวิญญาณสีดำทะลักออกมาวนเวียนอยู่รอบใบดาบนั้นอย่างหนาแน่น
“ดาบประจุพรายของข้า ปลิดชีวิตผู้แข็งแกร่งมานักต่อนักแล้ว วิญญาณของพวกมันล้วนถูกจองจำเอาไว้ในนี้เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ข้า”
“แต่ข้าจะไม่เป็นหนึ่งในนั้น”
เหนือภพพูดตัดบทอย่างเอือมระอา หลวงภามกลับยิ้มอย่างชอบใจ
“หัวไวดีนี่ ไม่ต้องรีบ ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายเร็วนัก อย่างน้อยข้าก็ควรแก้แค้นแทนลูกน้องผู้ภักดีของข้า”
หลวงภามพูดขณะชำเลืองมองไปยังร่างของขุนศรีไชยะ
“มันเป็นคนดีที่หาได้ยาก มันตายไปง่าย ๆ แบบนี้ข้าจึงรู้สึกเสียดาย และเสียใจ”
“พูดมาก”
เหนือภพไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น เสียเวลา
เขาพุ่งเข้าใส่ด้วยอาคมย่นระยะทาง แต่เมื่อคมมีดหมอของเขาเข้าใกล้ระยะศัตรู หลวงภามก็ยิ้มร่าคล้ายกับว่ารอเวลานี้มานานแล้ว ดาบประจุพรายตวัดออกหวังสะบั้นเอวของเหนือภพ ทว่ากลับผิดคาด หากเมื่อก่อนดาบนี้คงต้องสังหารเขาได้ในทันที แต่ตลอดสี่ปีมานี้เขาไม่ได้นอนเล่นปล่อยเวลาไปวัน ๆ เสียเมื่อไหร่ สิ่งที่อาจารย์เคยเข้มงวดมาตลอดก็ได้แสดงผลแล้วในตอนนี้
ร่างกำยำของเหนือภพกระโดดลอยตัวหลบ พร้อมกับเหวี่ยงเท้าขวาเข้าปะทะก้านคอหลวงภามจนลำตัวมันโงนเงน นี่คือกระบวนท่า นารายณ์ข้ามสมุทร
สีหน้าของหลวงภามบิดเบี้ยว หัวสมองอื้ออึงขณะเซถอยหลัง เหนือภพกระโดดลอยตัวเข้าประชิดอีกครั้งพร้อมกับ ขว้างศอกขวาเข้าแสกกลางหน้าหลวงภามทันที ด้วยกระบวนท่ารามสูรเขวี้ยงขวาน
แต่น่าเสียดายที่ข้อศอกของเหนือภพฟันลงไปโดนเกราะอาคมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว หลวงภามรีบถอยกายห่าง รอยยิ้มบนหน้าเริ่มหม่นหมองขณะใช้ดาบประจุพรายปัดมีดหมอของเหนือภพที่ขว้างตรงเข้ามาหาเขาสามเล่มติด
ขณะที่มีดหมอทั้งสามเล่มกระเด็นออกไปก็ถูกเหนือภพที่เคลื่อนไวได้ราวภูตผีคว้ารับไว้ได้สองเล่ม ส่วนอีกเล่มปลิวไปคนละทิศทาง ทำให้เหนือภพไม่อาจรับได้ทัน เขาจึงเดินเข้าไปหยิบมีดที่พื้นด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย
“เจ้าใช้วิชาอะไร ?”
หลวงภามถามด้วยน้ำเสียงสนใจใคร่รู้ ท่วงท่าประหลาดเหล่านั้นยากที่จะเข้าใจและคิดหาทางป้องกันได้ทันเวลา
‘ผ่านมาเพียงสี่ปี เจ้าเด็กนี่ก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้เลยหรอ’
“อยากเรียนไหมล่ะ ? ข้าสอนให้ได้นะ”
เหนือภพยิ้มกว้างก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลวงภามอีกระลอกหนึ่งด้วยการ ชก เตะ ศอก เข่า จัดเป็นชุดอย่างต่อเนื่อง การโจมตีด้วยร่างกายในระยะประชิดพร้อมกับมีดหมอนั้นสร้างความลำบากให้กับหลวงภามไม่น้อย เพราะมีดหมอของเหนือภพไม่ใช่ของธรรมดา สสารที่ใช้สร้างล้วนเป็นวัตถุอาคมทรงฤทธิ์ มีอำนาจในการเจาะทะลุและต่อต้านปราณอาคม ทำให้ร่างกายของหลวงภามเกิดบาดแผลขีดข่วนจำนวนนับไม่ถ้วน
หลวงภามที่ตกเป็นรองมาตลอดในที่สุดก็เห็นช่องโหว่ของเหนือภพ แล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ หากต้องการจัดการเหนือภพให้เด็ดขาด ช่องทางเดียวที่หลวงภามทำได้คือทิ้งดาบ แล้วเปลี่ยนเป็นการโจมตีด้วยหมัด หากเขาใช้แรงที่เหมาะสม เพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
มือทั้งสองของหลวงภามกำลังควบแน่นไปด้วยปราณอาคมสีทอง ดาบประจุพรายพุ่งตรงเข้ามาหมายทะลวงร่างเหนือภพ แต่แขนซ้ายขวาของเหนือภพสะบัดไปมาเพื่อปัดดาบออก แต่ยังไม่ทันไร ดาบที่ว่ากลับถูกเจ้าปล่อยทิ้งในทันที
ยังไม่ทันที่ดาบจะตกถึงพื้น กำปั้นพลังอาคมของหลวงภามก็พุ่งเข้ามากระแทกตำแหน่งหัวใจของเหนือภพ
ปั๊ก !
บังเกิดเป็นระลอกคลื่นแสงสีทองกระจายวาบราวกับระเบิด แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่หลวงภามคิด เขาความรู้สึกเหมือนต่อยลงไปในน้ำ ยิ่งดันมือลงน้ำไปเรื่อย ๆ เรี่ยวแรงที่แข็งกร้าวก็ยิ่งสลายหายไป
“อะไร ? เมื่อเช้าเจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรือไง”
ประกายตาของเหนือภพเริ่มฉายแววอำมหิต เขาสะบัดวงแขนซ้ายฟันมีดหมอเพื่อทำลายเกราะอาคมของหลวงภาม ตามมาติด ๆ ด้วยมีดหมอที่อยู่ในมือขวา หวังจะสะบั้นหน้าหลวงภามให้ขาดออกจากกัน
แต่หลวงภามก็คือตาลุงหนังเหนียวดี ๆ นี่เอง ผิวหนังของเขาแข็งยิ่งกว่าศิลาพันปี คมมีดหมอทำได้เพียงทิ้งรอยบากจากแก้มขวามาซ้ายเป็นเส้นตรงตัดผ่านจมูก
หลวงภามดีดตัวออกห่าง แววตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยเส้นเลือดฝอย สีหน้าที่เคยเต็มไปรอยยิ้มเปลี่ยนไป เขาไม่สนุกแล้ว นี่มันเป็นการทำร้ายฝ่ายเดียวชัด ๆ
เจ้าเด็กนี่มีระดับพลังต่ำกว่าเขาก็จริง แต่ปัญหามันอยู่ที่วิชาการต่อสู้ที่พิสดาร ยากที่จะจับทาง ทั้งยังมีอาวุธอาคมที่ร้ายกาจ และที่สำคัญคือเครื่องป้องกันของมัน ชุดเกราะสีรุ้งนั่นมีคุณภาพในการป้องกันอยู่ในระดับสุดยอด แม้แต่เกราะที่เขาสวมใส่ยังเทียบไม่ติด ทุกการโจมตีของเขาไม่อาจเจาะทะลวงผ่านเข้าไปได้เลย
“เกราะของเจ้ามีชื่อว่าอะไร เจ้าได้มาจากที่ไหน”
น้ำเสียงของหลวงภามไม่ได้แฝงอารมณ์ขี้เล่นอีกต่อไป
“โอ้ ในที่สุดก็สังเกตเห็นแล้วสินะ เจ้าอยากรู้ชื่อมันจริงรึ”
เหนือภพยังคงผ่อนคลาย เขารู้สึกสงบขึ้นมากเมื่อได้เห็นความวุ่นวายใจผ่านดวงตาแดงก่ำคู่นั้น มันทำให้เขาสนุกและมีความสุข เขาจะค่อย ๆ ทำให้มันตื่นกลัว ปั่นหัวมัน ทำให้มันรู้ซึ้งถึงความพ่ายแพ้และทุกข์ทรมานจนตาย นี่เป็นการแก้แค้นที่เขาจะทำให้กลิ่นจันทน์ได้
แม้พระอาจารย์จะพร่ำสอนเขาว่าการแก้แค้นมันไม่ได้ช่วยอะไร มันไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่า เขาได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อเธอ
“ถ้าทำข้าเลือดออกได้ ข้าอาจจะบอกเจ้าก็ได้นะ”
เรื่องอะไรเขาจะบอกมันง่าย ๆ
เหนือภพพุ่งเข้าโจมตีอีกระลอก การต่อสู้ของเขารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม รัศมีการทำลายล้างกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีทองส้มสอดประสานกับแสงทองอาคมของหลวงภามเป็นพัลวัน
หลวงภามที่ไม่เคยต่อสู้อย่างจริงจังมานาน ก็ถึงกับสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“ปราณอมนุษย์ป่าทมิฬ บทที่ 1 พลังโหงพราย”
คำอาคมพ่นออกมาจากหลวงภาม ออร่าอาคมสีทองที่อยู่รอบ ๆ แปรเปลี่ยนเป็นควันสีดำดุร้าย พลังนี้สอดประสานเข้ากับดาบประจุพรายได้เป็นอย่างดี
ดวงตาของหลวงภามแปรเปลี่ยนสีแดงเข้มทั้งดวง เส้นเลือดดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตามผิวหน้าและผิวกาย ควันวิญญาณที่โอบล้อมใบดาบประจุพรายลุกโหมรุนแรง
หลวงภามกระชับดาบแน่นแล้วชี้มาทางเหนือภพ
“หมดเวลาเล่นสนุกกันแล้วเด็กน้อย ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าก็จะฆ่าเจ้าแล้วเอามันมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในดินแดนนี้จะไม่มีใครรู้จักมัน”
หลวงภามพุ่งเข้ามาด้วยอาคมย่นระยะทาง ความเร็วนี้มีมากจนน่าเหลือเชื่อ การเคลื่อนไหวร่างกายก็ไวมากกว่าที่ผ่านมา จนเหนือภพหาช่องตอบโต้ไม่ได้ ได้แต่หลบหลีกด้วยสัญชาตญาณที่เหนือมนุษย์ทั่วไปเท่านั้น
แต่การหลบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ยิ่งเขาถอยไปเรื่อย ๆ หลวงภามผู้คร่ำหวอดอยู่ในสงครามและการต่อสู้ จึงจับจังหวะการเคลื่อนไหวของเหนือภพได้ในเวลาไม่นาน
คมดาบประจุพรายตวัดออก ควันดำที่ลอยออกมาจากใบดาบไม่ต่างจากเขี้ยวเล็บ แม้ใบดาบจะไม่โดนตัวเหนือภพตรง ๆ แต่เมื่อควันดำกระทบเข้ากับสิ่งใด มันก็กัดกร่อนในทันที ชุดคลุมสีเทาดำที่เขาอุตส่าห์ขอมาจากสารถีถูกกัดกร่อนจนเป็นช่องโหว่ มีรูพรุนนับไม่ถ้วนจนมันแทบจะกันลมหนาวไม่ได้อีกแล้ว
บนร่างของเหนือภพเริ่มปรากฏรอยบาดแผล เกราะมัจฉาเจ็ดสีป้องกันคมดาบได้ก็จริง แต่มันไม่อาจต้านการโจมตีของควันดำได้ เขาไม่รู้ว่าควันดำนั่นคืออะไร ภูตผี ปีศาจ หรือพิษ แต่เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นพิษมากกว่า
พระอาจารย์เคยบอกว่าพิษของพืชหรือสัตว์ร้ายบางชนิด ไม่ว่าอาคมหรือของขลังใดก็ไม่อาจต่อต้านได้
เหนือภพระวังตัวมากขึ้น ขณะหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดเกราะ เลือดเริ่มซึมไหลลงมาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนจุดที่เขายืนอยู่นั้นปรากฏเป็นแอ่งเลือดขนาดเล็ก
หลวงภามนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกัน แต่แย่กว่า เพราะบาดแผลของเขานั้นมีมากกว่า การต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนคงจะตัดสินได้จากการที่ใครอดทนได้มากกว่ากัน
เหนือภพไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย โชคดีที่เขากินใบหญ้าฝาดเฝื่อนเข้าไปก่อนหน้า สรรพคุณของมันช่วยกดข่มเส้นประสาทรับความเจ็บปวดทั่วร่างกาย ทำให้เขาไม่รู้สึกเลยว่ากำลังบาดเจ็บ ผลลัพธ์ของมันไม่เลวเลยทีเดียว
ความเจ็บจะทำให้จิตใจของคนเราสั่นไหวและเกิดความกลัว เหนือภพลอบเกร็งกล้ามเนื้อ การใช้พละกำลังระดับสูง ๆ นั้น จำเป็นต้องเกร็งเพื่อรีดเค้นเอากำลังทั่วร่างกายออกมา แต่ช่วงระยะเวลาการเกร็งนั้นห้ามเคลื่อนไหว หากเริ่มเคลื่อนไหวแล้วก็ต้องโจมตีในทันที ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาก็จะเสียเปล่า
เหนือภพยังคงยืนนิ่งขณะที่เอ่ยปากพูดถ่วงเวลา
“เห็นแบบนี้ ข้าก็เป็นคนรักษาสัญญานะ ในเมื่อเจ้าเล่นทำเอาซะเลือดท่วมตัวข้าแบบนี้ ถ้าไม่รีบบอกก็เกรงว่าเลือดจะหมดตัวเสียก่อน”
เหนือภพพูดอย่างติดตลกขณะแสร้งห่อตัวงอเล็กน้อยราวกับกำลังเจ็บปวด
หลวงภามยิ้มจากที่กำลังตั้งท่าดาบพร้อมโจมตีอีกครั้ง เขาก็ละมือลงแล้วเก็บดาบเข้าฝัก แต่ออร่าควันดำที่อยู่รอบกายยังคงไม่หายไป เพียงแค่เบาบางลง สงบนิ่งไม่เกรี้ยวกราดเฉกเช่นเมื่อครู่