ตอนที่ 82 สัญญาหมั้นหมาย
หยาดน้ำตาที่ใกล้จะหยดของกลิ่นจันทน์กลับกลายเป็นหยาดน้ำตาแห่งความขบขัน
“สำหรับพี่ภพ ฟรีทุกอย่างค่ะ”
“จริงดิ ไม่ได้ ข้ารับไม่ได้”
คนทั้งกลุ่มไม่ว่าจะเป็น อรุณ พี่พล ซวยซวย สมุทร รวมทั้งหัวหน้าไทต่างก็เอียงหูฟัง คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“ทำไมคะ พี่ภพ”
“นี่เจ้าโง่จริงหรือแกล้งโง่เนี่ย น้องข้าก็ต้องฟรีด้วยสิ”
เหนือภพตอบแววตาจ้องเขม็ง พอเห็นว่ากลิ่นจันทน์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย เหนือภพก็ยิ้มกว้างดึงกลิ่นจันทน์เข้ามาหอมฟอดหนึ่ง ก่อนจะพาเหนือฟ้ากินข้าวกล่องที่ทั้งดูดีและหรูหราพอๆกับอาหารที่หอร้อยบุปผาไม่มีผิด
“เฮ้อ”
ทุกคนถอนหายใจออกมา
‘คนที่โง่คงไม่ใช่กลิ่นจันทน์แน่ๆ แต่เป็นเอ็งนั่นแหละเหนือภพ’
ทุกคนพอเห็นแบบนั้นก็คร้านที่จะสนใจจึงกลับไปกินอาหารของตัวเองดีกว่า รู้สึกว่าอยู่ใกล้เหนือภพแล้วเปลืองเวลาชีวิตสุดๆ
‘อื้ม อาหารรสชาติใช้ได้เลย ถ้ากลิ่นจันทน์ทำแบบนี้ให้ข้าทุกมื้อก็คงดี ข้าจะประหยัดข้าวไปได้อีกเยอะ แถมประหยัดเวลาทำอาหารของข้าด้วย จะได้เอาเวลาไปล่าเนื้อมาแปรรูปทำเนื้อตากแห้งก็น่าจะดีกว่า’
เหนือภพครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยกับกลิ่นจันทน์ที่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร ผิวหน้าที่เคยขาวกลับแดงราวกับลูกมะเขือเทศสุก
“เจ้าจะทำกับข้าวแบบนี้ให้ข้าตลอดไปได้หรือเปล่า”
คำพูดและแววตาที่จริงจังของเหนือภพ เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ดี จนคนที่คร้านจะสนใจต่างเริ่มเอียงหูคอยฟัง
‘เจ้านี่มันสารภาพรักได้ทุเรศสุดๆเลย’
กลิ่นจันทน์เงียบไปนานเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี จนที่สุดเธอก็ตั้งสติได้
“พะ พี่ ไม่รังเกียจข้าหรอ”
“ไม่นิ”
“พี่เคยบอกว่าข้าน่าเบื่อไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ ถ้าเจ้าไม่ขี้แยเอาแต่ร้องไห้ น่าหนวกหูแบบนั้น ข้าคิดว่าเจ้าก็ไม่เลว”
“พี่อย่าล้อเล่นกับข้าเลย ข้าดีใจนะที่พี่พูดแบบนี้กับข้า แต่ถ้าพี่พูดจริงจากใจ พี่ก็ต้องเขียนสัญญาให้ข้าก่อน ข้าถึงจะยอมรับปาก”
เหนือภพหันมองน้องสาวก็เห็นเหนือฟ้าพยักหน้าหงึกๆ เธอยินดีอย่างมากที่จะมีพี่สะใภ้อย่างพี่กลิ่นจันทน์
“เขียนก็เขียนสิ เอาว่ากระดาษมา”
ทันทีที่เหนือภพพูดจบ กระดาษไม่รู้กี่แผ่นก็วางอยู่เบื้องหน้าเขา ดูเหมือนทุกคนจะอยากให้เขาเขียนสัญญานี้มาก สมุทรถึงกับให้ข้ารับใช้จัดเตรียมโต๊ะเครื่องเขียนมาตั้งตรงหน้าเหนือภพเลยทีเดียว
เหนือภพยิ้มอย่างผู้ชนะ แค่เขียนสัญญาฉบับเดียวแลกกับการมีคนมาทำอาหารให้ตลอดชีวิต คุ้มเห็นๆ
“มาจะให้ข้าเขียนยังไงว่ามาเลย”
“ข้าเหนือภพ มีพ่อชื่อเหนือปฐพี แม่ชื่อฟ้ารดา”
พลเอ่ยขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน ในฐานะที่เขาเคยช่วยหัวหน้าไททำงานด้านเอกสารมาพอสมควร
“ทำไมต้องมีชื่อพ่อแม่ด้วยล่ะ” เหนือภพเอียงคอถามอย่างสงสัย
“เขียนไปเถอะน่า ต่อด้วยประโยคนี้ ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะรักและดูแลกลิ่นจันทน์บุตรแม่จันทร์เพ็ญ แต่เพียงผู้เดียว”
“ข้าว่ามันแปลกๆ ไม่ได้สิพี่พล ข้าจะรักกลิ่นจันทน์คนเดียวไม่ได้ ทางที่ดีต้องแบบนี้ ข้าขอสัญญาว่าจะรักกลิ่นจันทน์บุตรแม่จันทร์เพ็ญ แม่ฟ้ารดา และน้องเหนือฟ้า แบบนี้ถึงจะถูกต้อง”
ทุกคนเริ่มรู้สึกว่ามันทะแม่งทะแม่งแต่ก็ไม่ได้ขัดว่าอะไร กลิ่นจันทน์เองก็เห็นว่ามันเป็นความคิดที่เหมาะสมจึงไม่คัดค้านอะไร จากนั้นเหนือภพก็ปล่อยให้พลพูดนำการเขียนสัญญาอย่างคนมีประสบการณ์ เมื่อร่างสัญญาจนจบสิ้นแล้ว ก่อนที่เหนือภพจะประทับลายมือตัวเองลงไป เขาก็อ่านซ้ำอีกรอบ
“ข้ารู้สึกว่า ข้อนี้แปลกๆ ที่บอกว่าห้ามนอกใจ หากต้องการมีอนุต้องถามความเห็นของกลิ่นจันทน์ก่อน”
เหนือภพค่อยๆอ่านสัญญาอย่างตั้งใจ
“แล้วอนุนี่มันแปลว่าอะไรกันนะ”
“รีบๆประทับตราไปเถอะน่า”
ทุกๆคนรีบพูดออกมาพร้อมกับรวมตัวกันจับล็อกเหนือภพ เอามือไปป้ายแท่นหมึกแล้วกดมือของเหนือภพลงประทับบนกระดาษสัญญาทันที ก่อนจะยื่นให้กับกลิ่นจันทน์ประทับลายมือในสัญญาด้วย จากนั้นหัวหน้าไท พล และสมุทรก็ได้มีส่วนร่วมในการประทับลายมือเพื่อเป็นสักขีพยาน แค่นี้ก็ได้หนังสือสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายมาแล้ว 1 ฉบับ
แต่หัวหน้าไทเห็นว่ามีแค่ใบเดียวคงจะไม่ดี เขาจึงใช้อาคมคัดลอกสัญญาออกเป็น 4 ฉบับ แบ่งให้เหนือภพและกลิ่นจันทน์คนละฉบับ ส่วนเขาเก็บไว้ 2 ฉบับ
เมื่อได้รับหนังสือสัญญามาแล้ว พวงแก้มของกลิ่นจันทน์ก็แดงระเรื่อขึ้นมาในขณะที่เอ่ยเรียกเหนือภพว่า
“ท่านพี่”
เหนือภพยิ้มกว้าง ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงที่อ่อนหวานของกลิ่นจันทน์แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะหลังจากนี้เขาจะไม่ต้องทำอาหาร ก็มีอาหารมาให้กินทุกวัน แบบนี้ดีจะตาย
“เจ้าชอบไหมน้องพี่”
เหนือภพเอ่ยถามขณะที่ลูบหัวน้องสาวไปด้วย
“ชอบค่ะ ในที่สุดหนูก็มีพี่สาว”
เหนือฟ้ายิ้มกว้างก่อนจะโผเข้าไปนั่งตักกลิ่นจันทน์แทน ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆและความนุ่มนวลชวนสัมผัส มันดีกว่าการนั่งบนตักของพี่ชายที่ทั้งแข็ง ทั้งเหม็นกลิ่นเหงื่อไคลมากนัก
“ข้าคิดว่า เจ้าเฮงเฮงไปอึนานเกินไปแล้วนะ ป่านนี้ยังไม่กลับอีก นี่ซวยซวย น้องเจ้าไหวแน่นะ ไปคนเดียวแบบนั้น คงไม่เกิดเรื่องร้ายๆอะไรใช่มั๊ย”
พลถามอย่างอดไว้ไม่อยู่ พวกเขาทานอาหารกันเสร็จตั้งนานแล้วแต่เฮงเฮงก็ยังไม่กลับมา ซวยซวยก็กังวลอยู่เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวเฮงเฮง
“ไม่หรอก เฮงเฮงของข้าแม้จะดวงไม่ดีอยู่บ้าง แต่ทักษะในด้านการต่อสู้นั้นเหนือกว่าข้าหลายขั้นนัก หากมีเรื่องอะไร ข้าว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ ไม่เป็นอะไรหรอก”
ซวยซวยพูดอย่างมั่นใจในตัวน้องชายฝาแฝดของเขา