ตอนที่ 81 คนซื่อบื้อ
เฮงเฮงและซวยซวยที่ออกมานั่งจับมือกินลมชมวิวกันอยู่บนกล่องสินค้าบนเกวียนเทียมอสูร ต่างพากันเบนหน้าหนี ไม่ว่ายังไงพวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่คุ้นเคยกับความเลือดเย็นของสองพี่น้องตระกูลเหนือ ที่ลงมือปลิดชีพสัตว์อสูรเหล่านั้นอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีท่าทีลังเล ไม่ว่าพวกมันจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มีครอบครัวรอคอยอยู่ด้านหลังหรือไม่ สองพี่น้องตระกูลเหนือไม่สนใจทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าสัตว์อสูร หากปรากฏให้เหนือภพเห็นแม้เพียงแค่หางตาก็จะถูกตามล่าโดยทันที น้อยครั้งที่สัตว์อสูรเหล่านั้นจะรอดตัวไปได้
“ลุงไทคะ พี่ภพเขาเป็นสามีที่แม่หนูเลือกให้จริงๆหรือคะ”
กลิ่นจันทน์เอ่ยถามหัวหน้าไทที่กำลังตรวจดูแผนที่อยู่ภายในรถอสูรวัวเขาหัก ภายในรถคันนี้นอกจากกลิ่นจันทน์กับหัวหน้าไท แล้วยังมีพลและอรุณที่นอนพิงกันอยู่มุมหนึ่งของรถ ในท่าพิสดารไขว้สลับกันไปมา แม้รถอสูรวัวเขาหักจะโคลงเคลงเขย่าซ้ายขวาอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็ยังคงหลับเป็นตาย
หัวหน้าไทหันมองกลิ่นจันทน์ที่มีท่าทีเขินอาย ผสมกับความไม่แน่ใจและไม่อยากเชื่อในโชคชะตา
“จริงสิ ลุงจะโกหกเจ้าไปทำไมล่ะ เมื่อเจ้ากลับบ้านไปแม่เจ้ากับข้าจะช่วยเป็นธุระจัดงานแต่งให้กับพวกเจ้าทั้งสองคน”
น้ำเสียงอ่อนโยนของหัวหน้าไททำให้เด็กสาวที่ใกล้จะสู่วัยแรกแย้มเขินอาย เธอลอบมองผ่านหน้าต่างรถอสูรวัวเขาหัก มองภาพเด็กหนุ่มที่กำลังโรมรันกับสัตว์อสูรด้วยท่าทางองอาจห้าวหาญ ก่อนสีหน้าจะเศร้าลงเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต สมัยที่เธอยังคงอยู่ในหมู่บ้าน
น้ำเสียงคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจปนรำคาญ ดังก้องอยู่ในความทรงจำเธอ
‘เจ้านี่เป็นบ้าหรือไง เอะอะก็ร้องไห้ น่ารำคาญ เจ้ารู้ตัวไหมนิสัยแบบเจ้า มันน่าเบื่อมาก หมดสนุกกัน!’
‘พี่ภพ ข้าน่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรอ พี่จะรู้สึกชอบข้าแบบที่ข้าชอบท่านหรือเปล่า?’
คำถามที่เกิดภายในจิตใจของกลิ่นจันทน์ค่อยๆเงียบลงไปท่ามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เมื่ออยู่ๆพยัคฆ์คีรีที่นั่งอยู่บนหลังคารถอสูรวัวเขาหักเอ่ยขึ้นว่า
“ผู้ชายดีๆมีมากมาย แต่เจ้าดันชอบไอ้คนที่เคยหยามเกียรติของเจ้างั้นหรือ ทางที่ดีเจ้าตัดใจเสียเถอะ คนอย่างมันไม่มีทางรักใครไปมากกว่าตัวเอง สักวันมันจะทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ”
แม้กลิ่นจันทน์จะได้ยินเช่นนั้นเธอก็ไม่โกรธ เธอตอบกลับไปอย่างรู้เรื่องราวระหว่างเหนือภพและพยัคฆ์คีรีดีว่า
“แล้วพี่ล่ะ เพียงแค่เรื่องนั้น พี่เองก็ยังปล่อยวางมันไม่ได้ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าหากพี่ทั้งสองกลับมาเป็นอย่างเก่า”
พยัคฆ์คีรีแค่นเสียงในคอ ก่อนกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นว่า
“หึ หากมันเห็นข้าเป็นเพื่อนจริง มันก็คงไม่ทำเช่นนั้นกับ….”
เสียงของพยัคฆ์คีรีแผ่วเบาลงจนไม่มีใครได้ยิน แต่กลิ่นจันทน์เองก็รู้ดี ในมุมมองเธอนั้นแม้เรื่องนี้จะดูต่ำทรามไปบ้าง แต่เหนือภพก็ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดขึ้น และถึงจะมีเจตนาบ้างมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรเลย
“จริงๆเรื่องเหล่านั้นควรจบลงระหว่างพวกเราทั้งสี่คน มันไม่ควรลุกลามจนถึงต้องให้ลุงเหนือต้องรับเคราะห์... เพราะแบบนั้นพี่ภพถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
น้ำเสียงของกลิ่นจันทน์เศร้าลงในทันที แววตาของพยัคฆ์คีรีสั่นเครือเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น
“แม้แต่เจ้าก็ยังโทษข้า”
กลิ่นจันทน์รู้ตัวว่าพูดเรื่องไม่ควรพูดเช่นนั้น แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากขอโทษก็ถูกพยัคฆ์คีรีตอบกลับมาเย็นชาเสียก่อน
“ช่างเถอะ ไม่ว่าข้าจะพูดยังไงก็ไม่ทำให้พวกเจ้ามองข้าไปในทางที่ดีขึ้นได้หรอก”
“พี่คีรีข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น”
แต่พยัคฆ์คีรีไม่รอฟังอะไรอีกแล้ว เขารีบทะยานไปตามรถเทียมเกวียนขนสินค้า แล้วนั่งแหมะอยู่บนนั้น ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
‘มีนา ที่เจ้าไม่ยอมพูดกับข้า ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?’
“พี่ซวยซวย ข้าปวดท้องอึ”
เฮงเฮงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อราวกับว่าเขามีเรื่องอัดอั้นมานานแล้ว ซวยซวยพอได้ยินเช่นนั้นก็ไปถามสมุทร ว่าขอให้น้องของเขาได้ทำธุระส่วนตัวก่อนได้หรือเปล่า และคำตอบที่ได้ก็ทำให้เฮงเฮงยิ้มกว้าง จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าป่าในทันที ส่วนทางด้านสมุทรก็ตะโกนส่งข่าวไปเป็นทอดๆให้หยุดขบวนเพื่อพักผ่อนทำธุระส่วนตัว
หากมีใครสงสัยถามหาเหตุผลก็จะรู้ได้ว่าเป็นเพราะเฮงเฮงท้องเสียนั่นเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่น่าขบขันแก่คนทั้งกลุ่มยิ่งนัก ในที่สุดหัวหน้าไทก็สามารถคาดเดาได้ว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อเฮงเฮงนั้นเป็นพวกที่ดวงกุดเอามากๆ อาหารที่ทุกคนกินก็กินเหมือนกัน แต่เฮงเฮงดันท้องเสียอยู่คนเดียว และหากมีฝูงนกบินผ่านเด็กนั้นก็จะโดนนกทั้งฝูงขี้ใส่ โดยที่คนอื่นไม่โดนอะไรเลย
ส่วนแฝดคนที่ชื่อซวยซวยนั้นกลับกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุดในกลุ่มเสียได้ ความสับสนสลับไปมานี้ทำให้พวกเขาปวดหัวไม่น้อยเลย
ขบวนสินค้าหยุดพักในช่วงเวลาประจวบเหมาะกับเวลาทานอาหารพอดี ท่ามกลางป่าเขาสีเขียวขจีและสายลมเย็นพัดโชยมาแสนสดชื่น ขบวนสินค้าได้จอดเรียงเป็นแถวยาวเรียงหนึ่งอยู่ข้างถนนดินแข็ง
ทุกคนนั่งล้อมวงเป็นกลุ่มๆ เพื่อรับประทานอาหาร ของว่างและน้ำ โดยยังคงมีกำลังฮันเตอร์มืออาชีพคอยสลับกันคุ้มกันสินค้าที่อยู่บนเกวียนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“พี่ภพ น้องฟ้ากินนี่สิ ข้าทำด้วยตัวเองเลยนะ”
กลิ่นจันทน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกล่องอาหารสองกล่องที่เธอทำไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง อาหารที่ถูกนำมาผิงไฟอุ่นร้อนได้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนออกมา
เหนือภพจ้องมองกลิ่นจันทน์ด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแข็งกร้าวเมื่อเหนือฟ้ายื่นมือไปรับกล่องอาหารมา
“อย่ารับน้องพี่”
สีหน้าของเหนือฟ้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่สุดท้ายเธอก็ทำตามที่พี่บอก โดยยื่นกล่องอาหารกลับไป
กลิ่นจันทน์เศร้าลงทันที ดวงตาแวววาวราวกับร้องไห้ เธอไม่เข้าใจเหตุผลของเหนือภพเลยตั้งใจจะเอ่ยถาม แต่เหนือภพโพล่งขึ้นมาก่อนว่า
“เสียเงินไหม?”
น้ำเสียงจริงจังของเหนือภพทำเอาสมุทรพ่นข้าวที่อยู่ในปาก จนกระเด็นไปติดใบหน้าหญิงรับใช้ของตนที่กำลังบริการอยู่
‘โอ๊ย นึกว่าเจ้าจะกลัวกลิ่นจันทน์วางยาพิษ หรืออะไรทำนองนั้นเสียอีก ไอ้ๆๆเพื่อนซื่อบื้อ’