ตอนที่ 71 ปราณของอรุณ
เมื่อเห็นว่าทุกคนฟื้นปราณอาคมจนเต็มเปี่ยมแล้ว หัวหน้าไทก็เริ่มดำเนินแผนการขั้นสุดท้าย
“พวกเรารีบบุกกันต่อเถอะ ก่อนที่ตัวนางพญาจะหนีไป หากปล่อยให้มันรอดไปได้ คงไม่มีโอกาสได้เจอมันอีกครั้งแน่”
หัวหน้าไทพูดพลางมองสำรวจทีมทั้งหมดที่มีตอนนี้ คนที่จะพอจะสู้ไหวรวมกับกลุ่มของเหนือภพเข้าไปอีกห้าคน รวมทั้งสิ้น 12 คน มีฮันเตอร์แรงค์ D 1 คน แรงค์ E 7 คน แรงค์ F อีก 4 คน ถ้ามองในแง่ของการรวมทีมเพื่อโค่นสัตว์อสูรระดับนางพญานี่ก็นับเป็นทีมที่โง่เง่าเอามากๆ
สัตว์อสูรระดับนางพญานั้นมีระดับความอันตรายสูง ไม่ว่าจะเป็นนางพญาของอสูรสายพันธ์ุไหนก็ตาม ระดับความอันตรายจะอยู่ที่ระดับ 5 แม้ว่ายังด้อยกว่าอสูรกริมในตำนานที่มีความอันตรายเกิน 10 แต่ว่าพวกนางพญาก็ไม่ใช่อะไรที่จะรับมือได้โดยง่าย
ทันทีที่หัวหน้าไทนำทีมบุกเข้าไปในรังของนางพญาไนท์อาวชั้นในนั้น ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้น ฝูงบินไนท์อาวกว่า 10 ตัว ปรากฏตัวอยู่เหนือน่านฟ้า มันเป็นฝูงที่เฝ้าประจำการอยู่บริเวณหน้ารังเท่านั้น
ทันทีที่มันเห็นผู้บุกรุก การโจมตีแบบดับเครื่องชนก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสียงพื้นดินแตกระเบิดอย่างต่อเนื่อง เศษดินเศษฝุ่นฟุ้งกระจาย
หัวหน้าไทไม่รีรอ เขาพุ่งทะลวงผ่านกลุ่มหมอกเข้าไปหาเป้าหมายของเขา นั่นคือนางพญาไนท์อาว เขาต้องไม่เปิดโอกาสให้มันได้เพิ่มจำนวนไนท์อาวไปมากกว่านี้
‘ปราณหมัดเทวะ บทที่ 8 หมัดฝนเทวะ’
เมฆหมอกสีทองลอยต่ำฟุ้งปกคลุมเหนือรังนางพญาไนท์อาว จากนั้นหมอกสีทองก็ค่อยๆเกาะกลุ่มกันเป็นกำปั้นเล็กๆขนาดเท่ากำปั้นของคนจริงๆ แต่จำนวนของมันนั้นมากดังหยาดฝน เพียงอึดใจเดียวหมัดฝนเทวะนับพันก็พุ่งดิ่งลงสู่เบื้องล่าง กวาดล้างทำลายสิ่งก่อสร้างของไนท์อาว รวมถึงทำลายที่กำบังสุดท้ายของนางพญาไนท์อาวทิ้งอย่างห้าวหาญ
กี๊ซซซ
เสียงร้องแหลมเล็กอันเกรี้ยวกราดของนางพญาไนท์อาวดังก้องสะท้อนไปทั่วผืนป่า ขณะที่ร่างนกฮูกสูงใหญ่นับ 5 เมตรของนางพญาไนท์อาวโผล่ออกมาจากที่ซ่อน เมื่อนางพญาไนท์อาวกางปีกทั้งสี่ของมันออก ก็ปรากฏปีกกว้างกว่าลำตัวของมันถึง 10 เมตร ปีกทั้งสี่โบกกระพือขึ้นลงซ้ำๆเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเกิดแรงลมพายุกรรโชก การเคลื่อนไหวดูเหมือนว่ายาวนาน แต่ทว่าพายุลมกรรโชกได้เกิดขึ้นหลังจากที่มันปรากฏตัวขึ้นเพียงไม่กี่วินาที
ร่างใหญ่โตของนางพญาไนท์อาวพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ทะลุผ่านกลุ่มเมฆสีทองของหัวหน้าไท ขณะที่กำปั้นสีทองเคลื่อนไหวไล่ตามไปนับหลายร้อยสาย แต่ความเร็วของนางพญาไนท์อาวมีมากอย่างน่าเหลือเชื่อ หมัดสีทองนับร้อยยังไม่ทันถูกเป้าหมายก็ต้องสลายตัวไปเสียก่อน
“มันกำลังจะโจมตี แยกตัวกันเร็ว!!”
หัวหน้าไทตะโกนขณะรีดเร้นปราณอาคมสีทองออกมาปกคลุมร่างกายของตนเอาไว้
“นี่พี่พล ถ้าเป็นขนเจ้าตัวใหญ่นั่น ราคามันเท่าไหร่หรอ?”
เหนือภพเอ่ยขึ้นขณะวิ่งเข้ามาประชิดพี่พล เขารู้สึกว่าแค่เจ้านั่นตัวเดียวก็คงมีราคาเทียบเท่าขนของไนท์อาวปีกใหญ่นับยี่สิบตัวได้มั้ง
“ประเมินค่าไม่ได้เลยล่ะ”
พี่พลตอบขณะวิ่งกระจายตัวออกตามคำสั่งของหัวหน้าไท
พร้อมกันนั้นที่เหนือฟากฟ้า นางพญาไนท์อาวก็กำลังใช้ท่าดับเครื่องชน คล้ายคลึงกับพวกไนท์อาวปีกใหญ่ไม่ผิดเพี้ยน แต่ด้วยน้ำหนักและขนาดตัวที่เหนือกว่ามาก ทันทีที่มันปะทะเข้ากับพื้นโลก จึงเกิดเสียงระเบิดตูมดังสนั่น พื้นดินสั่นสะเทือนเป็นระลอกขยายวงกว้างออกไป พร้อมคลื่นพลังงานสีดำสนิท มันขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆนับ 20 เมตร
ฮันเตอร์แรงค์ E คนใดที่หนีไม่ทันรัศมีการระเบิด ร่างกายก็จะถูกฉีกออกเลือดสีแดงสาดกระเซ็นกระจาย
หัวหน้าไท เคลื่อนที่ด้วยอาคมทะยานฟ้า กระโดดซิกแซกไปมา เหยียบอากาศเหมือนมีทางเดินล่องหนซ่อนอยู่ สูงขึ้นไปจากศีรษะของเขานับสิบเมตร มีเมฆสีทองกำลังก่อตัวขยายเป็นวงกว้างปกคลุมพื้นที่ในละแวกนี้
จากนั้นร่างกายของหัวหน้าไทก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า กระแสปราณอาคมสีทองเข้มไหลเป็นสายเข้าสู่กำปั้นซ้ายขวาของเขาอย่างสวยงาม
‘ปราณหมัดเทวะ บทที่ 9 หมัดราชันเทวะ’
ทันที่คำร่ายอาคมถูกปล่อยออกมาในใจ หมู่มวลเมฆสีทองก็เริ่มรวมตัวเป็นหมัดยักษ์ พุ่งเข้าโจมตีนางพญาไนท์อาว
แม้ว่าจำนวนของหมัดยักษ์จะไม่มากมายเท่าหมัดฝนเทวะ แต่หมัดราชันเทวะคือการสร้างหมัดเทวะยักษ์ซ้ายขวาผลัดกันโจมตีเป้าหมายต่อเนื่อง ยิ่งปริมาณปราณอาคมที่ใช้มากเท่าไหร่ ระยะการโจมตีก็จะยาวนานยิ่งขึ้น ส่งผลให้นางพญาไนท์อาวไม่อาจเคลื่อนไหวหรือตั้งหลักได้เลย
กำปั้นสีทองอันรุนแรงต่อยซ้ำไปมาจนร่างกายของนางพญาไนท์อาวลอยค้างอยู่กลางอากาศอย่างนั้น
ทางด้านอรุณผู้กำลังทำการร่ายรำเพลงหอกอยู่กับที่ด้วยท่วงท่างดงาม บ้างพลิ้วไหว บ้างแข็งกร้าว ใช้เวลาร่ายรำอยู่นานแล้วตั้งแต่ที่หัวหน้าไทเริ่มการโจมตีด้วยหมัดราชันเทวะ จนถึงตอนนี้อรุณก็ยังร่ายรำไม่เสร็จ
ขณะที่การร่ายรำยังดำเนินต่อไป เส้นแสงปราณอาคมสีทองจากภายในและภายนอกร่างกายของอรุณก็เคลื่อนตัวเป็นสายหลอมรวมอยู่บริเวณปลายหอก จนปลายหอกที่เคยเป็นสีเงิน วาบแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสว่างจ้า ยิ่งระยะการร่ายรำยิ่งนานขึ้น แสงสีทองก็ยิ่งเข้มข้น รัศมีแห่งความบ้าคลั่งแผ่กระจายออกมามากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง
“ปราณหอกพิฆาตเทพ บทที่ 1 หอกโมกขศักดิ์”
อรุณนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆในกลุ่มหัวหน้าไท เขามักตะโกนออกไปเสียงดังในเวลาใช้ปราณอาคม ไม่เพียงเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เพื่อนร่วมทีมรู้ ยังเป็นการอวดอ้างสรรพคุณไปด้วยในตัว เพราะเขามีปราณประจำตัวแค่ขั้นเดียว เวลาใช้ก็ยังยุ่งยาก แต่หากได้เรียกใช้ออกมาเมื่อไหร่ มันก็อลังการไม่น้อยหน้าใครเลย