ตอนที่ 44 เด็กคลั่งพันเหรียญ
เหนือภพพยายามยืนขึ้นพลางเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกจากมุมปาก ร่างกายของเขายังไม่มีร่องรอยบาดแผล หรือรอยช้ำอะไร แต่สิ่งที่ทำให้เหนือภพรู้สึกเจ็บแปลบในใจคือ เสื้อผ้าตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เขามี มันกำลังปริขาด
หัวคิ้วของเหนือภพกระตุก ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ก่อนโผเข้าหาอสูรวานรโลหิตอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าอสูรยังไม่ทันเคลื่อนไหวใดใด
เหนือภพต้องการชิงความได้เปรียบนี้ เขาถือคติที่ว่า ‘เปิดก่อนได้เปรียบ’
เหนือภพพุ่งไถลไปกับพื้น หมอบต่ำหลบฝ่ามือใหญ่ยักษ์ที่ฟาดเข้ามาหวังสกัดกั้นการเข้าประชิดของเหนือภพ แต่การกระทำของอสูรวานรโลหิตนั้นกลับยื่นความได้เปรียบให้กับเหนือภพแทน
เมื่อสบโอกาสเหนือภพก็ง้างหมัดชกเข้าที่ข้อต่อบริเวณข้อพับแขนของอสูรวานรโลหิตหลายครั้ง จนแขนใหญ่ยักษ์ของสัตว์อสูรบิดงอและหมดสภาพ
เหนือภพเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ตรงหว่างขาของอสูรวานรโลหิตด้วยความเร็วมากเท่าที่จะทำได้ เขาตรงเข้าไปเตะซ้ำๆตรงจุดเส้นเอ็นร้อยหวายเพื่อตัดขา จนอสูรวานรโลหิตเสียหลักล้มลงหกคะเมน
เหนือภพโจมตีข้อต่อโดยเฉพาะหัวเข่าของอสูรวานรโลหิตอย่างไร้ความปราณี เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่ลุกขึ้นมาตอบโต้เขาได้ในเร็วๆนี้ ก่อนจะกระโดดข้ามท่อนขาใหญ่โตของมันมุ่งสู่ใจกลางหว่างขาของอสูรวานรโลหิต
ตามมาด้วยการเตะอัดผ่าหมากอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น กำปั้นขวาก็เหวี่ยงชกเข้าไปยังพวงสวรรค์อันมโหฬารของเจ้าอสูร ก่อนจะกระหน่ำการโจมตีทั้งเตะและต่อยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 นาที
ภาพของเหนือภพที่กระหน่ำโจมตีถุงห้อยของสัตว์อสูร ไม่ต่างจากภาพนักมวยที่ฝึกซ้อมกับกระสอบทรายนี้ทำเอาผู้ชมชายบางคนถึงกับร้องครางออกมาอย่างหวาดเสียว
ไม่เว้นแม้แต่นักสู้ที่รอสู้ในรอบต่อไป หลายคนที่เริ่มรับรู้ถึงความป่าเถื่อนของเหนือภพ พวกเขาต่างปฏิญาณกับตัวเองว่า ให้ตายยังไงก็ไม่ขอสู้กับเด็กนั่นเด็ดขาด
เหนือภพไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว แม้ว่าใบหน้าและร่างกายเขาจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้จะมีเสียงร้องครวญครางของสัตว์อสูรที่ดังออกมาอย่างเจ็บปวด เหนือภพก็ยังดันทุรังเตะต่อยต่อไปอย่างเดิม
แม้เขาจะหัวทึบและไร้ชั้นเชิงในการต่อสู้ แต่สิ่งที่เขามีมากที่สุดก็คือความอดทนและความดันทุรัง
จนกระทั่งสัตว์อสูรใช้แรงเฮือกสุดท้ายดีดตัวหนีออกจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเหนือภพ ทันใดนั้นมันก็พุ่งกลับเข้าสู่กรงเหล็ก ฝ่ามืออันใหญ่โตของมันกระชากประตูลูกกรงปิดอย่างเร็ว แล้วทำการล็อกตัวเองเอาไว้ในนั้น
ท่ามกลางสีหน้าที่ตกตะลึงของคนทั้งสนาม ชายหลายคนพึมพำออกมาว่า
“หากเป็นข้าโดนแบบนั้น ข้าก็ยอมขังตัวเองอยู่ในกรงเสียดีกว่า”
“อืม ใช่”
“อาา เจ้าลิงนั่นมีสมองไม่เลว”
เหนือภพไม่พูดอะไรแม้สักคำ เขาพกสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นต่ออะไรสักอย่าง พุ่งตรงเข้าชกกรงเหล็กอย่างรุนแรง
แต่ว่ากรงเหล็กนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิเศษ มิเช่นนั้นมันจะกักขังสัตว์อสูรวานรโลหิตได้อย่างไร ดังนั้นกำปั้นของเหนือภพจึงทำได้เพียงแค่สร้างเสียงดังกังวาน โดยที่ลูกกรงเหล็กนั้นไม่มีร่องรอยบุบสลายเลยแม้แต่น้อย
เสียงดังสะท้านก้องเข้าหูอสูรวานรโลหิตที่กำลังน้ำตาไหลพราก มันนั่งกุมเป้าของตัวเองที่กำลังบวมตุ่ยอยู่มุมหนึ่งของกรง
“อะไรกัน เจ้านั่นชนะแล้วนี่”
“ใช่ แล้วมันยังจะทำอะไรอีก”
ท่าทางต่อยลูกกรงที่ดูซื่อๆไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรของเหนือภพ ทำให้ผู้ชมทั้งสังเวียนไม่เข้าใจ
เหนือกัดฟันกรอดเมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถทำลายกรงนี้ได้ เขาก็ได้แต่สบถออกมาอย่างไม่พอใจ
“อย่าคิดว่าเจ้าแอบอยู่ในนั้น แล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้นะ ข้าจะต่อยแบบนี้แหละ จะเอาให้เจ้ารำคาญจนอกแตกตายไปเลย”
เหนือภพพูดไปด้วยต่อยลูกกรงไปด้วยอย่างบ้าคลั่ง
“จะคายเหรียญในปากมาให้ข้าซะดีดีมั๊ย!”
น้ำเสียงจริงจังที่เต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดนั้นทำให้คนทั้งสนามถึงกับมองบน ที่เจ้าเด็กนี่ทำมาตลอดอย่างโหดร้าย เพราะแค่ต้องการเงินในปากสัตว์อสูรอย่างงั้นเหรอ?
เหนือภพยังคงต่อยกรงเหล็กอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากรงเหล็กจะขยับเคลื่อนตัวไปตามแรงต่อย จนชนเข้ากับที่นั่งแถวหน้ามันก็ยังไม่ปริแตก จนกระทั่งมีเสียงตะโกนจากฮันเตอร์มากประสบการณ์คนหนึ่งที่นั่งชมอยู่ด้านบน
“ต่อยที่ตัวล็อกสิไอ้หนู”
“เออ ใช่”
“จัดการมันเลย”
เมื่อได้ยินคำแนะนำเช่นนั้นเหนือภพจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปต่อยที่ตัวล็อก ใช้เวลาพียงไม่นานตัวล็อกก็หัก เหนือภพบิดมือซ้ายขวาของเขาเตรียมจะง้างปากอสูรวานรโลหิต
สีหน้าของผู้จัดสังเวียนเริ่มซีดเผือด เขาไม่คิดว่าเด็กคนหนึ่งจะสามารถเปิดกรงขังสัตว์อสูรของเขาได้ การที่เหนือภพชนะสัตว์อสูรของเขานั้นไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่เรื่องเงินในปากสัตว์อสูรนั้นเป็นอุบายที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้นักสู้รู้สึกกระตือรืนล้นในการต่อสู้ก็เท่านั้น แท้ที่จริงแล้วมันไม่มีเงินอยู่ในปากอสูรนั่นแม้แต่น้อย
ผู้จัดสังเวียนเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด นั่งไม่ติดที่ สำหรับเขาแล้ว 1,000 เหรียญเงินมันไม่ได้มากมายอะไรเลย ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็หาได้ แต่ชื่อเสียงของสังเวียนต่างหากที่สำคัญ และเวลานี้ชื่อเสียงกำลังจะพังทลายลง เพราะเด็กบ้าเงินคนหนึ่ง
ผู้จัดรีบส่งสัญญาณให้โฆษกอย่างเร่งรีบ
“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ก็รู้ผลเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พิภพ ชนะ! พ่อหนุ่มน้อยไม่ต้องไปตามเอาเงินจากปากสัตว์อสูรแล้ว พวกเราจะจ่ายให้เจ้าเอง เจ้าไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ความสามารถอะไรอีกแล้ว”
“มาพวกเรามาร่วมแสดงความยินดีกับพิภพกัน”
เมื่อโฆษกประกาศเสร็จนั่นถึงจะทำให้เหนือภพสงบลงได้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นเขาก็ทิ้งอสูรวานรโลหิตไว้ในกรงตามเดิม
ขณะที่เหนือภพก้าวขึ้นไปรับเงินรางวัลก้อนโต เขาก็ได้ยินเสียงเรียก พิภพ พิภพ ดังก้องสังเวียนอย่างฮึกเหิม
หากเป็นคนอื่นที่ชนะเงินรางวัลมากมายขนาดนี้คงจะถูกดักตีหัว แล้วปล้นทรัพย์ไปในเวลาอันรวดเร็วเป็นแน่ แต่ไม่ใช่กับเหนือภพ ด้วยผลงานการต่อสู้อันแปลกประหลาดของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าแหยมลองเชิง
ใช้เวลาเพียงไม่นานชื่อเสียงของเหนือภพที่เกิดขึ้นในสังเวียนเถื่อนแห่งนี้ก็แพร่กระจายออกไปในฉายา ‘เด็กคลั่งพันเหรียญ’