ตอนที่ 9 เอาเหรียญข้าคืนมา
“อะไรเนี่ย ถ้างั้นต้องจัดชุดสอง”
เหนือภพปล่อยตัวให้ตกลงมา โดยกะระยะให้ตกลงบนหลังอสูรกริมตัวหนึ่ง แค่ด้วยน้ำหนักตัวของเขาก็ทำให้ปลายักษ์แทบหลังแอ่นแล้ว แต่นี่เหนือภพกลับเรียกใช้ร่างอาคมของยักษ์สหัสเดชะ ยักษ์อาคมที่อาจารย์ของเขาเพิ่งสักให้ไม่นานนี้ ทำให้ร่างกายสีขาวของเหนือภพพุ่งตกลงบนหลังปลายักษ์ราวกับดาวตก พื้นน้ำยุบฮวบ
กระดูกสันหลังกลางลำตัวของอสูรกริมตัวนั้นเคลื่อนในทันที ส่งผลให้มันไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วขณะ มันจึงค่อย ๆ จมลงในน้ำ เหนือภพก็จมลงไปด้วย เนื่องจากเขายังคงเกาะติดอสูรกริมตัวนี้แน่น
ด้วยอานุภาพแห่งอาคมยักษ์สหัสเดชะรวมกับอาคมเหล็กไหลภายในกาย ทำให้ร่างกายของเหนือภพเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้าอยู่ใต้น้ำ เบื้องหลังของเขาปรากฏยักษ์อาคมสีขาวโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่คอยค้ำตัวเหนือภพเอาไว้
เหนือภพประหลาดใจมาก เขาก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองใกล้เคียงกับผู้มีพรสวรรค์ก็คราวนี้ ตอนนี้ผิวหนังของเขากลายเป็นสีขาวทั้งหมด ผมสีม่วงเข้มที่เคยสั้นเกรียนก็งอกยาวสยายเป็นสีขาว และใบหน้าของเขาก็ปรากฏภาพความดุร้ายของยักษ์นัยน์ตาแดงก่ำ ปากแสยะกว้าง
ภายในสภาวะที่รอยสักอาคมยักษ์สหัสเดชะสำแดงฤทธิ์ เหนือภพก็เห็นภาพนิมิตในหัวเป็นรูปแบบพลังของสหัสเดชะ เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นเพียงแค่พลังระดับแรก มีเพียงหนึ่งหน้าสองแขน แต่เมื่อไหร่ที่เขาชำนาญและเข้าถึงยักษ์อาคมตนนี้ได้มากเท่าไหร่ ระดับพละกำลังที่เขาใช้ได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนหน้าและแขนของยักษ์สหัสเดชะที่เพิ่มขึ้นมา โดยพละกำลังจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากของเดิมแล้วทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ
แต่ว่าการปลุกยันต์ยักษ์สหัสเดชะในขั้นแรก อาคมจะคงอยู่ได้แค่ 3 นาทีต่อวันเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยันต์ยักษ์อาคมอีกสองตน ความสามารถในปัจจุบันเขายังไม่สามารถเรียกพลังนั้นออกมาได้
‘ย๊ากก’
เหนือภพใช้มือเปล่าทั้งสองจับเกล็ดสีรุ้งขนาดใหญ่ของมันเอาไว้แน่น แม้ว่ามันจะดิ้นรนแค่ไหนก็สลัดหนุ่มตัวขาวไม่หลุด
ระหว่างที่เหนือภพกำลังตื่นเต้นกับพลังยักษ์สหัสเดชะของเขา จู่ ๆ ก็มีอสูรกริมสี่ตัวว่ายน้ำมาปรากฏล้อมรอบตัวเขา ซ้าย ขวา หน้า หลัง พวกมันจ้องมองเหนือภพด้วยสายตามุ่งร้าย เหยื่อตัวน้อยนี้บังอาจรังแกพวกพ้องของมัน
ช่างน่าแปลกเหนือภพไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกได้ถึงพลังอัดแน่นที่กำลังไหลเวียนอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ราวกับว่าเขาสามารถจัดการพวกนี้ทั้งหมดได้
‘ย๊าาา’
ตู้ม !
เหนือภพที่มือยังคงจับเกล็ดขนาดเท่ากระทะใบบัวแน่น เขาฉีกกระชากมันออกทั้งสองมือพร้อมกับการระเบิดพลังใต้น้ำ
ไม่เพียงเท่านั้นเหนือภพยังยกตัวสูงสองขาชี้ฟ้า สองมือยังคงจับหลังปลาไว้แน่น สองเท้ากวัดแกว่งหมุนควงเตะไปรอบทิศ
ตึง ตึง ตึง ตึง
ฟองคลื่นขาวโพลนเต็มท้องน้ำ คลื่นน้ำปั่นป่วนเป็นวงกว้าง อสูรกริมที่เคยห้อมล้อมเหนือภพไว้ตอนนี้แตกฮือเพราะคลื่นน้ำซัดหรือถูกฝ่าเท้าของเหนือภพเตะก็ไม่ทราบได้
พวกมันเริ่มถูกคลื่นน้ำมหาศาลที่หมุนเวียนดุจน้ำวนดูดเข้ามาก่อนจะถูกกระแทกออกไปด้วยฝ่าเท้าของเหนือภพ
ต่อให้พวกมันแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่อต้องเผชิญกับยักษ์สหัสเดชะที่มีพละกำลังเกรี้ยวกราด พวกมันก็ตื่นกลัวรับรู้ได้ถึงความอันตรายและความตายกระจายออกมาจากภาพจำแลงของยักษ์กายขาว ตาแดง ปากแสยะ จากนั้นพวกมันต่างก็หลบหนีพวกเอาตัวรอด
ทว่ากลับมีปลาที่โชคร้ายอยู่ตัวหนึ่ง มันคือตัวที่ถูกเหนือภพกดจับเอาไว้ใต้น้ำ
เหนือภพรีบคว้าเชือกเถาวัลย์ที่เขาแอบเอามาซ่อนไว้ใต้น้ำหลายวันก่อน แล้วใช้มันพันรอบตัวอสูรกริมผู้โชคร้ายตัวนั้นอย่างว่องไว เขามีเวลาเหลืออีก 2 นาทีเท่านั้น
เหนือภพใช้พละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นเหวี่ยงปลายักษ์ที่ถูกพันไว้อย่างแน่นหนาจากใต้น้ำขึ้นไปบนบกไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้แรงขาดีดตัวขึ้นจากใต้น้ำ จนทำให้พื้นน้ำสั่นสะเทือน บังเกิดคลื่นใต้น้ำรุนแรงพร้อมกับร่างกายของเขาที่พุ่งขึ้นไปดุจกระสุนปืนใหญ่
ตู้ม !
พื้นดินริมฝั่งถึงกับสะเทือน ปลาผู้โชคร้ายดิ้นสะบัดอย่างแรง พวงหางอันใหญ่โตของมันกวาดต้นไม้ใหญ่ในละแวกนั้นล้มหักโค่นระเนระนาด หินใหญ่แตกกระจาย แม้มันจะอยู่บนบก แต่ท่าทางพยศดุร้ายก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย มันฟาดหางไปมา ทั้งยังใช้ปากที่กว้างกว่าสามสิบเมตรจะงับตัวของเขาเสียให้ได้
เหนือภพไม่รอช้าพุ่งเข้าไปหมายใช้ท่าเด็ดของเขาที่คิดค้นขึ้นเอง ท่าที่มีไว้สำหรับปราบสัตว์อสูรที่พยศโดยเฉพาะ
‘โยนเหรียญอวดฟ้า’
เหนือภพคว้าหางของอสูรกริม โยกตัวไปมาเพื่อสร้างแรงเหวี่ยง จนกระทั่งมันหมุนไปรอบ ๆ จากนั้นก็โยนมันขึ้นไปบนฟ้าสุดแรง
เหนือภพยิ้มกว้างขณะมองร่างอสูรกริมที่ชักดิ้นชักงออยู่บนอากาศ เขาย่อกายลงจนพื้นศิลาริมบึงทะเลสาบ แตกร้าวดังเปรี๊ยะ เขาดีดตัวขึ้นฟ้าดุจลูกธนูหลุดจากคันศร แล้วใช้ท่วงท่าประยุกต์ที่เขาเรียกมันว่า
‘เอาเหรียญข้าคืนมา’
มันคือการกระโดดขึ้นไปหาศัตรูที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วฟาดเตะลงมาเบื้องล่างอย่างรุนแรง ให้เป้าหมายพุ่งลงมาชนพื้นโลกอย่างไร้ความเมตตา เป็นการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเนื่องสองครั้ง
ขณะที่เขาอยู่บนน่านฟ้าช่วงเวลาที่ดิ่งตกลงมา เขาก็มีท่าที่เขามักใช้เป็นประจำ เมื่อก่อนเขาอาจเรียกว่า
‘ดับเครื่องชน’
แต่ในตอนนี้เขาเรียกมันว่า ‘ถุงเงินร่วงหล่น’
‘โทษทีนะถุงเงินมันหนักไปสักหน่อย’
เหนือภพยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาชอบความรู้สึกที่ได้พุ่งลงมาจากฟ้า มันทั้งหวาดเสียวและก็มันส์
ตู้ม!
เหนือภพพุ่งลงมาดุจดาวตก เมื่อตกลงมาถึงเป้าหมายแล้วเขาก็ทุ่มน้ำหนักทั้งหมด พลางยกเท้าเตะถีบไปที่ปลาผู้โชคร้ายอย่างแรง จนร่างของมันจมลึกลงไปยังพื้นหินแตกร้าวขยายวงกว้างไปรอบ ๆ ต้นไม้ที่อยู่ภายในรัศมีเอนเอียง บ้างก็หักโค่น เนินดินถล่มกินรัศมีกว้างกว่าสามร้อยเมตร ผิวน้ำในทะเลสาบสะเทือนจากริมฝั่งจนเป็นระลอกคลื่นซัดออกไปด้านนอก ทำเอาฝูงอสูรกริมที่อยู่ในทะเลสาบที่เริ่มรวมกลุ่มกัน แตกกระเจิงกันออกไปอีกครั้ง
“ยัง ยังดิ้นอยู่อีก เอาไปอีกสักป๊าบดีไหม”
แล้วเหนือภพก็ประเคนทั้งหมัด เข่า ศอก ฝ่าเท้าไปให้แบบรัว ๆ จนร่างของอสูรกริมพุ่งไปชนผนังผาน้ำตก เศษดินหินร่วงกราว
แต่ต่อให้เขาใช้แรงทั้งหมดก็เป็นเรื่องสูญเปล่า ถ้าหากไม่ใช้อาคมเต็มกำลัง แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ขืนมันตายขึ้นมาได้ซวยกันพอดี อาจารย์ยิ่งเป็นพวกเมตตาต่อสัตว์โลก ยกเว้นศิษย์ตัวเองอยู่ด้วย
เหนือภพหอบหายใจ ทั้งเหนื่อยกายและก็เหนื่อยใจ มองเทียบดูขนาดของเขากับตัวมัน ที่ตัวเขาเล็กกว่ารูขุมขนของมันเสียอีก อะไรมันจะใหญ่โตได้ขนาดนั้น ใหญ่กว่าตัวที่เขาเจอที่เรือล่มเสียอีก อาจารย์บอกว่าเลี้ยงไว้ แล้วอาจารย์เอาอะไรให้พวกมันกินนี่
“นี่ หยุดสักที ข้าจะขอเกล็ดแค่ไม่กี่อันเอง ทำโวยวายไปได้”