ตอนที่ 99 ชีวิตอนาถของสองเรา
วันเวลาผ่านไปอีกหลายสัปดาห์แนวคิดของกลิ่นจันทน์ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง เหล็กไหลสามารถใช้ฆ่าสัตว์อสูรได้จริง แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้มันโจมตีจุดตายของสัตว์อสูรถึงจะเห็นผลชัดเจน
ในที่สุดวันเวลาก็ผ่านไปอีกหลายเดือน โพรงถ้ำเริ่มกว้างและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น กลายเป็นโถงถ้ำกว้างขวาง ข้าวของเครื่องใช้ก็มีมากขึ้น เนื่องจากกลิ่นจันทน์เป็นคนสะสมและสร้างมันขึ้นมา
ขณะที่อาการของเหนือภพนั้นนับวันยิ่งแย่ อาการเจ็บแสบร้อนภายในร่างกายก็เริ่มเกิดนานขึ้น จากที่นานเป็นชั่วโมงก็เพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน วันละครึ่งนาที ตอนนี้ก็ยาวนานนับ 6 ชั่วโมงต่อวันแล้ว
ความทรมานยาวนานหกชั่วโมงนี้ทำให้เหนือภพแทบคลั่งตาย และทุกครั้งที่มันจบลง เขาก็จะสลบไสลข้ามวันเลยทีเดียว เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะอาการกำเริบ และก็สลบไปวนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน
กลิ่นจันทน์ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ในเรื่องนี้ ต่อให้เธอป้อนอาหารและสมุนไพรเพื่อบำรุงเหนือภพไปมากเท่าใด แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่แสดงผลอะไรเลย เธอจึงเอาแต่ล่าสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่งเพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานให้ตำราจอมปราชญ์ได้ซึมซับ
เหนือภพมองดูกลิ่นจันทน์กำลังลากซากสัตว์อสูรจำพวกหนูเข้ามาในโถงที่พัก ตอนนี้เธอแข็งแกร่งขึ้นมากจนสามารถล่าสัตว์อสูรได้ แต่สภาพของเธอก็ไม่ได้ดูดีไปเสียทุกครั้ง และครั้งนี้เธอก็กลับมาในสภาพเลือดอาบใบหน้า
“กลิ่นจันทน์ นี่เจ้าตายไปแล้วกี่ครั้ง”
เหนือภพมองเธออย่างสงสาร หน้าที่แบบนั้นมันควรจะเป็นเขาที่ต้องทำต่างหาก ส่วนกลิ่นจันทน์นั้นเมื่อเธอได้ยินคำถาม เธอก็เอียงคอมองเพดานถ้ำพลางคิดคำนวณในใจ
“ข้าก็ไม่แน่ใจ คงจะสัก 8-9 ครั้ง”
“เอาแน่ ๆ สิ เรื่องนี้สำคัญนะ”
“ก็ข้าไม่แน่ใจนี่นา ตอนนั้นมันฉุกละหุก ไม่ทันได้นับ”
“คิดดี ๆ”
“อืม.. 8 ครั้ง”
เมื่อเหนือภพได้ยินแบบนั้นก็โล่งอกในใจ
“จากนี้ไปเจ้าห้ามเอาชีวิตไปเสี่ยงอีก เพราะเจ้าเหลือโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าเป็นห่วงนะ”
กลิ่นจันทน์ไม่ตอบอะไร เธอเพียงแต่อมยิ้มและก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนที่บรรยากาศแห่งความเขินอายจะเข้าครอบงำเธอ กลิ่นจันทน์ก็เฉไฉหางานทำในทันที ด้วยการแล่เนื้อสัตว์อสูรอย่างชำนาญ จากนั้นก็แบ่งเนื้อเก็บไว้ด้วยกรรมวิธีหลายอย่าง
องค์ความรู้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ ทักษะการล่า ทักษะการถนอมอาหาร ทักษะการปรุงสมุนไพรและทักษะอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับขั้นพื้นฐานที่กลิ่นจันทน์สามารถทำได้ ล้วนเกิดมาจากการศึกษาจากตำราจอมปราชญ์แทบทั้งสิ้น เธออาจไม่สามารถเทียบเท่าผู้ไร้พรสวรรค์ที่ได้รับพรด้านทักษะเหล่านั้นโดยตรง แต่หากเธออยากรู้เรื่องอะไรเธอก็จะได้รู้
เวลานี้เป็นเวลาที่เหนือภพสลบไสลไปอีกครั้ง และเมื่อไหร่ที่เขาหมดสติ เธอก็จะนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เขาตามปกติ เธอดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเหนือภพออก จากนั้นก็บรรจงใช้ผ้าเปียกเช็ดลูบไปตามลำตัวเปลือยเปล่าของเหนือภพ แม้ว่าเธอจะทำแบบนี้ทุกวันแต่เธอก็ยังรู้สึกใจเต้นตึกตักทุกครั้ง ยังดีที่เหนือภพไม่มีสติรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรกับเขา
กลิ่นจันทน์เช็ดไปตามแผงอกของเขา แล้วก็ลูบไล้ต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนไปถึงท้องน้อย และในจังหวะที่กำลังจะเลื่อนมือลงไปอีก ขนอ่อนที่หลังคอของเธอก็ลุกชัน มีความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่กระดูกสันหลังเลยทีเดียว เธอจึงหันไปมองข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็พบว่าเหนือภพนอนอมยิ้ม ลืมตาแป๋วจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น
“พี่ พี่ไม่ได้หลับหรอ”
“ก็เกือบละ ทำต่อสิ”
แล้วเหนือภพก็ฉีกยิ้มราวกับแมวชั่วร้ายจ้องจะกินปลา
“เมื่อไหร่พี่จะหายสักที จะนอนขี้เกียจไปจนถึงเมื่อไหร่ ข้าขี้เกียจเช็ดตัวให้แล้ว”
กลิ่นจันทน์แสร้งบ่น พลางแกล้งขัดถูเนื้อตัวของเหนือภพแรงขึ้น
“ใครใช้ให้เจ้าทำล่ะ เจ้าอย่าลืมนะ ว่าเจ้านั่นแหละมาปลุกปล้ำฉีกทึ้งเสื้อผ้าของข้าเอง”
“พี่ภพ พี่ก็พูดจาน่าเกลียด”
กลิ่นจันทน์เช็ดแก้มก้นของเหนือภพไปด้วยใบหน้าแดงซ่าน เมื่อย้อนคิดถึงอาทิตย์แรกที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เธอทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเหนือภพนอนจมกองเลือดเกรอะกรังอยู่แบบนั้น เธอจึงจัดการถอดเกราะ และตัดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมด เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดบาดแผล จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มอุ่นๆมาคลุมตัวเขาแทน
“จะว่าไปนอนอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ อยู่แบบนี้มีเจ้าคอยดูแลข้าตลอดไป”
เหนือภพพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ตลอดเวลาเกือบ 1 ปีมานี้ เขาต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดแสนสาหัส มีเพียงต้องคิดบวกเท่านั้นจึงจะปลอบประโลมจิตใจของทั้งคู่ได้
“พี่ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก ยังไงข้าก็จะไม่ไปไหน อ้อ พี่ภพ วันนี้ข้าจะไปล่าสัตว์อสูรหอยทากล่ะ พี่อยากกินมั๊ย”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเหนือภพแต่อย่างใด เขาสลบไสลไปแล้วเรียบร้อย
ชีวิตอนาถของเหนือภพดำเนินวนไปอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งอาการของเขากำเริบยาวนานถึง 12 ชั่วโมงต่อครั้ง เหล็กไหลที่ฝังอยู่บนแผ่นหลังของเขาก็เหมือนกับว่ามันซึมเข้าไปในตัวเหนือภพมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่มันมีแท่งยาวโผล่ออกมาประมาณ 24 เซนติเมตร ตอนนี้กลับหดเหลือเพียงแค่ 16 เซนติเมตรเท่านั้น
จากการวิเคราะห์ของกลิ่นจันทน์ เธอคาดว่าเหนือภพอาจจะต้องทรมานไปจนกว่าเหล็กไหลนี้จะซึมเข้าไปในร่างกายโดยสมบูรณ์ ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงนั้นเธอก็บอกไม่ได้ เพราะตำรานักปราชญ์ก็ไม่ได้กล่าวถึงคนไร้พรสวรรค์ที่ได้ครอบครองเหล็กไหลมาก่อน ในตำรามีเพียงข้อมูลเกี่ยวกับความเกรี้ยวกราดของเหล็กไหลที่มันจะสร้างความทุกข์ทรมาน และค่อย ๆ กลืนกินเลือดเนื้อของผู้คุกคามอย่างไม่ปรานี