ตอนที่ 91 ทำไมนะสวรรค์
“ไปกันเถอะ”
บุษย์น้ำเพชรเก็บสาส์นลับแล้วก็ลุกยืนบนกิ่งไม้ใหญ่ด้วยท่าทางอ่อนช้อยงดงาม
“แล้วเรื่องแร่ห้าสีล่ะครับ นี่ไม่ใช่โอกาสดีที่พวกเราจะแย่งชิงมันมาหรือครับ”
“ไม่ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้เรื่องมันบานปลายเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ป่านนี้ตระกูลไตรลักษณ์คงรู้แล้วว่าแผนบุกปล้นครั้งนี้เป็นฝีมือของใคร และคงไม่ปล่อยให้เรื่องจบไปอย่างเงียบ ๆ แบบครั้งก่อน ๆ ข้าว่าปล่อยให้น้ำทองแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นที่นี่ไปก็แล้วกัน พวกเรารีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทราบกัน เราจะได้เตรียมแผนการในขั้นต่อไป”
บุษย์น้ำเพชรกล่าวขณะยื่นมือไปรองรับดอกที่ร่วงหล่นจากกิ่งก้ามปู สายลมพัดพลิ้ว ดอกไม้บอบบางปลิวพัดไปตามลมแรง ลมหอบเอาดอกไม้พัดผ่านตัวหญิงสาวไปทำให้ชุดกระโปรงตัวสวยและผมยาวงามปลิวไสวราวกับนางฟ้า
“แร่ห้าสีงั้นหรือ บางทีพวกเราอาจจะได้มันมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงเลยด้วยซ้ำ”
เสียงแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเองของเธอทำให้องครักษ์คู่กายหมดคำค้าน
“ครับองค์หญิง”
ไม่มีการสนทนาใดอีก จากนั้นร่างกายของทั้งสองก็พร่าเลือนไป มันไม่ใช่ว่าพวกเขาหายตัวหรือล่องหนได้ แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขานั้นสูงมากจนดูเหมือนกับว่าหายวับไปในพริบตา
“กลิ่นจันทน์เป็นยังไงบ้าง”
เหนือภพชะโงกหน้าเข้ามาดูอาการของเด็กสาวคนสวยอย่างเป็นห่วง เขาได้ทำทุกอย่างที่เขาพอจะทำได้แล้ว ตัวยาทุกอย่างก็หาเงินมาซื้อจนครบแล้ว แพทย์ก็รักษาบาดแผลจนเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็ทำได้แค่เพียงรอคอยให้กลิ่นจันทน์นอนพักฟื้นเพียงเท่านั้น
“พี่ภพ ข้าขอบคุณพี่มาก”
แม้ริมฝีปากของเธอจะยังคงซีดจาง แต่เธอก็ยิ้มให้เหนือภพอย่างยินดี
“ดีแล้วล่ะ คืนนี้เจ้าก็นอนพักผ่อนให้เต็มที่นะ จะได้หายไวไว”
เหนือภพจัดแจงห่มผ้าให้เธออย่างเบามือ ผิวของเธอช่างอ่อนนุ่มราวกับเนย ส่วนมือของเขานั้นแข็งแกร่งราวกับท่อนไม้ หากไม่ระวังท่อนไม้อาจจะทำให้เนยเสียหายชอกช้ำได้
ค่ำคืนนี้พวกเขาจำเป็นต้องนอนกันตรงจุดเดิม พวกโจรป่าพากันหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่แน่ใจว่าพวกมันยอมรามือ หรือแค่ต้องการถอยเพื่อให้พวกเขาตายใจ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังตัวกันตลอดเวลา
พวกเขาจัดวางกระโจมที่พักใหม่ให้เป็นเรียงรายกันเป็นรูปวงกลมซ้อนชั้น กระโจมชั้นในสุดถูกจัดไว้ให้เป็นส่วนของผู้หญิง ซึ่งประกอบไปด้วยเหนือฟ้า กลิ่นจันทน์ และแพทย์หญิงอีก 2 คน ส่วนบุษย์น้ำทองนั้นได้กลับไปกับเวตาลแล้ว
กระโจมชั้นถัดออกมาเป็นกระโจมสำหรับผู้ไร้พรสวรรค์ที่ไร้ทักษะการต่อสู้ ซึ่งประกอบไปด้วยเหล่าแพทย์และคนรับใช้ของสมุทร
ส่วนกระโจมชั้นนอกสุดนั้นเป็นที่พักของฮันเตอร์ทั้งหมดที่เหลือรวมถึงเหนือภพด้วย พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันเฝ้ายามรอบละ 4 คน โดยทุก ๆ ชั่วโมงจึงจะมีการเปลี่ยนเวรกันครั้งหนึ่ง
กองไฟลุกโชนแสง มีเสียงแตกของประกายไฟดังเป็นระยะ ๆ เฮงเฮงและซวยซวยนั่งจับมือกันอยู่หน้ากองไฟ เวลานี้เป็นรอบที่พวกเขาต้องทำหน้าที่เฝ้ายามพร้อมกับฮันเตอร์คุ้มกันของสมุทรอีก 2 คน
พวกเขาจับมือกันแน่นด้วยเกรงว่าจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นอีก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว หากพวกเขาผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ทั้งขบวนก็จะได้เดินทางเข้าเมืองหลวงเสียที
“เหนือภพ ทำไมเจ้าไม่ไปนอน เจ้าจะนั่งเฝ้ากองไฟอย่างนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา”
ซวยซวยถามอย่างไม่เข้าใจ เหนือภพนั่งอยู่หน้ากองไฟแบบนี้มาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนเวรยามกันกี่รอบก็ตาม เหนือภพก็ยังนั่งนิ่งจ้องมองกองไฟอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหน จนเหนือภพได้รับหน้าที่เติมฝืนไปโดยปริยาย
“ข้ากำลังคิด”
“เจ้าคิดอะไร”
“คิดเรื่องหัวใจ”
เหนือภพใช้เวลานั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาและความรู้สึกของตัวเอง เขายังคิดไม่ตกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อกลิ่นจันทน์ใช่ความรู้สึกแบบคู่รักหรือไม่
“เจ้านี่มัน”
ซวยซวยไม่ถามอะไรต่อ และเขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเหนือภพอีกด้วย เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่เหนือภพแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้กับผู้มีพรสวรรค์ได้นั้นเป็นเพราะเขาเผาผลาญสมองตัวเองมาเสริมพลังเป็นแน่ เขาจึงดูเหมือนจะมีสมองน้อยกว่าคนทั่วไป ซวยซวยจึงเอาเวลามานั่งคิดหาอะไรสนุก ๆ ทำระหว่างเฝ้ายามแทน
“จริง ๆ บรรยากาศแบบนี้เราน่าจะหาอะไรมาดื่มกันนะ เดี๋ยวข้าไปแอบค้นเหล้าของหัวหน้าไทมาดีกว่า เจ้าว่าดีมั๊ยเฮงเฮง”
เฮงเฮงตาเป็นประกาย เขาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อากาศหนาว ๆ มานั่งล้อมวงกินเหล้าข้างกองไฟกันก็ถือเป็นสิ่งปลอบขวัญที่ไม่เลวเลย แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือหัวหน้าไทซ่อนเหล้าเอาไว้อย่างดี เพราะเขาไม่ต้องการให้พวกเด็กหนุ่มแตะต้องเหล้านั่นเอง
“ถ้าเจ้าไปหาด้วยตัวเอง ข้าว่าพวกเราได้ของเด็ดมาแน่”
“อื้ม”
เฮงเฮงและซวยซวยพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย แล้วซวยซวยก็แยกตัวออกไปค้นหาเหล้าที่เกวียนสินค้า ส่วนเหนือภพนั้นก็ยังคงนั่งจ้องกองไฟอยู่เงียบๆตามเดิม
ซวยซวยเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน ณ จุดศูนย์กลางของกลุ่มกระโจมก็เกิดแสงสีส้มวูบวาบอยู่ตรงนั้น
“เฮ้ย ไฟไหม้ !”
เฮงเฮงตะโกนเสียงแล้วก็วิ่งหน้าตั้งไปที่กระโจมของเหนือฟ้าทันที
‘โอย ทำไมนะสวรรค์ แม้แต่งานเฝ้ายามท่านก็ยังไม่อยากให้ข้าได้ทำอย่างสงบสุขรึ’
ส่วนเหนือภพนั้น เมื่อเขาได้ยินที่เฮงเฮงตะโกนบอก เขาก็กระทืบเท้าสุดแรง ส่งให้ตัวเองกระโดดเข้าไปถึงกระโจมชั้นในสุดในเวลาเพียงเสี้ยวนาที