ตอนที่ 55 อสูรกริมโจมตีเรือ?
เมื่อเหนือภพกำราบพวกสัตว์อสูรและจัดการขังพวกมันไว้ในกรงจนครบทุกตัวแล้ว เขาก็รีบวิ่งขึ้นมารายงานหัวหน้าคนเฝ้าสัตว์สินค้า เขามั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังแน่ และหากผู้ไม่หวังดีคนนั้นกลับมาป่วนที่ส่วนจัดเก็บสัตว์อีกเหนือภพก็ไม่อยากมีส่วนร่วมอะไรทั้งนั้น เขาต้องป้องกันตัวเองในเรื่องนี้
ขณะที่เหนือภพในสภาพมีบาดแผลทั่วกายวิ่งผ่านชั้นห้องพักผู้โดยสารระดับธรรมดานั้น เรือก็เริ่มเอียงกระเท่เร่ไปข้างหนึ่ง ข้าวของเทกระจาดเอียงล้มกันระเนระนาด
“อะไรกันเนี่ย!”
เหนือภพตกใจ แม้อยากถามแต่กลับไม่มีคนเหลือเลยสักคนที่ชั้นนี้ แต่เขาได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เสียงกรีดร้อง เสียงย่ำเท้าอันแสนอลม่านเกิดขึ้นที่ชั้นถัดไป
เหนือภพรีบวิ่งขึ้นไปดูอย่างรวดเร็ว ก็พบว่าผู้คนจำนวนมากต่างแออัดยัดเยียด ออกันจะขึ้นไปชั้นดาดฟ้าให้ได้
“เกิดอะไรขึ้น”
ไม่มีเสียงตอบรับจากใครเลยสักคน ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับเสียงกรีดร้องของตนเอง
“ให้ข้าไป ให้ข้าไปก่อน”
“เรือจะล่ม น้องหญิงตามพี่มา”
“น้ำท่วมขึ้นมาถึงชั้นนี้แล้ว หนีเร็ว”
“ประกาศแจ้งทุกคน ขอให้ขึ้นมารวมตัวกันที่ชั้นดาดฟ้า หากใครขึ้นมาไม่ทันให้ลงไปที่ชั้น 4 ที่นั่นจะมีเรือเล็กกู้ชีพอยู่ 50 ลำ”
กัปตันเรือตัวจริงได้ใช้อาคมขยายเสียงประกาศแจ้งผู้โดยสาร เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะประคับประคองเรือ แต่ว่าเรือโคลงเคลงมากเกินไปจนไม่อาจประคองได้อีก
สิ่งที่พอจะทำได้คือพยายามนำผู้โดยสารมารวมตัวกันให้ได้มากที่สุด แล้วปกป้องพวกเขาด้วยอาคม ประคับประคองให้มีชีวิต รอจนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง
จนในที่สุดเรือสมุทรสำราญก็พลิกคว่ำซูม! จมดิ่งลงไปในน้ำ ก่อเกิดคลื่นน้ำที่รุนแรงเป็นระลอกสูงกว่าลำเรือกระจายออกไปเป็นวงกว้าง และเนื่องจากตำแหน่งนี้เป็นช่องแคบของทะเลสาบที่ถูกบีบเล็กลง น้ำในทะเลสาบจึงเอ่อล้นซัดสาดเข้าสู่ริมตลิ่ง ป่าไม้ที่อยู่ชายฝั่งขอบทะเลสาบต่างล้มระเนระนาด ส่วนสัตว์อสูรในละแวกนั้นตัวไหนหนีไม่ทันก็คงต้องตาย
ฮันเตอร์และคนที่พักอยู่ชั้นบนต่างก็หนีเอาตัวรอดไปล่วงหน้าแล้ว แต่ยังมีคนจำนวนมากติดอยู่ภายในเรือที่กำลังจมดิ่ง
น้ำจากในทะเลสาบไหลทะลักเข้ามาภายในเรืออย่างแรง คนทั้งหลายหนีกันอลหม่านเพื่อเอาชีวิตรอด ช่างเป็นภาพที่โหดร้าย ใครที่พลาดท่าหกล้มลงก็จะถูกคนข้างหลังเหยียบย่ำอย่างไม่ไยดี ใครที่ชักช้าก็ถูกผลักกระเด็นออกไปให้พ้นทาง คนที่บาดเจ็บหนักหรือถูกสิ่งของขนาดใหญ่หล่นทับ ก็ถูกทิ้งขว้างไว้ข้างหลังแม้จะส่งเสียงร้องเรียก ก็ไม่มีใครสนใจ ใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ต้องเกาะพวกโต๊ะเก้าอี้ไว้แล้วรอลุ้นกับโชคชะตา หากยังเอาตนเองไม่รอดก็คงไม่มีใครมีเวลาไปช่วยคนอื่น
“สละเรือ! สละเรือ! อสูรกริมโจมตีเรือแล้ว”
“สละเรือ! สละเรือ! อสูรกริมโจมตีเรือแล้ว”
“สละเรือ! สละเรือ! อสูรกริมโจมตีเรือแล้ว”
ด้วยเสียงตะโกนก้องซ้ำไปซ้ำมาของนักแสดงบทกัปตันเรือนี้เองจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจได้
บึ๊ม! บึ๊ม!
ฮันเตอร์จำนวนมากต่างช่วยกันใช้ปราณอาคม เจาะทะลวงลำเรือทุกทิศทางเพื่อเปิดทางออก เนื่องจากมีคนรวมตัวกันอยู่ที่ชั้นนี้นับพันคน กว่าจะทยอยหนีไปตามเส้นทางที่กำหนดได้หมดทุกคน พวกเขาคงจมสู่ก้นทะเลสาบหรือไม่ก็ถูกอสูรกริมกินไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่นานเรือทั้งลำก็กลายเป็นเศษซากกระจุยกระจายเต็มท้องทะเลสาบ
ชะตาชีวิตช่างเล่นตลก ผู้คนที่อยู่อย่างสุขสำราญบนเรือหรูหรากลับต้องมาลอยคอกันในทะเลสาบ ท่ามกลางกล่องสัมภาระและกรงสัตว์อสูรที่บ้างจมบ้างลอยกระจัดกระจายกันไป
สำหรับผู้มีพรสวรรค์นั้นค่อยดูดีหน่อย เพราะพวกเขามีอาคมจึงสามารถแผ่อาคมป้องกันกายได้ แต่พวกผู้ไร้พรสวรรค์ที่ทำงานอยู่บนเรือกลับต้องลอย ตุ๊บป่อง ตุ๊บป่อง เกาะแผ่นไม้ หรือถังเหล้ากันอย่างน่าอเนจอนาถ
ยิ่งข่าวลือเรื่องอสูรใต้ทะเลสาบแพร่สะพัด ยิ่งทำให้ผู้ไร้พรสวรรค์ขวนขวายเอาชีวิตรอด ตรงจุดที่เรือล่มนี้เป็นตำแหน่งทะเลสาบช่วงแคบแล้ว แม้อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง แต่มันก็ไม่นับว่าใกล้เลย
ด้วยเรี่ยวแรงของพวกเขานั้นไม่เพียงพอที่จะทำได้ สิ่งที่ทำได้คือรอความช่วยเหลือจากเหล่าฮันเตอร์ที่ต่างช่วยเหลือผู้ไร้พรสวรรค์อย่างเต็มที่ ช่างเป็นภาพที่น่ามอง แม้จะมีฮันเตอร์บางกลุ่มที่เห็นแก่ตัวมายื้อแย่งแพจำเป็นของผู้ไร้พรสวรรค์
ทั้งผู้มีพรสวรรค์และไม่มีพรสวรรค์ต่างยืนเบียดเสียดกันอยู่บนแพไม้ที่เกิดจากการนำเอาเศษกราบเรือมาใช้ชั่วคราว บ้างก็นั่งอยู่บนเรือเล็กกู้ชีพ มองดูเป็นกลุ่มแพมากมายหลายสิบแพกระจายตัวกันโดยรอบ
พยัคฆ์คีรีเหาะทะยานไปตามผิวน้ำอย่างพลิ้วไหว หวังช่วยมีนาที่อยู่ในน้ำ แต่ยังไม่ทันที่จะเฉียดเข้าใกล้ มีนาก็ทะยานขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยท่าทางผ่อนคลายเรียบเฉย คล้ายกับว่าเธอมาเล่นน้ำผ่อนคลายอารมณ์
เมื่อพยัคฆ์คีรีเห็นแบบนั้นก็รู้สึกอาย จนต้องเบนทิศทางไปช่วยผู้ไร้พรสวรรค์ที่อยู่ในน้ำแทน มีนาเห็นพยัคฆ์คีรีช่วยเหลือคนอื่น เธอเองก็ร่วมมือร่วมแรงด้วยการสร้างมัจฉาอาคมตัวใหญ่ให้คนไร้พรสวรรค์ได้นั่งอยู่บนนั้น
ทางด้านม้าศึกนั้น เขาได้ใช้ปราณอาคมประจำตระกูลของตนก่อเกิดเป็นภาพอาชาอสูรซ้อนร่างกาย วิ่งทะยานไปทั่วผิวน้ำอย่างรวดเร็ว โดยช่วยเหลือผู้ไร้พรสวรรค์ไปด้วยหลายสิบคนในเวลาไม่กี่วินาที
ผิดกับช้างที่ปราณอาคมของเขาเป็นพวกประเภทพละกำลัง จึงด้อยในเรื่องของความเร็ว แต่ก็ยังคงช่วยผู้ไร้พรสวรรค์ได้หลายคน
“พี่ภพล่ะ พี่พล ลุงไท พี่ภพอยู่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เห็นพี่เลย”
“พี่ภพ! พี่ภพ! พี่ภพ!”
เหนือฟ้าร้องเรียกหาพี่ชายอย่างร้อนใจ ขณะที่เธอยืนอยู่บนแพไม้ขนาดใหญ่กับพวกพี่พล
“พี่อยู่นี่!”
เหนือภพขานรับเสียงหอบเหนื่อย จุดที่เขาอยู่ห่างจากจุดที่น้องสาวอยู่ไม่ไกลนัก แต่ระยะห่างและกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากทำให้เหนือภพลอยออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาทำได้แค่เกาะเสากระโดงไม้ลอยคอ ปล่อยให้สายน้ำพัดพาไปโดยไม่อาจต่อต้าน เรี่ยวแรงทั้งหมดของเหนือภพถูกใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้ว เขาจึงไม่สามารถถีบตัวเองไปหาน้องสาวของเขาได้ในตอนนี้