ตอนที่ 18 แค่ชื่อก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
เหนือภพใช้เวลาอยู่ที่เมืองโกงกางอีกนานหลายเดือน ฐานะตำแหน่งของเขาภายในโรงเตี๊ยมสำราญใจยิ่งนานก็ยิ่งเลื่อนขึ้น ยิ่งมั่นคงขึ้น จนกระทั่งเขาได้เป็นผู้จัดการร้านควบคุมเรื่องราวทุกอย่างภายในโรงเตี๊ยมอย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าเรื่องการเงิน การต้อนรับ การดูแลคนงานและการบริการลูกค้าคนสำคัญ ท่านผู้เฒ่าก็ล้วนวางใจให้เหนือภพรับผิดชอบ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีตัวยุ่งยากเข้ามาก่อกวน
ชื่อเสียงของเหนือภพถูกกล่าวขานกันปากต่อว่า ตุลาการคลั่ง ผู้ที่เคยเจอดี ต่างไม่กล้าก่อเรื่องเป็นครั้งที่สอง คนที่กังขาในชื่อเสียงต่างพากันมาก่อเรื่อง แต่ไม่นานก็ถูกโยนออกไปด้านนอกไม่ต่างจากขยะ
นานวันเข้าสัญลักษณ์ของโรงเตี๊ยมสำราญใจก็คือเหนือภพ จึงมีคนมีชื่อเสียงมากหน้าหลายตานิยมเข้ามาพัก ขอเพียงพวกเขาไม่ก่อเรื่องเสียเองก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรบกวน
สิ้นเดือนที่ห้า
เหนือภพรับเงินเดือนจากผู้เฒ่าตามปกติ จากนั้นก็ขอลาออกในทันที เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อเจ้าของกิจการโรงเตี๊ยมสำราญใจเป็นอย่างมาก
แม้ผู้เฒ่าจะตกใจ แต่ด้วยประสบการณ์ก็ทำให้เขารู้ว่าควรจะต่อรองยังไง
“เพราะอะไร ข้าให้เงินเจ้าไม่พอหรือ เจ้าต้องการเท่าไหร่ พวกเราตกลงกันได้”
แต่เหนือภพกลับส่ายหน้า
“ถึงเรื่องเงินจะสำคัญต่อข้าก็จริง แต่มีบางเรื่องที่สำคัญต่อข้ามากกว่า ข้าจำเป็นต้องไปเมืองสินธุ ข้ามีธุระต้องจัดการ หวังว่าท่านผู้เฒ่าจะเข้าใจ ถ้าหากเป็นไปได้ ข้าก็อยากทำงานอยู่กับท่าน ไม่เพียงเงินดี ที่อยู่ที่กินก็เพียบพร้อมแบบนี้ ให้อยู่ทั้งชีวิตก็ยังได้ แต่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจริง ๆ”
เหนือภพอธิบายออกไปตามตรง แต่ไม่ลงลึกในรายละเอียดมาก
แม้ผู้เฒ่าจะเสียความรู้สึกไปบ้างแต่เขาก็เข้าใจว่าเหนือภพเป็นฮันเตอร์มากฝีมือ ควรมีอนาคตที่ไกลกว่านี้ เขาเป็นบุคคลที่ยากเกินกว่าจะอยู่กับที่ การที่เขามาที่เมืองโกงกางก็คงมีหน้าที่หรือจุดประสงค์บางอย่างและเหนือภพคงบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาไม่อาจรั้งเหนือภพไว้ได้อีก
“เอาเถอะยังไงก็เป็นการตัดสินใจของเจ้า หากเจ้าไม่มีที่ไป เจ้ากลับมาหาข้าได้เสมอ โรงเตี๊ยมสำราญใจยินดีต้อนรับ ถ้าไม่มีเจ้าคงวุ่นวายอีกมากแน่ เฮ้อ”
เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์ ผู้เฒ่าถึงกับให้คนงานภายในร้านเตรียมอาหารแห้ง ทั้งคาวและหวานให้เหนือภพเพื่อใช้เป็นเสบียงเดินทาง หนำซ้ำยังจ่ายค่าเดินทางก้อนโตพร้อมกับเรียกรถอสูรวัวเขาหักเพื่อให้เหนือภพเดินทางอย่างสบายที่สุด
ก่อนเหนือภพจะออกจากเมือง เขาตรงไปยังร้านทำอาวุธเพื่อขอรับชุดเกราะที่ได้สั่งทำไว้ ซึ่งผลงานของหัวหน้าช่างทำอาวุธคนนี้ทำให้เขาพอใจมาก รอบที่แล้วถือว่าดี แต่ครั้งนี้กลับดียิ่งกว่า เพราะมันคือชุดเกราะเกล็ดอสูรกริมแวววาวทั้งชุด มีทั้งความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ
ขณะที่หัวหน้าช่างทำอาวุธกำลังอธิบายผลงานของตัวเอง เหนือภพก็กำลังทดลองสวมใส่ชุดเกราะใหม่ไปด้วย
“ส่วนของเสื้อและกางเกงข้าใช้วิธีทำแบบเกราะโซ่ ข้านำเกล็ดอสูรกริมขนาดใหญ่มาตัดแต่งเจียระไนใหม่ ทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน แล้วนำมาเย็บร้อยต่อแบบซ้อนชั้นด้วยลวดโลหะชุบแร่สองสีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น มันจะทำให้การเคลื่อนไหวของเจ้าคล่องตัวขึ้น เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะไม่ติดขัด
ด้านในของแผงเกล็ดแต่ละชิ้นส่วนข้าได้บุหนังกิ้งก่าทะเลแดง ช่วยในการให้ผิวไม่ระคายเคือง เพิ่มความยืดหยุ่น และระบายความอับชื้น เจ้าจะไม่รู้สึกร้อนเมื่อสวมใส่ตลอดการต่อสู้
ที่สำคัญตัวเกราะข้าได้ไหว้วานให้ผู้ชำนาญแกะสลักอักขระอาคมลงไปทั่วทุกเกล็ด เพื่อดึงพลังของมันออกมาช่วยเสริมตัวเจ้า ไม่เพียงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ความคล่องตัวและความเร็วของเจ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้นได้ภายใน 20 นาที แต่ก็มีเงื่อนไขคือเจ้าต้องเอามันไปแช่น้ำกลางแสงอาทิตย์วันละสองชั่วโมงเพื่อเติมพลังงาน”
เหนือภพพยักหน้าเข้าใจขณะบิดเอี้ยวลำตัว หมุนคอไปมา ก้มหัวลงเอามือจับเท้าตัวเองและก็กระโดดตบมือขึ้นลง มันเป็นจริงอย่างที่หัวหน้าช่างทำอาวุธว่าไม่มีผิด เขาไม่รู้สึกติดขัดเลย
“พี่ตั้งชื่อชุดว่ายังไง”
เหนือภพถามขณะมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกทองเหลือง ชุดสีรุ้งนี้ราวกับชุดปลาที่มีลักษณะเหมือนเสื้อยืดแนบติดเนื้อ บริเวณคอเป็นคอเต่าขึ้นมา ช่วยป้องกันการโดนลอบเชือดคอได้เป็นอย่างดี แขนมีความยาวสามส่วน ปลายแขนเสื้ออยู่เหนือแขนพับเพียงสองนิ้ว
เกล็ดของอสูรกริมปกป้องทุกส่วนของร่างกายส่วนบน ไม่เว้นแม้รักแร้เพียงแต่ว่าเกล็ดที่อยู่บริเวณนั้นถูกตัดแต่งจนมีขนาดเล็กมาก เมื่อต่อกันเป็นแพจึงแทบจะมองไม่เห็นรอยต่อ ถ้าไม่ลองลูบไล้ดู
“ข้าเรียกมันว่า มัจฉาเจ็ดสีอิทธิฤทธิ์เหลือหลาย ทั้งโลกาไม่มีศาสตราวุธใด เจ็ดแสงยิ่งใหญ่ไร้คู่ต่อกร”
เหนือภพยิ้มกว้าง มันยาวมากแต่เขาชอบ
“เยี่ยม ! เป็นชื่อที่ดี”
เหนือภพมองส่วนของกางเกงที่มีความยาวเพียงสามส่วนที่ยาวเพียงหุ้มหัวเข่าของเขาเท่านั้น ซึ่งกางเกงนี้ไม่ได้ใช้ยางยืดหรือเข็มขัดใด แต่มันมีแม่เหล็กขนาดเล็กที่ถูกจัดวางเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ทันทีที่สวมกางเกงเข้าไป ส่วนของหัวกางเกงจะเชื่อมต่อเข้ากับชายเสื้อจนกลายเป็นชิ้นเดียวกัน
เหนือภพยกนิ้วให้กับฝีมือและความคิดอันแปลกใหม่ของหัวหน้าช่างทำอาวุธที่ออกแบบมาได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัย
“แล้วถ้ามันเชื่อมติดกันแบบนี้ข้าจะเอามามันออกยังไง ?”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ข้าได้วางกลไกแม่เหล็กเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ที่บริเวณสีข้างของเจ้ามีจุดเชื่อมต่อ ถ้าเจ้าเลื่อนเกล็ดของมันสลับกัน ขั้วแม่เหล็กของกางเกงจะเด้งออกมาจากชายเสื้อ ในทันที”
เหนือภพทำตามที่ช่างบอก บริเวณสีข้างขวาของเขามีเกล็ดสี่อันที่สามารถขยับได้ เขาลองขยับมันโดยการเลื่อนทวนเข็มนาฬิกา
แป๊ก
แต่กางเกงกลับไม่หลุดออกจากตัวเขา มันยังติดแน่นราวกับเขากำลังใส่กางเกงซับในขาสามส่วน
หัวหน้าช่างทำอาวุธมีสีหน้าประหลาด เขาว่าเขาวางกลไกนี่เป็นอย่างดีแล้วนะ
เหนือภพจะเอ่ยถาม แต่จู่ ๆ เขาก็เห็นหนึ่งในคนงานกำลังเทเหล็กหลอมลงในแม่พิมพ์ดาบ เขาก็ร้องอ๋อ ทันที ก่อนจะเอ่ยออกไปเบา ๆ ว่า
“ตัวข้าได้ผสานเข้ากับเหล็กไหล เป็นไปได้ไหมว่าเพราะสาเหตุนี้”
พอหัวหน้าช่างทำอาวุธได้ฟังก็ตกตะลึง ถึงว่าทำไมเสื้อเกราะของเขาถึงเป็นแบบนี้ เหล็กไหลถือเป็นเจ้าแห่งเหล็ก ถ้ามันสำแดงพลังก็มันสามารถดูดเหล็กเกือบทุกชนิดให้เข้าหาตัวได้และผู้ที่ผสานร่างกับเหล็กไหล ร่างกายก็ถือว่าเป็นเหล็กไปแล้วครึ่งหนึ่ง มันจะมีแรงดึงดูดต่อเหล็ก เมื่อจับดาบแล้วไม่คิดปล่อย ดาบนั้นก็ไม่มีทางหลุดมือ
“มันไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
เหนือภพถามย้ำ แต่หัวหน้าช่างทำอาวุธส่ายหน้า
“มันจะไปมีปัญหาอะไรได้ละ” หัวหน้าช่างทำอาวุธส่ายหัวพร้อมกับคิดคำนึงในใจ
‘มันดียิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเจ้าบอกข้าตั้งแต่แรกว่ามีเหล็กไหลในตัว ข้าจะได้ไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งคิดกลไกบ้านั่นขึ้นมา เอาเวลาไปทำส่วนอื่นยังจะดีกว่า เฮ้อ’
“ปัญหาเพียงอย่างเดียวของมันคือมีน้ำหนักมาก เจ้ามั่นใจแค่ไหนว่าจะใส่มันได้สะดวก ตั้ง 60 กิโลกรัมเลยนะ”
เป็นอีกครั้งที่หัวหน้าช่างทำอาวุธรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ เขาหวังว่าจะได้แก้มือคราวหน้า การแก้ปัญหาเรื่องน้ำหนักของชุดเกราะนั้นเป็นปัญหาที่ช่างทำอาวุธมักจะต้องเจอ หากทำให้ทนทาน
แข็งแกร่งน้ำหนักมันก็จะมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าหากต้องการให้เบาลง การป้องกันก็จะลดทอนลงจนแทบจะไร้ประสิทธิภาพ
เหนือภพโบกมือปัดไปมาอย่างไม่ใส่ใจ
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหากับข้าหรอก”
สี่ปีที่ผ่านมา เขาอยู่ในดินแดนที่มีแรงโน้มถ่วงโลกมากจนจะเรียกว่านรกก็ไม่ผิด ของแค่นี้ยังหนักไม่เท่าถ้วยที่เขาใช้กินข้าวทุกวันเลย
เขายื่นมือไปคว้าเอาส่วนที่เป็นถุงมือมาใส่โดยมีหัวหน้าช่างตีเหล็กเป็นผู้ช่วย มันปกปิดได้ทั้งลำแขนจนเกือบถึงข้อศอก เขาลองกำมือมือ แล้วก็แบมือ วนซ้ำไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็ลองหักนิ้วมือ รวมถึงหมุนควงข้อมือ เขาก็ทำได้อย่างสบาย เหมือนเขากำลังสวมใส่ถุงมือที่ทำจากยางไม้ มันทั้งยืดหยุ่นและกระชับพอดี
“แล้วขาละ ?”
เหนือภพเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยิ้มแห้งของหัวหน้าช่างทำอาวุธ เขาก็พอเดาออก
“อย่าบอกนะว่าท่านไม่ได้ทำ ท่านผิดสัญญา”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากทำ แต่เกล็ดอสูรกริมที่เจ้าให้มามันพอที่ไหนล่ะ”
หัวหน้าช่างทำอาวุธบอกพร้อมแสดงหลักฐานเป็นรองเท้าที่ทำได้เพียงข้างละครึ่งส่วน
ความจริงแล้วเกล็ดที่เหนือภพให้มามันเพียงพอที่จะทำได้ครบชุด แต่ด้วยความที่ช่างทำอาวุธเป็นคนช่างคิดและชอบผลิตผลงานคุณภาพ มันเป็นความเคยชินและเป็นความท้าทายหากไม่ดีกว่าที่เคยทำ เขาก็จะเริ่มทำมันใหม่
จนกระทั่งเขาพบสูตรซ้อนเกล็ดอสูรกริมทับกันสองชั้น มันช่วยซึมซับและลดแรงกระแทกได้อย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเอาส่วนเกล็ดที่เสียหายนำมาหลอมพร้อมกับแร่สองสีด้วยไฟอุณหภูมิสูง จนกลายเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติในการป้องกันและซึมซับแรงกระแทก
จากนั้นเขาก็นำเกล็ดที่เขาทำขึ้นมาใหม่นำมาชุบเคลือบตัวเกล็ดด้วยโลหะหลอมพิเศษซ้ำทั้งหมด 7 รอบ ซึ่งวิธีการนี้สิ้นเปลืองเกล็ดอสูรกริมเป็นอย่างมาก แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพการป้องกันเป็นทวีคูณ แต่วิธีการทำทั้งหมดนี้หัวหน้าช่างทำอาวุธไม่ได้บอกเหนือภพ เพราะถือว่ามันเป็นความลับทางการค้า
แม้เหนือภพจะสงสัย แต่เมื่อดูจากผลงานชิ้นเลิศแล้ว เขาก็ไม่อยากถือสาอะไรมาก
“งั้นก็ช่างเถอะ หากเมื่อไหร่ที่ข้าหาเกล็ดมาได้อีก ข้าจะนำมาให้ท่านทำต่อจบเสร็จ แต่...”
“แต่อะไร”
หัวหน้าช่างทำอาวุธลุ้นจนตัวเกร็ง เมื่อเหนือภพเงียบเสียงไป
“ข้าจะจ่ายค่าแรงชิ้นส่วนแค่เสื้อ กางเกงและก็ถุงมือเท่านั้น”
นั่นทำให้หัวหน้าช่างทำอาวุธถึงกับหัวคิ้วกระตุก ก่อนจะเหยียดตัวขึ้นเอ่ยต่อรองว่า
“ข้ารู้ว่าข้าผิดพลาดไปสักหน่อย ข้ายอมลดให้เจ้าได้แค่ 10% เจ้าอย่าลืมว่ามีค่าวัตถุดิบที่ข้าใช้ไปกับชุดเจ้ามากมาย แค่นี้ข้าก็แทบไม่ได้กำไรอยู่แล้ว เจ้าต่อรองแบบนี้ฆ่าข้าซะดีกว่า”
“พี่อย่าลืมว่าพี่ให้ข้ารอตั้งห้าเดือน แถมยังให้คนอื่นมาแซงคิวข้าอีก ข้าก็ไม่ถือสา ถือว่าข้าใจดีกับพี่แล้วนะ ลด 20% แล้วกัน”
สีหน้าของเหนือภพจริงจัง
“นี่เจ้า ข้าให้เจ้าได้แค่ 15% แค่นี้ห้ามต่อรองอีก”
เหนือภพยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบไปว่า
“ข้าเห็นแก่ท่านนะ นี่ถ้าเป็นคนอื่น ข้าคงไล่เตะก้นมันแล้ว”
หัวหน้าช่างทำอาวุธพ่นลมหายใจออกมาอย่างขมขื่น แต่ก็รู้ดีว่าเจ้าเด็กนี่ถึงปากเสียไปหน่อย แต่แววตาของมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ขณะที่หัวหน้าช่างทำอาวุธจะไปเอาเศษทองบริสุทธิ์ที่เหนือภพเคยให้มาคืน แต่เขานึกขึ้นได้ว่าเขาเอามันไปแลกเป็นเหรียญทองหมดแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นคืนเหรียญทอง 80 เหรียญแทน
จากนั้นเขาก็มองเหนือภพค่อย ๆ เดินจากไปพร้อมกับชุดเกราะเกล็ดสีรุ้งรัด กลางแสงแดดที่ร้อนระอุ เกล็ดหลายร้อยชิ้นบนชุดเกราะต่างเปล่งประกายสีเจ็ดสีสู้แข่งประชันสีสันกันอย่างไม่ยอมใคร
เขาถึงกับพ่นลมหายใจออกมา
‘เด่นแบบนี้จะรอดถึงเมืองสินธุไหมนั่น’