ตอนที่ 54 โรงละครแสนสมจริง
บุษย์น้ำเพชรมั่นใจมากว่าเหนือภพจะรับงานนี้ โชคดีที่เธอได้เห็นการต่อสู้ที่สังเวียนเถื่อนจึงได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี เด็กหนุ่มที่เห็นแก่เงินแบบนี้ ยากที่จะปฏิเสธข้อเสนอที่เย้ายวนของเธอ ไม่ว่าเขาจะใช่คนของตระกูลเทพนักขุดหรือไม่ การที่เขาเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ แต่มีร่างกายที่แข็งแกร่งแค่นี้ก็เพียงพอต่อการเข้าไปยังเหมืองโบราณแห่งนั้นแล้ว เธอมั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดได้
“ได้ ข้ายินดีรับงานนี้”
เหนือภพตัดสินใจในทันที งานนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไรเขายังมีเวลาเตรียมตัวอีกตั้งหลายปี หลังจากนั้นบุษย์น้ำเพชรกับเหนือภพก็พูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย
บุษย์น้ำเพชรมอบแผนที่เหมืองโบราณให้กับเหนือภพแล้วบอกเส้นทางคร่าวๆพอให้เหนือภพเข้าใจ พร้อมบอกจุดนัดหมายในกรณีที่เหนือภพต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน หรือกรณีนัดส่งมอบของ เมื่อพูดคุยกันจนเข้าใจดีแล้ว ทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไป
เช้าวันต่อมาเหนือภพมาทำงานดูแลสัตว์อสูรกะเช้าแทนพี่เปรมชัยด้วยหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี เมื่อคืนเขาตื่นเต้นคิดเกี่ยวกับงานใหม่ที่รับมอบหมายมาจนแทบไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย
เมื่อเขาลงมาถึงชั้นใต้ท้องเรือเห็นว่าทุกอย่างยังคงสงบเรียบร้อยดี จึงเอาแท็บแล็ตขึ้นมาดูเลื่อนหาสินค้าในตลาดออนไลน์ตามความเคยชิน สักพักเหนือภพก็รู้สึกขนลุกซู่ เกิดมีรังสีแห่งความเคียดแค้นแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ
“เอ๋?”
ตอนนี้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดที่ควรจะอยู่ในกรงกลับออกมาอยู่นอกกรงกันหมด เหนือภพเอียงคอมองอย่างสงสัย เมื่อครู่ตอนที่เขาเข้ามานั้นกรงสัตว์ทุกอันยังมีสภาพดี ถูกปิดล็อกอย่างแน่นหนา แล้วทำไมพวกมันถึงหลุดออกมาได้
สัตว์อสูรนับหลายร้อยตัว นำทีมโดยสัตว์อสูรสุนัขสองหัว พวกมันแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ต้องการแก้แค้นเหนือภพเมื่อครั้งก่อน เหนือภพเก็บแท็บแล็ตก่อนกระโดดลงจากลังไม้สูง
“นี่พวกแกคิดว่าข้าจะกลัวหรือไง”
เหนือภพหักนิ้วตัวเอง หมุนคอไปมาอย่างต้องการยืดกล้ามเนื้อก่อนใช้งาน
“โดยเฉพาะเจ้า อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ละกัน ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจว่าเกิดมาเป็นตัวผู้เลยล่ะ”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของเขา อยู่กันดีดีไม่ชอบ ริอาจจะมาก่อความวุ่นวายงั้นหรือ
ณ โรงละคร รอบการแสดง ‘ตำนานอสูรกริมแห่งท้องทะเลสาบ’
บุษย์น้ำเพชรกำลังนั่งเบียดเสียดกับผู้คนในโรงละคร เธอเหลือบตามองกระจกอาคมในมือเพียงแวบเดียวก็พูดขึ้นว่า
“เวนไตยดูเหมือนเจ้าจะเล่นแรงเกินไปนะ ยังเขาก็ยังเป็นคนที่เราต้องการ”
“หึ ข้าไม่ถลกหนังมันที่มาลบหลู่คุณหนูก็ถือว่าข้าใจดีมากแล้ว ถ้าหากอสูรจำนวนแค่นี้มันยังเอาตัวรอดไม่ได้ มันก็ไม่ทางรอดจากเหมืองโบราณแน่”
“ต่อให้เป็นฮันเตอร์แรงค์ D การรับมือกับสัตว์อสูรมากขนาดนี้ก็ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่เขาเป็นแค่คนไร้พรสวรรค์ เขารับมือพวกมันไม่ไหวหรอก เจ้าก็อย่าได้เจ้าคิดเจ้าแค้นนัก ทดสอบแต่พอเหมาะอย่าให้เสียงานใหญ่ เขาจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอำนาจของท่านพ่อ”
เวนไตยมีสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่อยากช่วยเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งเขาก็คงต้องทำตาม แต่ว่าถ่วงเวลาไปอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“ครับคุณหนู อีกเดี๋ยวข้าจะลงไปดู”
“ชู่ววว”
“ชู่ววว เงียบหน่อย”
ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมามองพวกเธออย่างตำหนิ ตอนนี้บนเวทีเบื้องหน้ากำลังมีเรือจำลองแล่นออกมาจากฉากหลังแทรกด้วยแสงสีอลังการ พร้อมเสียงตัวละครประกอบเรื่องอย่างเต็มอรรถรส
< ลูกเรือ1 : กัปตัน ท่านกลัวอะไร ทำไมพวกเราต้องเฝ้ายามกันเยอะขนาดนี้ >
< กัปตันเรือ: ว่ากันว่าใต้ท้องทะเลสาบที่เรือของพวกเราแล่นผ่านกันนี้ มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยักษ์ตัวมหึมา มีความสูงกว่า 300 เมตร ขนาดของมันกว้างกว่า 1,000 เมตร มันมีแขนยาวเหมือนลำตัวของอสรพิษ มีทั้งหมด 10 ข้างดูยั้วเยี้ยน่าเกลียดน่ากลัว >
< ลูกเรือ2 : แอร๊ย! >
คนที่แสดงเป็นเป็นลูกเรือคนที่ 2 แม้จะดูเหมือนแสดงเกินจริงไปหน่อย แต่ก็เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้มากมาย
< กัปตันเรือ: ทุกๆปีมันจะตื่นขึ้นเพื่อมาหาอาหาร เรือลำใดโชคร้ายแล่นผ่านมันในช่วงเวลานั้น มันจะโจมตีเรือด้วยแขนของมัน ดังตึง!! >
ตึง!
เกิดเสียงดังสะท้อนขึ้นมาจากเบื้องล่าง พื้นมีการสั่นไหวเล็กน้อย เอฟเฟ็กต์ประกอบการแสดงนี้เรียกแสดงปรบมือจากผู้ชมได้ล้นหลาม
< ลูกเรือ3 : เอ่อ เสียงอะไรน่ะกัปตัน >
ลูกเรือคนที่ 3 หันมองหน้านักแสดงด้วยกันเลิ่กลั่ก
< กัปตันเรือ: เรือคงชนเข้ากับหินโสโครก มันเป็นเรื่องปกติ >
กัปตันเรือแสดงต่อได้อย่างไหลลื่น แต่ในใจกลับวิตกกังวล โรงละครของเขามีเอฟเฟ็กต์แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ตึง!!
โรงละครทั้งห้องเกิดสั่นไหวรุนแรงขึ้น พร้อมกับความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นสูงของผู้ชม
< กัปตันเรือ: ใจเย็นๆ เรือของเราจะผ่านมันไปได้>
กัปตันยังคงแสดงต่อไป แต่ผู้ชมไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้กัปตันเหงื่อท่วมไปหมดแล้ว
ตึง!!!
ในขณะที่ห้องโรงละครกำลังเอียงไปมาราวกับโลกหมุนนั้นกัปตันก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว
< กัปตันเรือ: อสูรกริมบุก! ทุกคนสละเรือ! >
กัปตันแหกปากร้องแล้วก็วิ่งออกจากเวทีไปท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของทุกคน