ตอนที่ 8 ปลาที่อาจารย์เลี้ยงไว้ ?
วันเวลาผ่านไปอีกนับเดือน เหนือภพก็ได้รับบททดสอบจากพระอาจารย์
“ด้านล่างน้ำตกมีปลาอยู่ฝูงหนึ่งที่อาจารย์เลี้ยงไว้ ลงไปเอาเกล็ดของมันขึ้นมาหนึ่งชิ้น จะถือว่าเจ้าผ่านการทดสอบ นี่เป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายของเจ้า”
“ครับอาจารย์”
เหนือภพดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดการทดสอบมหาโหดของอาจารย์ก็ใกล้จะหมดเสียที แทบจะในทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่ง เขาก็กระโดดลงไปที่น้ำตก ทิ้งตัวลงจากชั้นบนสุดของน้ำตก ร่างกายของเขาตกลงมาอย่างรวดเร็วเพราะแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความสูงของน้ำตกก็ยังใช้เวลานานนับชั่วโมง กว่าที่เหนือภพจะตกลงไปถึงท้องน้ำทะเลสาบกว้างใหญ่เบื้องล่าง
ตู้ม !
มวลน้ำแตกระเบิดขยายออกเป็นระลอกคลื่น ขณะที่ตัวเหนือภพถูกแรงโน้มถ่วงที่มากขึ้นเฉียบพลันดึงร่างลงไปที่ใต้ทะเลสาบ ลึกลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่อาจต่อต้านได้
เหนือภพหน้าซีดรู้สึกจุกเป็นทุนเดิมจากการตกจากที่สูง แม้แรงกระแทกจะไม่สามารถสร้างบาดแผลอะไรให้เขาได้ แต่มันก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงัก ร่างกายชาดิกไปชั่วขณะ
เหนือภพกัดฟันแหวกว่ายอย่างยากลำบาก ค่อย ๆ โผล่หัวพ้นน้ำและเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ เพื่อเข้าหาชายฝั่งที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร
ยังไม่ทันที่เขาจะถึงฝั่ง น้ำก็เกิดการสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เหนือภพหันมองไปรอบ ๆ ถึงขนาดดำลงไปสำรวจใต้น้ำจนสามารถเห็นปลายภูเขาหินที่อยู่ด้านล่าง
และสิ่งที่เขาเห็นต่อมาคือปลาขนาดใหญ่มาก มีเกล็ดสีรุ้งแวววาว หางที่แผ่กระจายเป็นสีรุ้งดูสวยงาม
‘อสูรกริม ? อย่าบอกนะว่าอาจารย์ให้มาเอาเกล็ดของอสูรกริม ไม่ง่ายแล้วสิเรา’
มันคืออสูรกริมที่เหนือภพเคยเจอจริง ๆ แต่ตอนนี้เท่าที่เขาเห็นจำนวนของพวกมันกลับมีนับร้อย แถมพวกมันยังมีขนาดใหญ่กว่าอสูรกริมที่เขาพบเจอตอนเรือล่มเสียอีก
เหนือภพหน้าตาตื่น รีบตีแขนตีขาเพื่อเร่งความเร็วเข้าฝั่ง ขณะที่อสูรปลายักษ์ฝูงใหญ่พุ่งตัวเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
‘นี่มันสถานที่แบบไหนกันเนี่ย โอย’
โชคดีที่ใต้น้ำตกยักษ์นี้ยังมีแผ่นดินผืนน้อยอยู่ เขาจึงสามารถหนีอสูรร้ายขึ้นมาบนบกได้ทันท่วงที
“แล้วข้าจะเอาเกล็ดมันมาได้ยังไงล่ะเนี่ย เกราะเกล็ดอสูรกริมของข้าก็ถูกอาจารย์ยึดไปตั้งนานแล้ว จะเอามาสวมรอยก็ไม่ได้ซะด้วยสิ”
เหนือภพทำได้เพียงนั่งพักใช้ชีวิตอยู่บนผืนดินน้อย ๆ นั้น พร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีการไปด้วย
สามวันผ่านไป
เหนือภพนั่งปิ้งหอยอยู่ริมน้ำตก พลางเหม่อมองฝูงอสูรกริมที่มีเกล็ดสีรุ้งสดใสกำลังแหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างร่าเริง น้ำตกขนาดใหญ่ก็ไหลเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย น้ำใสแตกกระจายเกิดเป็นละอองหมอกบริสุทธิ์เย็นสดชื่น เมื่อมันตกกระทบกับแสงสว่างก็เกิดเป็นสายรุ้งเจ็ดสีเรียงตัวกันอย่างสวยงาม
หากมองเผิน ๆ มันคงจะเป็นบรรยากาศชวนฝัน แต่ความคิดอ่านของเขานั้นพัฒนาขึ้นมากแล้ว เขาจึงรู้ได้ว่าเจ้าพวกนั้นกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ เมื่อไหร่ที่เขาลงน้ำ พวกมันก็จะเข้ารุมทึ้งเขาอย่างรวดเร็วเป็นแน่
กลางดึกคืนนั้นเอง เหนือภพลืมตาโพลงในความมืด ท่ามกลางเสียงน้ำตกที่ยังคงดังก้องตลอดเวลาแล้วตอนนี้ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวของสิ่งใดอีก ไม่มีร่องรอยของแสง และไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเขา
‘ฮึ หลับกันหมดแล้วสินะ นึกว่าจะแน่’
เหนือภพแกล้งหลับมาสามวันแล้ว เพราะเขาไม่จำเป็นต้องนอนทั้งคืน เขาจึงสามารถแกล้งหลับเพื่อจับสังเกตสิ่งรอบข้างในยามกลางคืน แล้วเขาก็พบว่าฝูงอสูรกริมและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ของที่นี่จะพากันหายไปหมด พวกมันน่าจะไปพักผ่อนแน่ ๆ
เหนือภพจึงใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นมาทำงานในทันที สิ่งที่เขาทำก็คือการลากม้วนเถาวัลย์ที่พอจะมีอยู่บ้าง รวมทั้งลงน้ำไปดึงกอสาหร่ายเหนียวบางชนิดขึ้นมาด้วย เขารวบรวมพวกมันทั้งหมดมาสานเป็นเกลียวเพื่อทำเชือกแบบพิเศษขึ้นมา
เนื่องจากเหนือภพต้องการเชือกที่มีความยาวมาก เขาจึงต้องแอบทำเชือกอยู่เช่นนี้ถึงสี่วันสี่คืนกว่าจะสำเร็จได้ตามที่คิดไว้
‘พวกเจ้านะพวกเจ้า เก่งกันเหลือเกินนะถึงทำให้ข้าต้องมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้’
แม้ใจจะบ่นแต่มือของเขาก็ยังไม่หยุดม้วนเชือกเขียว เขาต้องเก็บมันให้เสร็จก่อนแสงยามเช้าจะมาเยือน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสัตว์อสูรระดับอสูรกริมนั้นต้องมีสัญชาตญาณความรู้สึกนึกคิดที่เหนือกว่าสัตว์อสูรทั่วไปแน่นอน ดังนั้นเขาจะไม่ประมาทเด็ดขาด
เช้าวันรุ่งขึ้น เหนือภพก็มานั่งปิ้งหอยปิ้งปูอยู่ที่เดิม และในผืนน้ำเบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏฝูงอสูรกริมนับสิบออกมาว่ายน้ำเริงร่าล้อมรอบผืนดินดังเช่นทุกวัน
ครั้งนี้เหนือภพนั่งเหม่อมองออกไปที่ผืนน้ำอย่างตั้งใจ เขาจ้องมองผืนน้ำอยู่นานมาก โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถเลย จนแม้แต่พวกอสูรกริมยังต้องชำเลืองมองมาด้วยความแปลกใจ
สองวันผ่านไป
วันนี้ดูคล้ายกับว่าบรรยากาศที่นี่จะเปลี่ยนไป หมอกขาวปกคลุมหนาขึ้นมาก ทัศนวิสัยแย่ลง แสงสว่างแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มออกแดง อากาศก็เย็นลงจนสามารถมองเห็นไอขาวลอยออกจากจมูกยามที่หายใจ
ฝูงอสูรกริมเหมือนจะมีอาการคลุ้มคลั่งบางอย่าง พวกมันใช้พวงหางอันใหญ่โตตีน้ำอย่างรุนแรง หลายตัวว่ายเข้ามาใกล้ผืนดินมากจนเหนือภพคิดว่าพวกมันจะกระโดดขึ้นมาจับตัวเขาบนบกเสียแล้ว
“ทำไม พวกแกเป็นอะไรไปห๊า ดูสิ จ้องข้าแบบนั้นทำไม จะเปิดศึกกันรึไง”
เหนือภพยืนเท้าจะเอวโต้เถียงกับอสูรกริมบนโขดหินใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ส่วนพวกอสูรกริมนั้นก็ดูเหมือนจะโต้กลับอย่างไร้เสียง พวกมันเบิกตาที่มีสีแดงเรื่อจ้องมองเหนือภพนิ่ง พร้อมกับเกร็งหางอยู่ใต้น้ำ ราวกับว่าพวกมันพร้อมที่จะดีดตัวขึ้นตลอดเวลา
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับเหนือภพที่วันนี้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงจนส่งผลให้อสูรกริมคลุ้มคลั่ง และผลลัพธ์แบบนี้อาจจะคงอยู่ได้แค่ชั่วคราว
“เอาโว๊ย ! แน่จริงก็กินข้าให้ได้สิ”
เหนือภพตะโกนก้องก่อนจะถีบตัวสูง แล้วเหยียดแขนทั้งสองยื่นออกมา พุ่งหลาวลงไปกลางผืนน้ำด้านหน้าในทันที
ตู้ม !
ทันทีที่เหนือภพตกลงไปในน้ำ เขาไม่จำเป็นต้องดำน้ำหรือทำอะไรมากเลย ด้วยน้ำหนักตัวของเขาอย่างเดียวก็ทำให้ตัวเขาตกลงไปจนถึงก้นแม่น้ำ แม้ตรงจุดนี้จะไม่ใช่จุดที่ลึกที่สุด แต่ก็เป็นจุดที่เขาเลือกไว้แล้ว
อสูรกริมตัวใหญ่มากกว่าสิบตัวต่างสะบัดหางอย่างแรงเข้าว่ายมาล้อมเหนือภพอย่างรวดเร็ว เหนือภพอึ้งค้างไปนานพอสมควร เมื่อเขาต้องมาตกอยู่ใต้วงล้อมของอสูรปลาที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเรือสมุทรสำราญเสียอีก และเมื่อได้อยู่ใกล้ในระยะประชิดเช่นนี้เขาก็มองเห็นได้แค่หัวของพวกมันเท่านั้น ส่วนลำตัวสีรุ้งนั้นเกินกว่าที่สายตาของเขาจะมองเห็น
แม้ว่าทัศนวิสัยใต้น้ำของเขาจะจำกัด แต่เขากลับสัมผัสความเคลื่อนไหวของมวลน้ำได้อย่างแจ่มชัด เมื่อเขามวลน้ำกระเพื่อมในจังหวะที่พวกอสูรกริมกำลังเกร็งตัว เหนือภพก็ถีบตัวพุ่งขึ้นเหนือน้ำในจังหวะเดียวกันกับที่พวกอสูรกริมพุ่งเข้ามาโจมตีพอดี
พลั่ก !
พวกมันพุ่งเข้ามาชนกันใต้น้ำ โดยที่เหยื่อตัวน้อยกลับพุ่งลอยพ้นน้ำไปอยู่บนอากาศเรียบร้อยแล้ว มวลน้ำกระเพื่อมปั่นป่วนอย่างรุนแรง พวกมันมึนงงอยู่หลายวินาทีก่อนจะตั้งตัวได้ และพากันพุ่งกลับไปหาเหนือภพอีกครั้ง