ตอนที่ 51 คนรักสัตว์
ณ ห้องเก็บสินค้า ชั้นล่างสุดของเรือ เวลา 02.58 น.
ท่ามกลางสัตว์อสูรที่อยู่ในกรงเหล็กนับร้อยกรง เหนือภพกำลังเดินให้อาหารมันทีละกรงๆอย่างเบื่อหน่าย นอกจากให้อาหารแล้ว เขายังต้องคอยสังเกตตรวจตราเจ้าพวกนี้ว่ามีตัวไหนหายไป มีอาการป่วย มีอาการบาดเจ็บอะไรหรือไม่ เพราะถ้าสัตว์อสูรสูญหายหรือตาย คนเฝ้าก็ต้องเสียค่าปรับเป็น 10 เท่าของค่าจ้าง มันเป็นงานที่เสี่ยงแต่รายได้งาม
สัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นดุร้ายจึงไม่แปลกที่เหนือภพจะได้ยินข่าวลือว่า คนเฝ้าสัตว์คนก่อนๆพลาดถูกสัตว์อสูรจับกิน ตอนแรกเหนือภพไม่เชื่อ แต่ตอนนี้บนพื้นยังมีรอยคราบเลือดสีแดงติดอยู่ต่อให้เขาไม่เชื่อก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้ว เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเลือดของสัตว์อสูรนั้นมีสีม่วง มีแต่เลือดมนุษย์สีแดง
หลังจากให้อาหารพวกมันจนครบแล้ว เหนือภพก็ใช้เวลาว่างเลื่อนดูสินค้าในแท็บแล็ตตามปกติ ตอนนี้เขามีเงินก้อนโตที่หยิบฉวยมาจากเจ้าของร้านเพิ่มทรัพย์ ในถุงนั้นมีเหรียญเงินมูลค่า 500 เหรียญเงินอยู่
“หุหุ ตอนนี้ข้ามีเงินเติมจนได้ 5 ล้านพ้อยแล้ว วันนี้จะซื้ออะไรดีน้า”
ขณะที่เหนือภพกำลังเลื่อนหาวัตถุดิบในฝันอยู่นั้น สัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์รูปร่างคล้ายสุนัขแต่มีสองหัว อยู่ๆมันก็พุ่งโจมตีกรงเหล็กของมัน
“เงียบๆหน่อยสิ”
เหนือภพหัวคิ้วกระตุกลุกขึ้นไปดู ก่อนจะซัดกำปั้นใส่กรงเหล็กของมันไปหมัดหนึ่งเพื่อให้สงบลง แต่ว่าหมัดเดียวกลับไม่อาจทำให้มันสงบลงได้ สัตว์อสูรสุนัขสองหัวมันเห่ากรรโชก แสดงออกด้วยท่าทีดุร้าย สองขาหน้าตะกุยกรงรุนแรงจนสัตว์อสูรที่อยู่ในกรงใกล้ๆเริ่มมีอาการหงุดหงิดบ้าคลั่งตามกันไป
เหนือภพปรายตามองด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
เหนือภพเปิดกรงเหล็กออก เดินเข้าไปในนั้นแล้วปิดกรงเหล็กกลับดังเดิมด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน สุนัขสองหัวก็ส่งสายตาเหมือนดูถูก มันมองเหนือภพไม่ต่างจากอาหารชิ้นหนึ่ง พลางเลียริมฝีปากตัวเอง ขณะที่น้ำลายไหลหยดย้อย
ผ่านไปเพียงไม่ถึงสิบนาที สิ่งที่ไหลหยดย้อยออกมาอย่างมากมายกลับเป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่าช่วงหว่างขาของมันดูบวมปูดผิดปกติ
สุนัขสองหัวเพศผู้ครางหงิ๋งๆ นอนขดตัวอยู่มุมกรงอย่างกับเพิ่งถูกขืนใจ ทำเอาสัตว์อสูรในกรงที่อยู่ในละแวกเดียวกับสุนัขสองหัวจากที่มีท่าทีบ้าคลั่ง พวกมันกลับสงบเสงี่ยอย่างว่าง่าย
เหนือภพพยักหน้าให้พวกสัตว์อสูรอย่างอารมณ์ดี
“เด็กดี ทำตัวดีๆแบบนี้ก็อยู่กันยาว”
เหนือภพกลับมาดูรายกายสินค้าในตลาดออนไลน์อีกครั้ง เขาค่อยๆเลื่อนดูสินค้าทีละชิ้นอย่างละเอียด แม้เขาจะมีงบ 5 ล้านพ้อย แต่ทางที่ดีควรใช้เพียงไม่กี่แสนพ้อยก็พอ เขาค้นหาสินค้าภายใต้งบ 1 แสนพ้อย สิ่งที่ได้คือ
สินค้า : ลิ้นไนติงเกล
ที่มา : ป่าชายขอบเมืองต้นกำเนิด
สรรพคุณ : กระตุ้นกล่องเสียงและลิ้น เพิ่มความสามารถในการร้องเพลง
คุณภาพ : ต่ำ
ราคา : 90,000 พ้อย
“ฮึ่ย ไม่มีอย่างอื่นแล้วรึไง”
เหนือภพเพิ่มงบประมาณในการค้นหาไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ตรงใจที่ต้องการ
สินค้า : ข้อมือภูตินางฟ้า
ที่มา : ห้องสมบัติโบราณของกษัตริย์โมโจ
สรรพคุณ : ช่วยปรับนิ้วมือทั้งสิบให้สวย เรียบเนียนและเรียวงาม เสริมความสง่ายามสวมแหวน
คุณภาพ : ต่ำ
ราคา : 200,000 พ้อย
สินค้า : ดวงตาอสูรเงามายา
ที่มา : ไม่ระบุ
สรรพคุณ : ช่วยให้มีสายตาแห่งศิลป์ สามารถแยกแยะและจำแนกความสุนทรีย์ได้ทุกรูปแบบ
คุณภาพ : ต่ำ
ราคา : 500,000 พ้อย
เหนือภพยังคงค้นหาต่อไป โดยลงเพิ่มงบประมาณทุกๆ 1 แสนพ้อย จนกระทั่งเขาเจอบางอย่าง
สินค้า : เนื้อสันนอกช้างพิภพ
ที่มา : บ้านพรานสมิงพราย
สรรพคุณ : กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อขา ให้มีพละกำลังดุจช้างพิภพ แต่ประสิทธิภาพการเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวด้วยขาจะลดต่ำลง
คุณภาพ : ต่ำ
ราคา : 900,000 พ้อย
ในที่สุดก็เจอบางอย่างที่พอจะมีประโยชน์ แต่ราคาของมันเกินเหตุไปหรือไม่ เหนือภพอดรนทนรอไม่ไหวจนต้องทักไปสอบถามผู้ชี้นำของเขา แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากผู้ชี้นำเลย
เหนือภพมองดูรายละเอียดเนื้อชนิดนี้อย่างสองจิตสองใจ มันเพิ่มพละกำลังให้กล้ามเนื้อส่วนขา แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวจะลดต่ำลง ทำไมผลลัพธ์และผลเสียมันถึงได้ดูแปลกๆเช่นนี้
ท้ายที่สุดเหนือภพก็ได้แต่พับจอเก็บลงไปก่อน เอาไว้ค่อยซื้อตอนที่เขาไปทำงานที่ร้านอาหารก็แล้วกัน
เวลา 04.00 น.
หมดเวลางานของเหนือภพแล้ว หัวหน้าผู้ดูแลสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ลงมาตรวจเช็คดูตามหน้าที่ ในขณะที่เขาก้าวลงบันไดมานั้น เขาถึงกับต้องขนลุกพรึ่บ ความเงียบกริบแบบนี้มันเป็นความผิดปกติอย่างที่สุด มันไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องของเหล่าสัตว์อสูร
‘พวกมันตายแล้วหรือ แย่แล้ว แย่แน่ๆ’
หัวหน้าผู้ดูแลสัตว์อสูรกระโจนลงบันไดด้วยความตื่นตระหนก เพียงก้าวเดียวเขาก็ลงบันไดมาแล้ว 20 กว่าขั้น แต่สิ่งเขาเห็นเบื้องหน้ากลับกลายเป็นว่ากรงสัตว์อสูรยังคงตั้งเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในกรงยังทำตัวเป็นมิตร ท่าทางหน้ารักน่าเอ็นดูและให้ความร่วมมือกับเด็กที่ชื่อว่าเหนือภพเป็นอย่างดี ทำให้หัวหน้าผู้ดูสัตว์อสูร ไม่เข้าใจ
“เจ้าทำได้ยังไงน่ะ”
เหนือภพเงยหน้ามองหัวหน้า ยิ้มอ่อนจางก่อนตอบว่า
“ข้าเป็นคนรักสัตว์น่ะ เจ้าพวกนี้คงจะสัมผัสได้”
เหนือภพตอบด้วยอารมณ์เบิกบาน ส่วนหัวหน้าของเขานั้นกลับมีสีหน้าไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“งั้นรึ อ่ะนี่เงินค่าจ้างของวันนี้ มะรืนนี้เป็นวันหยุดที่เจ้าไม่ได้ไปทำงานที่ร้านอาหารใช่มั๊ย”
“ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่า”
“ข้าอยากจะขอให้เจ้ามาช่วยเฝ้าสัตว์ตอนกะกลางวันด้วย ได้รึเปล่า”
“อ้าวแล้ว พี่เปรมชัยไปไหนแล้วล่ะครับ”
“เอ่อ ก็.. เขาไปทำงานอื่นแล้วมั้ง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก”
หัวหน้าตอบตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่เหนือภพก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ตกลงครับ มะรืนนี้ข้าจะมาเฝ้าให้ทั้ง 2 กะเลย”
เหนือภพรับเงินมาด้วยความดีใจ กว่าเรือจะเดินทางข้ามทะเลสาบขนาดใหญ่นี้จนไปถึงเมืองโกงกางก็คงใช้เวลาอีกสักอาทิตย์ จนถึงตอนนั้นเขาคงมีเงินเก็บเพิ่มมาอีกไม่น้อย เดี๋ยวเขาจะรีบกลับไปนอนสัก 2 ชั่วโมงแล้วค่อยตื่นไปทำงานที่ร้านอาหารต่อตามปกติ
ระหว่างทางที่เหนือภพกำลังเดินกลับ ก่อนถึงบันไดที่ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของกรงสัตว์อสูรเสือดำ มันมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่กรงเหล็กและมันคือรอยเลือดสีแดง
“เอ๋? หรือว่าพี่เปรมชัยจะ….”