ตอนที่ 74 เนื้อชิ้นพิเศษของนางพญา
หลังจากนางพญาไนท์อาวตายลง มันก็ทิ้งร่างกายใหญ่โตไว้ เหนือภพเดินด้อมๆมองๆวนรอบซากนางพญา พลางครุ่นคิดว่าเนื้อของนางพญาจะมีสรรพคุณพิเศษแบบที่เขาซื้อมาจากร้านค้าออนไลน์หรือไม่
“จะว่าไป เนื้อส่วนพิเศษของนางพญาไนท์อาวจะช่วยเสริมให้คนที่กิน สามารถใช้เวทย์ลอยตัวอยู่บนฟ้าได้นานยิ่งขึ้น แต่เนื้อที่ว่านี้จะมีแค่ก้อนเดียวเท่านั้น มันจะสุ่มเกิดในตำแหน่งต่างๆของสัตว์อสูร”
หัวหน้าไทพูดขึ้นมาราวกับรู้ใจเหนือภพ ในขณะที่ฮันเตอร์ทุกคนต่างมายืนล้อมรอบซากนางพญาอย่างสนใจ
“แล้วมันคือเนื้อส่วนไหนล่ะหัวหน้า”
เหนือภพถามอย่างกระตือรือร้นขณะกำลังถอนขนที่เหลือบนตัวนางพญา วัตถุดิบลับดีๆที่หากินได้โดยไม่ต้องซื้อแบบนี้เขาชอบนัก
แต่หัวหน้าไทกลับส่ายหัวเบาๆ
“ข้าก็ไม่รู้”
“อ้าว” หลายคนอุทานพร้อมกันเสียงหลง
“ข้าแยกไม่ออกหรอก เรื่องแบบนี้มีแต่นักแล่มืออาชีพเท่านั้นแหละ ถึงจะสามารถแยกแยะได้ และในกลุ่มของพวกเราก็ไม่มีนักแล่ซะด้วยสิ”
เมื่อจบคำพูดของหัวหน้าไท ทั้งกลุ่มก็ตัวห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด นักแล่มืออาชีพคือคนไร้พรสวรรค์ที่ได้รับพรเกี่ยวกับทักษะการแล่ การชำแหละ ซึ่งฮันเตอร์อย่างพวกเขาต่างหมดสิทธิ์ในการเรียนรู้ทักษะแบบนั้น
“เอาเถอะ พวกเจ้าคงหิวกันแล้วสินะ พวกเรามากินเนื้อนางพญาฉลองกันสักมื้อดีกว่า ส่วนเรื่องเนื้อพิเศษนั้นก็ให้เป็นเรื่องของโชควาสนาของใครของมันก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นหัวหน้าไทก็ให้ทุกคนช่วยกันแล่เนื้อนางพญาไนท์อาวออกมาเป็นส่วนๆ แบ่งกันไปทำอาหารของใครของมัน
เหนือภพนั้นรีบก่อกองไฟอย่างว่องไว การต่อสู้ครั้งนี้เขาได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้มากมายจากเพื่อนๆพี่ๆฮันเตอร์ พวกเขาร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ดังนั้นเหนือภพจึงคิดจะตอบแทนทุกคนโดยการทำอาหารแจกฟรี 1 มื้อ ย้ำว่าแค่มื้อเดียวเท่านั้น
ฮันเตอร์หลายคนที่หมายมั่นปั้นมือจะย่างเนื้อด้วยตัวเอง ต่างก่อกองไฟคนละกอง พวกเขาพลิกเนื้อไปมา เฝ้าระวังให้เนื้อสุกอย่างพอดี แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังช้ากว่าเหนือภพอยู่ดี
หากไม่มีตราสัญลักษณ์ฮันเตอร์ที่ข้อมือเหนือภพ พวกเขาคงคิดว่าเหนือภพเป็นพ่อครัวมืออาชีพเป็นแน่ เพราะใช้เวลาเพียงไม่นานเนื้อนางพญาไนท์อาวย่างเกลือโรยสมุนไพรแห้งก็เสร็จเรียบร้อย กลิ่นหอมฉุยลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ เหนือภพย่างทีเดียวพร้อมกัน 20 ไม้ โดยให้พลและอรุณเป็นลูกมือ
“สุกแล้ว อ่ะนี่ข้าให้ ไม่คิดตัง”
เหนือภพยื่นเนื้อย่างให้พล อรุณ และฮันเตอร์คนอื่นๆที่กำลังพักฟื้นอยู่
“โอว รสชาติสุดยอด ขอบใจเจ้ามากๆ”
ฮันเตอร์คนนั้นรีบโยนเนื้อที่ตัวเองย่างทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาชอบอาหารที่เหนือภพทำมากกว่าอยู่แล้ว
“นี่ๆ รับไปนะ ส่วนพวกเจ้าสองคนไปเลือกหยิบเอาที่กองไฟนู่นเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
เหนือภพบอกสองฝาแฝดอย่างเป็นกันเอง เขาเห็นว่าสองฝาแฝดไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไร ดังนั้นควรจะลุกไปหากินเองได้ ส่วนเขาก็เดินแจกอาหารให้คนบาดเจ็บไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาสะดุดเข้ากับคนบางคน
“อ้าว เจ้าก็มาอยู่ที่นี่ด้วยหรอ”
“เจ้าไม่มีตารึไง ถามโง่ๆ”
พยัคฆ์คีรีตอบกลับอย่างเย็นชาพลางย่างเนื้อไหม้เกรียมของตัวเองต่อไป ต่อให้เขาต้องอดตาย เขาก็ไม่ง้ออาหารจากเหนือภพเด็ดขาด เขามีมือมีตีนหากินเองได้
เหนือภพเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ไม่ได้ยื่นอาหารให้ เขาสะบัดหน้าเดินจากไปพร้อมกับคำพูดเบาๆคล้ายไม่ใส่ใจว่า
“เห้อ โทษทีนะที่ข้าไม่ทันสังเกต พอดีว่า...ไม่อยู่ในสายตาน่ะ”
สองฝาแฝดเฮงเฮงซวยซวยพากันเดินไปหยิบเนื้อย่างด้วยอาการน้ำลายไหล พวกเขาหิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว เพราะตั้งแต่พวกเขาออกจากบ้านมาก็ไม่ได้มีอะไรดีๆตกถึงท้องมาทั้งวัน
พวกเขาหยิบเนื้อขึ้นมาคนละไม้ เฮงเฮงรีบกัดฉีกกินเนื้ออย่างรวดเร็ว อาหารจากพ่อครัวระดับมืออาชีพต่อให้สมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่ถ้ามันอยู่ในมือของแฝดคนน้องอย่างเฮงเฮงก็อาจมีข้อผิดพลาดได้เสมอ เสียงสำลักแค่กๆออกมาทันทีที่เนื้อเข้าปาก เพราะก้านแห้งของสมุนไพรเผ็ดร้อนที่อยู่ในซอกเนื้อชิ้นนั้นเกิดไปสะกิดลำคอของเฮงเฮงเข้า
"น้ำ ข้าขอน้ำ"
ส่วนซวยซวยนั้นได้เลือกเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างลวกๆ ยังไม่ทันได้อ้าปากงับเนื้อ สายตาของเขาก็พลันหันไปเห็นเหนือฟ้ากำลังพันแผลให้อรุณอยู่ บาดแผลเหวอะหวะที่แม้แต่เขายังรู้สึกกลัว
‘เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเจ้า ต้องเจอเรื่องเลวร้ายมากมายแค่ไหน ถึงได้เข้มแข็งได้แบบนั้น’
ความอ่อนโยนไหลบ่าเข้ามาในจิตใจของซวยซวยอย่างฉุดไม่อยู่ และแล้วเขาก็เดินเข้าไปหาเหนือฟ้าพลางยื่นเนื้อที่อยู่ในมือให้เด็กสาวตัวน้อย
“กินก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ช่วยทำแผลให้พวกเขาเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
เหนือฟ้ารับเนื้อมากินอย่างว่าง่าย เธอเองก็ไม่ชอบทำลายน้ำใจของใครเช่นกัน ทั้งสองไม่รู้เลยว่าเนื้อชิ้นที่ซวยซวยหยิบมานั้นคือเนื้อส่วนพิเศษสุดยอดชิ้นนั้นเอง และตอนนี้มันก็ได้ตกลงไปอยู่ในกระเพาะของเหนือฟ้าเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเหนือภพนั้นหลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อย เขาก็จัดการรวบรวมขนไนท์อาวทั้งหมดที่เขาถอนมาได้ แม้จะไม่มากมายนัก แต่มันก็มีขนาดใหญ่โตมาก แต่ละชิ้นยาวหลายเมตร เขานำมันซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ แล้วเอาเชือกมัดมันไว้อย่างแน่นหนาจะได้ขนไปได้ง่ายๆ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็มีกลุ่มนายพรานจากเมืองโกงกางมาพบพวกเขา เนื่องจากได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาตามลม ทำให้เดินตามมาถูก พวกนายพรานเห็นว่ามีฮันเตอร์บาดเจ็บมากมายจึงอาสาพาพวกเขาไปรักษาที่โรงหมอในเมือง หัวหน้าไทก็ไม่ขัดน้ำใจ เขาพาลูกน้องทั้งหมดหอบหิ้วข้าวของมุ่งหน้าเข้าเมืองใหญ่ในทันที