ตอนที่ 80 ขบวนสินค้าอลเวง
“ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว”
เหนือภพวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วยโดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบ จนกระทั่งเขามาถึงขบวนสินค้าที่กำลังตั้งแถวอยู่ตรงหน้าร้านผ้าไหม ขบวนสินค้านี้ค่อนข้างเอิกเกริกมากเกินไปหน่อยสำหรับเหนือภพ แต่ความจริงแล้วมันปกติมากสำหรับขบวนขนสินค้าระหว่างเมืองใหญ่
ขบวนสินค้าซึ่งประกอบไปด้วยรถอสูรม้าเร็วเบิกทาง 2 คัน มีหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการขนส่งสินค้าจะไม่มีอุปสรรคใดขวางทางอยู่ข้างหน้า
ถัดมาเป็นรถอสูรวัวเขาหักซึ่งพ่วงเข้ากับเกวียนโดยสาร เอาไว้สำหรับให้คนโดยสารได้นั่งอย่างสะดวกสบาย 1 คันสามารถบรรจุคนได้สูงสุด 4 คน และขบวนของสมุทรนี้ก็มีรถอสูรวัวเขาหักทั้งหมด 6 คัน เพื่อให้เหล่าฮันเตอร์ของหัวหน้าไทได้นั่งกันอย่างไม่แออัด
ตรงกลางขบวนคือเกวียนสินค้าขนาดใหญ่เกือบ 30 เกวียนที่ถูกลากจูงโดยสัตว์อสูรช้างดำ เกวียนพวกนี้มีขนาดใหญ่มาก หากเปรียบเทียบกับกระท่อมน้อยของเหนือภพแล้ว ก็จะพบว่ามันมีขนาดเท่าๆกัน
และส่วนปิดท้ายของขบวนคือเกวียนฐานบัญชาการของฮันเตอร์รับจ้างคุ้มกันสินค้า พวกเขาทั้ง 20 คนจะคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าขบวน โดยจะแฝงตัวกระจายกันไปอยู่ทั่วขบวนโดยไม่พูดจา ไม่สุงสิง ไม่ทำตัวเป็นที่สนใจของใครทั้งสิ้น นอกเสียจากจะโดนเรียกใช้โดยสมุทร เจ้านายเพียงคนเดียวของพวกเขา
“ฟ้า พี่มาแล้ว”
ระหว่างที่วิ่งมานั้นเหนือภพสังเกตเห็นน้องสาวตัวน้อยของเขาโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างบานหนึ่ง เมื่อรู้ว่าน้องสาวนั่งอยู่ในรถอสูรวัวเขาหักคันไหน เขาก็กดปลายเท้าแล้วกระโดดเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยะ!!
และแล้วรถคันนั้นก็แตกหักกลางคันในทันที
“ว๊าย!” “อ๊ะ!” “เห้ย!” “เจ้า!”
เหนือฟ้า กลิ่นจันทน์ เหนือภพและสมุทรอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“สมุทร รถของเจ้านี่มันไม่ได้เรื่องเลย ทำไมหักง่ายขนาดนี้”
แล้วเหนือภพก็จูงมือเหนือฟ้ากับกลิ่นจันทน์ไปที่รถอสูรวัวเขาหักอีกคัน แต่เขาให้สาวๆรออยู่ข้างนอกก่อน เพื่อที่เขาจะขึ้นรถไปพิสูจน์ความแข็งแรงด้วยตัวเอง
ทันทีที่เหนือภพก้าวเท้าขึ้นไปบนรถ ยังไม่ทันได้เหยียบเต็มสองเท้าด้วยซ้ำไป พื้นไม้อย่างดีก็หักทรุดตัวลงในทันที
“สมุทร มาดูนี่เลย รถที่อ่อนแอแบบนี้จะให้พวกเราขึ้นไปนั่งได้ยังไง”
สมุทรและหัวหน้าไทได้ยินแบบนั้นก็เดินมาดูซากรถทั้ง 2 คันอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็พากันเดินวนรอบตัวเหนือภพ 1 รอบ แล้วหัวหน้าไทก็สรุปได้ว่า
“เหนือภพ เจ้าไม่ต้องขึ้นนั่งหรอก เดินอยู่ข้างขบวนรถก็แล้วกัน”
“ห๊ะ”
“สงสัยว่าเจ้าจะตัวหนักเกินไป ไม่เชื่อเจ้าดูนั่นสิ”
สมุทรพูดจบก็พยักพเยิดไปที่รถอสูรวัวเขาหักคันข้างๆ และในรถคันนั้นก็ปรากฏใบหน้าของพล อรุณ พยัคฆ์คีรี และประยุทธ์ ทั้งสี่คนกำลังนั่งรวมกันในรถคันเดียว ส่วนรถอีกคันถัดไปก็มีช้างและม้าศึกที่กำลังเล่นต่อสู้ ปล้ำกันอยู่ในรถอย่างสนุกสนาน อีกคันถัดไปก็เป็นเฮงเฮงกับซวยซวยที่นั่งจับมือกันอยู่อย่างเรียบร้อย และรถของพวกเขาทั้งหมดก็ยังดูมั่นคงแข็งแรงดี
“เอ่อ ก็คงงั้น”
เหนือภพจำนนแต่โดยดีเมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าไม่กี่คืนก่อนเขาได้กินเนื้อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อเข้าไป
‘ใครจะไปคิด ว่ามวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มมันไม่ใช่เพียงแค่ความหนาแน่น แต่ยังเพิ่มน้ำหนักเข้าไปด้วย’
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งขบวนก็เริ่มออกเดินทางจากเมืองโกงกาง โดยมีเด็กหนุ่มประหลาดที่คอยวิ่งตามรถอสูรวัวเขาหักคันหนึ่งอย่างไม่ลดละ ไม่ห่างไปไหน มันคือรถคันที่เหนือฟ้านั่งอยู่กับกลิ่นจันทน์นั่นเอง
ณ กลางป่าระหว่างทางเชื่อมสองเมือง
เหนือภพวิ่งมาด้วยความเร็วก่อนจะกระโดดลอยพุ่งแทงเข่าใส่ปลายคางสัตว์อสูรวานร ที่อยู่ๆมันก็วิ่งตัดเข้ามาในเส้นทางขบวนสินค้าของสมุทรอย่างรวดเร็ว เหนือภพกระทืบซ้ำไปอีกหลายทีจนแน่ใจว่ามันจะไม่สามารถตอบโต้ได้ จากนั้นเขาก็หันกลับไปกวักมือเรียกเหนือฟ้าที่ยังคงนั่งอยู่ภายในรถอสูรวัวเขาหัก
“มาเร็วน้องพี่ เจ้าตัวนี้น่าจะเพิ่มแต้มผลงานให้น้องได้อีกเยอะเลย”
สมุทรเดินตามเหนือฟ้าออกมาพลางมองเจ้าตัวประหลาดที่น่าพิลึกพิลั่นที่สุดอย่างเหนือภพ พวกเขาเดินทางกันมาตั้งสองวันสองคืนแล้ว ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนที่เขาเห็นเหนือภพ เหนือภพจะยังคงมีท่าทางกระปรี้กระเปร่า ดวงตาแจ่มใสอยู่เสมอ
แรกๆที่เขาเห็นเหนือภพไล่สู้กับสัตว์อสูรจากป่าก็สนุกดีอยู่หรอกจึงมักจะมาร่วมวงด้วย แต่คนเราก็ต้องมีการพักผ่อนกันบ้าง แต่เจ้าหมอนี่มัน…
“เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
สมุทรถามคำถามนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แม้เหนือภพจะบอกว่าใช่มาหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ยังคงคาใจ ก่อนจะมองไปทางเหนือฟ้าที่เพิ่งจะจัดการปลิดชีวิตสัตว์อสูรเสร็จ
เหนือฟ้าสบตากับสมุทรแล้วก็ส่ายหน้า บางทีเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ส่วนเหนือภพนั้นคร้านที่จะตอบคำถามไร้สาระของสมุทร ไม่กี่อึดใจต่อมาหางตาของเหนือภพก็พลันเห็นสัตว์อสูรหมาป่า เขาแทบจะพุ่งเข้าไปหามันในทันทีด้วยการดีดตัวโดดขึ้นฟ้าแล้วใช้ท่าดับเครื่องชนพุ่งตัวเข้าใส่สัตว์อสูรจากฟากฟ้า
ตู้ม!!
เพียงครั้งเดียวเท่านั้นพื้นดินบริเวณรอบๆแตกกระจายเป็นหลุมตื้นๆ สัตว์อสูรตัวนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ก้นหลุม เหนือภพกระทืบซ้ำไปอีกหลายทีจนมั่นใจว่ามันจะไม่แว้งกัดน้องสาวเขา แล้วจึงลากสัตว์อสูรตัวนั้นกลับมาให้เหนือฟ้าปลิดชีวิตพวกมันอีกเช่นเคย