คาถาที่ 33 : คนโชคร้าย
อิฐเดินแยกออกมาจากชาบูด้วยความรู้สึกที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรจะแย่ แย่ที่เห็นคนที่คุยด้วยมาตั้งนานถูกแย่งไป ทั้งที่คิดว่าคนที่แย่งไปจะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้แล้วแท้ ๆ แต่พอกลับมาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน คุยกันกระหนุงกระหนิงกลับทนไม่ได้ซะงั้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือเพื่อนสนิทของตัวเองกลับไปเข้าข้างเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่เดือน มันมาต่อว่าเขาราวกับไปฆ่าใครตาย ทั้ง ๆ ที่น้ำซุปนั่นมันก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมายเลย
ใช่ เขายอมรับ เขาจงใจเทน้ำซุปใส่หลังแมทธิวเอง มันแปลกนักเหรอในเมื่อเขาเองก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ทำไมจะรู้สึกติดลบกับคนอื่นไม่ได้ เขาอิจฉามัน อิจฉาที่สุกี้เลือกมัน อิจฉาที่ชาบูคอยเข้าข้างมันเสมอ ความรู้สึกแบบนี้มันมีมาสักพักแล้ว แต่มันก็ไม่เคยหลุดแสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็นสักที แม้กระทั่งตอนนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจ และตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้ความรู้สึกแบบนั้นมันถึงมีมากมายเหลือเกิน
... มากมายจนควบคุมตัวเองไม่ได้และต้องทำแบบนั้นออกไป
ปานแดงสองจุดบริเวณลำคอของอิฐกลายเป็นสีม่วงช้ำเหมือนโดนพิษของอะไรบางอย่าง เส้นเลือดแถวนั้นแตกระแหงกลายเป็นสีม่วงดำจนเห็นได้ชัดเจน ยิ่งเขารู้สึกอิจฉา มันยิ่งเหมือนไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวให้เริ่มมีพลังมากขึ้นอย่างที่เขาไม่รู้ตัว ... มันกำลังกัดกินเขา
อิฐเดินตามถนนสองข้างทางมาเรื่อย ๆ วันนี้เขาติดรถชาบูออกมา แยกตัวออกมาแบบนี้คงต้องหาทางกลับเอง เขาโบกแท็กซี่ไม่นานก็มีหนึ่งคันที่จอดรับ ตอนแรกว่าจะหาแท็กซี่กลับไปหอใน แต่ไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวทั้งที่สภาพและความรู้สึกยังเป็นอยู่แบบนี้ มันทั้งร้อนรุ่ม ทั้งหงุดหงิดยิ่งกว่าการโกรธใครสักคน เหมือนมีไฟเผาอยู่ภายในใจ เขาอยากจะระบายออก ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ทิฐิที่มีอยู่ในตอนนี้มันทำให้ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด เขาอยากจะลืมเรื่องที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ยังดี รู้ทั้งรู้ว่าเหล้ามันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร แต่ปากก็บอกคนขับแท็กซี่ให้พาไปยังร้านที่ตัวเองเคยไปเป็นประจำ
ไม่นานร่างของอิฐก็มานั่งอยู่ที่บริเวณบาร์เครื่องดื่มคนเดียว แก้วเหล้าหลายแก้วถูกกระดกเข้าไปในปากไปจนไม่อาจจะนับได้ ภาพความทรงจำระหว่างเขากับสุกี้เริ่มย้อนเข้ามาในหัว และถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ก็จะสังเกตได้ว่าการกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สุกี้ทำ สุกี้เห็นเขาเป็นเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่ง ไม่ได้ต่างอะไรไปจากชาบูเลย
แค่พี่น้องงั้นเหรอ ... หึ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกวะ ปล่อยให้คิดไปเองอยู่ได้ตั้งนาน
แต่ความรู้สึกที่มันมากกว่านั้นคืออิจฉา ... ทำไมแมทธิวต้องได้เป็นคนนั้นของสุกี้ด้วย ทำไมไม่เป็นเขา ทำไม ...
ขณะที่อิฐกำลังนั่งคิดอะไรไปเพลิน ๆ เสียงหนึ่งก็ทักดังขึ้น ทำให้เขาหันไปมอง
“อ้าว อิฐ ไมวันนี้มาคนเดียววะ เพื่อนมึงหายไปไหนหมด”
คนที่ทักคือรุ่นพี่ที่คณะเขาซึ่งเป็นนักร้องให้กับร้านนี้ อิฐพูดทักทายรุ่นพี่ตรงหน้าของตัวเองพอเป็นพิธี ก่อนหันกลับมาสนใจกับเครื่องดื่มตรงหน้าต่อ
“ช่างหัวมันพี่ วันนี้ผมอยากมาคนเดียว” อิฐตอบ
“ดูอารมณ์ไม่ดีนะมึง เออ ๆ กูไปร้องเพลงก่อน แวะมาทักเฉย ๆ” รุ่นพี่คนนั้นตอบกลับมา ตบไหล่อิฐเบา ๆ ก่อนเดินแยกตัวห่างออกไป
“ครับ”
จากเวลาสามทุ่มก็กลายเป็นสี่ทุ่ม จากสี่ทุ่มในที่สุดเวลามันก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีสอง อิฐนั่งอยู่ตรงนั้นนานจนร้านปิด มีผู้หญิงเข้ามาทักทายเขามากมายเพราะทั้งรูปร่างและหน้าตาของเจ้าตัว แต่หลังจากคุยกันไปไม่กี่คำก็ต้องถอยกลับเพราะรังสีอึมครึมบวกกับหน้าตาไม่รับแขกของอิฐ ต่อให้หน้าตาดีแค่ไหนก็กลัวโดนฟาดหัวแตกกันทั้งนั้นถ้าไปเซ้าซี้นาน ๆ เข้า
สภาพของอิฐตอนนี้เรียกได้ว่าเมาแบบหมดสภาพแต่ก็ยังคงมีสติ พูดจาพอรู้เรื่องอยู่ พนักงานร้านเริ่มมาไล่เขาออกไปเพราะตอนนี้มันก็เกินเวลาปิดร้านมามากแล้ว โชคดีที่ยังมีรุ่นพี่ที่เขารู้จักตอนแรกเข้ามาช่วยคุยไว้เพราะเจ้าตัวดูท่าจะไม่ยอมกลับออกไปง่าย ๆ พูดแต่จะขอต่ออีกแก้ว
“น่า ขออีกแก้วเดะน้อง” อิฐพูด
“ร้านปิดแล้วครับ เชิญพี่”
“เดี๋ยวพี่คุยเอง ไอ้นี่รุ่นน้องที่คณะพี่”
รุ่นพี่ที่อิฐรู้จักเดินมาคุยกับพนักงานคนนั้นก่อนลากตัวอิฐเดินออกมาด้านนอกของร้าน คนลากออกมาส่ายหัวเบา ๆ ไม่รู้เป็นบ้าบออะไรถึงดื่มหนักขนาดนี้
“อิฐ ร้านปิดแล้วเว้ย มึงไหวปะเนี่ย เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่ให้นะ”
พูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรเรียกแท็กซี่ พลางปล่อยให้อิฐนั่งลงบริเวณเก้าอี้ม้านั่งที่วางอยู่ทางด้านหน้าของร้าน
“ขอบคุณ เอิ้ก พี่” อิฐพูดไปพร้อมสะอึก ทำท่าจะอ้วกแต่ก็ไม่อ้วกออกมา
“กลับเองไหวนะ กูต้องไปส่งแฟนก่อน โทรให้แล้ว เดี๋ยวแท็กซี่คงมา มึงนั่งรอหน้าร้านนี่แหละ” รุ่นพี่ของอิฐพูด
“สบายมาก ผมรอ อยู่นี่ คนเดียวด้าย”
เมื่อเห็นว่ายังคงพอตอบอย่างมีสติกลับมาได้ คนถามก็พอเบาใจ ก่อนเดินแยกตัวไปอีกทาง ไม่นานก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับผ่านมาทางนี้ อยู่ ๆ อิฐก็ลุกพรวดขึ้นมาวิ่งไปขวางหน้ารถเพราะนึกว่าเป็นแท็กซี่ โชคดีที่รถคันนั้นเบรกเอาไว้ได้ทัน และไม่ได้ขับมาอย่างเร็ว ไม่อย่างงั้นคงจะต้องมีใครสักคนได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยแน่นอน รถคันนั้นจอดลงด้านหน้าของอิฐในระยะห่างไม่กี่เซนติเมตร ดูท่าทางคนขับจะหัวเสียไม่น้อยเพราะถึงกับเดินออกมาจากรถพร้อมกระแทกประตูรถปิดเสียงดัง
“คุณ ! เป็นบ้าอะไร อยากตายนักเหรอ”
คนพูดเป็นหญิงสาววัยยี่สิบกลาง ๆ มองมาที่อิฐอย่างหงุดหงิดปนโมโหที่อยู่ดี ๆ ก็วิ่งมาตัดหน้ารถเธอ แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่องเพราะดูเมาหนักซะขนาดนี้
“ปาย ส่งผมหน่อย หอใน ม. XXX” อิฐพูดพร้อมเดินมาที่ด้านหลังของรถและเปิดประตูออกทำท่าจะเข้าไปนั่ง แต่หญิงสาวรีบดึงตัวไว้ก่อน ระหว่างนั้นหญิงสาวก็เห็นหน้าอิฐได้อย่างชัดเจน สายตาของเธอหรี่มองหน้าของชายหนุ่มเหมือนคิดอะไรสักอย่างแล้วก็นึกขึ้นมาได้
“เฮ้ย นาย ! นี่มันไอ้โจรดักปล้นทางกลับมหาวิทยาลัยเมื่อวันก่อนนี่นา”
เธอจำหน้าเขาได้แม่นยำ เพราะหน้าตาของชายหนุ่มไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรแต่กลับดูดีมากเสียจนจำติดตาด้วยซ้ำ ไม่น่าเป็นโจรดักปล้นคนอื่นกลางทางเลย วันนั้นเธอเลยเลือกเอาที่ช็อตไฟฟ้าจัดการเขาแล้วรีบหนีออกมา
“โจร เจิน ราย ผม เป็น เอิ้ก นัก ศึก ษา” อิฐพูดออกมาช้า ๆ ทีละคำ พร้อมกับกระโดดพุ่งตัวเข้าไปในรถของหญิงสาว
“เฮ้ย ! ออกมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้นะ ทำไมแรงเยอะงี้” หญิงสาวพูดพร้อมกับดึงขาของอิฐออกมาจากรถ พลางมองไปรอบ ๆ เพื่อหาคนช่วย แต่แถวนั้นตอนนี้ก็ไม่มีคนแล้ว นี่ไม่รู้เป็นคราวซวยอะไรของเธอถึงต้องมาเจอไอ้บ้านี่ถึงสองครั้งสองครา แต่ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าใช่โจรรอบที่แล้วเธอคงเข้าใจผิด ก็ดันมาบอกว่าโดนงูกัดที่คอ ใครจะบ้าไปเชื่อ งูส่วนใหญ่มันก็กัดได้แค่ที่ขาแค่นั้นแหละ ตัวเองก็สูงเกือบจะสองเมตร บ้าบอจริง ๆ
“อาวน่า ผมห้าย ห้าร้อยเลย ปาย ๆ” อิฐที่ยังคงคุยไม่รู้เรื่องพูดออกมา
หญิงสาวส่ายหัวอย่างอารมณ์เสีย จะเอายังไงกับไอ้บ้าขี้เมานี่ดีนะ
“เอ่ะ ทาม มายคนขับแท็กซี่ ส้วย สวย”
ยัง ยังไม่รู้สึกตัวอีก ...
“นายเมามากแล้วนะ มีสติหน่อย ลงมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้”
เธอแทบจะเป็นบ้ากับร่างที่อยู่ตรงหน้า นี่ขนาดตอนเมายังกวนโมโหได้ขนาดนี้ ตอนไม่เมาจะขนาดไหน ว่าแล้วหญิงสาวก็พยายามดึงขาลากตัวของอิฐออกมาจากรถอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ฝันดีค้าบ นางฟ้า จุ๊บ ๆ”
พูดจบร่างที่อยู่ตรงหน้าเธอก็หลับตาลง
“นาย ! อย่าหลับ อย่าหลับ โอ๊ย !”
เธอกำหมัดแน่น หงุดหงิดจนแทบจะกรีดร้องออกมา ทำไมต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้กลางทางกลับด้วยนะ รู้งี้น่าจะเลือกมาอีกทาง ทางที่แล้วก็เจอไอ้บ้านี่ คราวนี้เลยเปลี่ยนเส้นทางกลับมาเส้นนี้ ยังจะเจอไอ้บ้านี่อีก สงสัยต้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เสียยกใหญ่แล้ว เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ไปกว่านี้ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าหมอนี่ต้องมีมือถือ
ใช่ ... ต้องโทรหาคนรู้จักของเขา แล้วให้มารับตัวไป
ว่าแล้วเธอก็ก้มลงไปในรถ มือของเธอก็คลำไปที่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของอิฐแล้วก็พบมือถือของเจ้าตัวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างซ้าย ในขณะที่เธอกำลังจะหยิบมือถือของเขาออกมา มือหนาของอิฐก็เลื่อนมาจับมือเธอเอาไว้ก่อน
“ฮั่นแน่ จะลักหลาบเค้าหรา จัดด้ายเตมที่เลย”
คนพูดละเมอจบก็ปล่อยมือของหญิงสาวออกก่อนพลิกตัวนอนหันหน้าไปอีกทาง
“ไอ้บ้าเอ้ย !”
หลังจากหยิบมือถือของอิฐออกมาได้หญิงสาวก็สไลด์จอปลดล็อคหาเบอร์โทรล่าสุดอย่างรวดเร็ว ยังดีที่หมอนี่ไม่ได้ล็อคมือถือไว้อีก ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
นี่ไงเจอแล้ว สายตาของหญิงสาวเห็นเบอร์ล่าสุดที่เขาใช้โทรออกแล้วก็กดซ้ำลงไป คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของหมอนี่นะ ขอให้รับเถอะ ขอให้ยังไม่นอนเถอะนะ
‘Keyboard’
หลังจากกดโทรออกสักพัก รอไม่นานปลายสายก็มีเสียงตอบกลับมา
“ฮัลโหล กูกำลังจะโทรถามอยู่เลย ป่านนี้แล้วมึงอยู่ไหนไม่กลับหอ”
ชัดเลย ... ปลายเสียงเหวี่ยงขนาดนี้ อย่างกับแฟนตามกลับห้องอะไรอย่างงั้น นั่นเพื่อนแน่เหรอ เธอชักไม่แน่ใจ ...
“สวัสดีค่ะ คุณคีย์บอร์ดใช่ไหมคะ”
“อ่อ ขอโทษครับ ใช่ครับ คุณเอาเบอร์เพื่อนผมโทรมาได้ไงครับเนี่ย” น้ำเสียงที่ดังออกมากลายเป็นสุภาพทันที ทำเอาเธออดขำไม่ได้
“พอดีฉันเห็นเบอร์นี้เป็นเบอร์ล่าสุดที่เจ้าของมือถือโทรหา ก็เลยลองโทรดู คุณเป็นเพื่อนเขาใช่ไหมคะ ตอนนี้เขาเมาเละอยู่ที่ร้าน XX”
“ฮะ ! งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมออกไปรับ ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“กลับมาก็เจอเรื่องเลยกู เฮ้อ”
ปลายสายส่งเสียงดังไล่หลังมาอย่างหัวเสีย ก่อนกดวางสายลง เธอเองก็หัวเสียที่ต้องเจอกับไอ้บ้านี่เหมือนกัน สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขาไปทั่วเลย
แล้วนั่น ... นั่นจะทำอะไร
หญิงสาวตาโตมองเข้าไปภายในรถตัวเองอย่างตกใจ เมื่อเห็นอิฐที่ตอนแรกนอนหลับไปแล้วลุกขึ้นมานั่ง มันเป็นภาพที่เธอหวาดกลัวที่สุดในชีวิต นั่นมันบ้าอะไร ไม่จริงนะ ...
ไม่จริง ...
ภาพที่เห็นคืออิฐลุกขึ้นมานั่งก่อนโก่งคออ้วกอย่างเอาเป็นเอาตายที่เบาะด้านหลังรถของเธอ
กรี๊ด !
และแล้วก็เกิดเสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณจากปากของผู้เป็นเจ้าของรถ ... นี่มันเวรกรรมอันใดของเธอหนอ
คีย์บอร์ดเดินออกมาจากรถตรงไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนรอเขาด้วยใบหน้าที่แสนจะเหวี่ยง ถ้าเขาเดาไม่ผิดอิฐต้องไปก่อเรื่องอะไรร้ายแรงสักอย่างไว้แน่ ๆ
“เอ่อ เพื่อนผมล่ะครับ”
“ในรถค่ะ เอาออกไปให้ไวเลย”
แล้วคีย์บอร์ดก็พบเจอสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหวี่ยงได้ขนาดนี้หลังจากเดินไปด้านหลังของรถ เพราะทั้งภาพทั้งกลิ่นชัดเจนยิ่งกว่าอะไร ดีที่เธอไม่โทรแจ้งตำรวจนะเนี่ย
ไอ้อิฐเอ้ย ... มึงรู้ตัวไหมเนี่ย ว่าทำบ้าอะไรลงไป
คีย์บอร์ดลากตัวอิฐกลับไปที่รถตัวเองก่อนออกมาคุยพร้อมกับขอโทษขอโพยในสิ่งที่อิฐทำ หลังจากที่เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง เดี๋ยวตื่นมาต้องเคลียร์กันยกใหญ่
“ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนอีกทีนะครับ ที่ทำแบบนั้นกับรถคุณ แถมทำให้คุณต้องลำบากอีก” คีย์บอร์ดพูด
“คราวหลังก็ดูแลเพื่อนให้ดี ๆ นะคะ”
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมขอเบอร์โทรติดต่อไว้ได้ไหม เดี๋ยวพอมันสร่างเมา พรุ่งนี้ผมจะให้มันโทรไปขอโทษพร้อมกับชดใช้ค่าเสียหาย ค่าล้างรถให้คุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคงไม่ได้เจอกับหมอนั่นอีกแล้วล่ะ” หญิงสาวพูด
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนเดินไปที่รถของตัวเอง เปิดกระจกรถทุกบาน แล้วทำใจขับรถห่างออกไป หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้พบกับเหตุการณ์อันแสนสยดสยองแบบนี้ อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยในชาตินี้
สาธุ !