ตอนที่ 67 แฝดเฮงเฮงซวยซวย
เหนือภพเดินตามหัวหน้าไทไปติดๆ เพื่อความปลอดภัย แต่เขามัวแต่มองด้านบนต้นไม้มากไปหน่อย จึงไม่ทันสังเกตว่าหัวหน้าไทได้ยกขาก้าวข้ามท่อนไม้ท่อนหนึ่ง เหนือภพจึงไม่ทันระวัง กลายเป็นว่าเขายกเท้าเหยียบท่อนไม้ลงไปเต็มๆ
แกร๊บ!
“อ๊า.. อุ๊บ”
พลรีบยกมือปิดปากเหนือภพในทันที แต่มันก็ช่วยไม่ได้มากนัก เพราะตอนนี้เสียงไม้หักดังก้องสะท้อนไปมาท่ามกลางบรรยากาศเงียบวังเวงเสียแล้ว
“ระวังหน่อย เดี๋ยวพวกเราได้ตายกันหมดหรอก”
จากนั้นทุกคนก็หยุดนิ่ง เงียบกริบจนแทบลืมหายใจ สายตาสอดส่องไปรอบทิศทาง หากมีสัตว์อสูรนกฮูกหรือที่เรียกกันว่าไนท์อาวพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาก็พร้อมที่จะสู้
5 นาทีผ่านไปอย่างเงียบสงัด
“พวกเราไปกันต่อเถอะ”
หัวหน้าไทกระซิบบอกทุกคนอย่างแผ่วเบา แต่ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงดังสะท้านสะเทือนป่าคล้ายกับว่าแกล้งกัน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
มันไม่ได้มีแค่เสียง แต่ยังมีแสงสว่างจ้าของปราณอาคมบางอย่างลุกโชติช่วงอยู่มุมหนึ่งของป่าแห่งนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น พวกเขาได้ทำครบทุกอย่างที่หัวหน้าไทสั่งห้ามลูกทีมของเขา
“แย่แล้ว ต้องมีใครบางคนบุกเข้ามาที่นี่แน่ หัวหน้าเราจะเอายังไงดี”
พลที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะหมีกระซิบถามหัวหน้าไทอย่างเร่งร้อน
“พวกไนท์อาวคงแตกตื่นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะซุ่มเงียบ พวกเราจะต้องรีบไปช่วยพวกนั้นโจมตี”
หัวหน้าไทบอกลูกทีมของเขาอย่างสงบ
“เอางั้นก็ได้หัวหน้า ป่ะไปกันอรุณ”
แล้วพลก็ลากคออรุณไปด้วยกัน พวกเขาเป็นฮันเตอร์ที่ออกล่าด้วยกันเป็นประจำจึงเข้าขากันได้ดีที่สุดแล้ว
จากนั้นทีมฮันเตอร์นับ 20 คนของหัวหน้าไทก็วิ่งตัดผ่านป่าไปอย่างเอิกเกริก พวกเขาไม่ซ่อนตัวกันอีกต่อไป แสงอาคมส่องสว่างไปตลอดทางจนถึงจุดศูนย์กลางการต่อสู้นั้น และภาพที่เห็นก็ถึงกับทำให้พวกเขาตะลึงอ้าปากค้าง
ภาพเด็กชายสองคนที่น่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเหนือภพ พวกเขากำลังต่อสู้อยู่กลางวงล้อมของไนท์อาวโดยที่ทั้งสองนั้นจับมือกันตลอด ไม่ผิดแน่ มือข้างหนึ่งจับกันและกันไว้แน่นตลอดเวลา ส่วนมือข้างที่เหลือก็ร่ายอาคมต่อสู้โดยไม่หยุดพัก
เด็กชายทั้งสองมีรูปลักษณ์ของฮันเตอร์มากความสามารถ ด้วยรูปร่างเพรียวบางสมส่วน ออร่าปราณอาคมที่แผ่สว่างจ้าออกมารอบกายก็ดูไม่ด้อยไปกว่าพยัคฆ์คีรีเลย ส่วนเครื่องแต่งกายของทั้งสองนั้นเป็นชุดผ้าคลุมสีแดงเลือดนก ขลิบด้วยดิ้นเงินดิ้นทอง แม้ไม่อาจนับได้ว่าหรูหราแต่ก็ถือว่ามีราคาไม่น้อย
ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด หมวกคลุมหัวของพวกเขาก็ตกลงระบ่า เผยให้เห็นใบหน้าเรียวงามไร้รอยตำหนิ ดวงตาสีเทาเข้ม เส้นผมสั้นสีเงินปลิวไสว แต่ที่สำคัญพวกเขามีรูปลักษณ์เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
“หัวหน้านั่นมันอาคมแยกร่างหรอ ทำได้ยังไงนะ”
เหนือภพตาโตขณะจ้องไปที่สองคนนั้น หัวหน้าไทนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่หรอก พวกเขาเป็นคนละคนกัน น่าจะเป็นฝาแฝด เพราะดูจากการต่อสู้แล้ว พวกเขามีวิธีการต่อสู้ที่แตกต่างกัน พวกเจ้าลองดูดีๆสิ”
“หาา ฝาแฝดหรอ”
“แล้วทำไมพวกเขาต้องจับมือกันตลอดเวลาด้วยล่ะ เกะกะชะมัด”
อรุณพูดแทรกขึ้นมาอย่างอดใจไม่อยู่
“นั่นสิ แต่พวกเขาก็ดูเก่งดีนะ”
เหนือภพมองดูการต่อสู้ประหลาดตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนดี ฮันเตอร์เด็กเพียงสองคนท่ามกลางสัตว์อสูรไนท์อาวปีกสั้น 30 ตัว แต่พวกเขาก็ยังดูเหมือนจะเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี
หัวหน้าไทไม่ตอบอะไร เขาเพียงยืนนิ่งสังเกตการณ์การต่อสู้อยู่ตรงนั้นโดยไม่ผลีผลามเข้าไปช่วย การต่อสู้ของฝาแฝดทั้งสองดูแปลกประหลาดเกินไป มันสะเปะสะปะอย่างบอกไม่ถูก คนหนึ่งใช้อาวุธระยะประชิด อีกคนใช้อาวุธระยะไกล ต่างคนต่างผลัดกันโจมตีไนท์อาวที่ผลัดกันเข้ามาซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง
บางครั้งพวกเขาออกอาวุธไปแบบส่งๆ แต่อยู่ๆพวกไนท์อาวก็ถลาเข้ามารับคมอาวุธของพวกเขาซะแบบนั้น บางครั้งพวกเขาตั้งใจโจมตีไนท์อาวอย่างมีแบบแผน กระบวนท่าที่ไม่ว่ายังไงก็จะต้องโดนไนท์อาวแน่นอน 100% แต่มันกลับพลาด ปล่อยให้ไนท์อาวหลบได้ มันประหลาดจนหัวหน้าไทไม่กล้าเคลื่อนไหวใดใด
“พวกท่านจะยืนดูอีกนานมั๊ย ได้โปรดมาช่วยเราด้วย”
หนึ่งในฝาแฝดเอ่ยขึ้น เมื่อเขาเห็นกลุ่มของหัวหน้าไทซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้นานแล้ว
“ช่วยพวกเราด้วย”
ในเมื่อพวกเขาถามหาความช่วยเหลือ หัวหน้าไทก็จัดให้
“พวกเราลุย!”
และแล้วทีมฮันเตอร์กว่า 22 คนก็ต่างเฮโลกันออกไปตะลุมบอนกับไนท์อาวปีกสั้นที่บินไม่ได้ 30 กว่าตัว ใช้เวลาเพียงไม่นานไนท์อาวกลุ่มนี้ก็ถูกฆ่าตายจนหมด โดยที่ทีมฮันเตอร์ของหัวหน้าไทโดยไม่มีการสูญเสีย อย่างมากก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“พวกเราขอบคุณพวกท่านมากเลย”
“ดีนะที่มีพวกท่านมาช่วยไม่งั้น ข้าล่ะไม่อยากจะนึก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง”
สองฝาแฝดรูปงามกระซิบกระซาบบอกทุกคน ในขณะกำลังนั่งพักรวมกลุ่มอยู่กับทีมหัวหน้าไท ท่ามกลางความมืดมิดของป่า ตอนนี้หัวหน้าไทสั่งการให้ทุกคนเข้าสู่โหมดแห่งความเงียบอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
เหนือภพกระซิบถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
“ข้าชื่อเฮงเฮง”
“ข้าชื่อซวยซวย”
“พวกเรามาจากเมืองโกงกาง ตั้งใจจะออกผจญภัย แต่บังเอิญพลัดหลงเข้ามาที่นี่”
ทั้งบุคลิกและน้ำเสียงของฝาแฝดเหมือนกันเป็นอย่างมาก แม้จะผลัดกันพูดคนละประโยคแต่พอฟังแล้วกลับเหมือนพูดออกมาจากคนคนเดียวกัน ยากจะแยกว่าใครเป็นใคร
“ห๊ะ ทำไมชื่อแปลกแบบนั้น” เหนือภพสงสัย
“เอ่อ เรื่องมันยาว เจ้าอย่ารู้เลย”
เฮงเฮงเอ่ยตอบเสียงเบาอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนรู้นัก
ท่าทางของทั้งสองคนประหลาดจนทำให้กลุ่มของหัวหน้าไทไม่ค่อยเข้าใจนัก แม้แต่อรุณยังเกิดความสงสัย เพราะทั้งสองคนนี้ยังคงจับมือกันอยู่ ไม่ว่ายามต่อสู้หรือยามปกติ
“พวกเจ้าไม่รู้สึกรำคาญบางหรอ จับมือแบบนั้นตลอด”
“เชื่อเถอะ ว่าพวกข้าทำเพื่อทุกคน”
คำตอบหนึ่งในฝาแฝดทำให้ทุกคนไม่เข้าใจไปกันใหญ่