ตอนที่ 16 ความเป็นธรรมของข้า ไร้อคติแน่นอน
ณ โรงเตี๊ยมสำราญใจ
คุณชายเจ้าสำราญพร้อมด้วยลูกน้องนับสิบคนกำลังยืนล้อมคุณชายร่างเล็กที่ดูบอบบางคนหนึ่งอย่างเอาเรื่อง แม้ว่าคุณชายร่างเล็กจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงและรายล้อมด้วยลูกน้องที่มีจำนวนไม่น้อยไปกว่ากัน แต่คุณชายเจ้าสำราญก็ไม่มีความเกรงกลัว
“เอาชุดกาน้ำชาของข้ามา”
เสียงสั่งอย่างวางอำนาจของเขาดังก้องไปทั่วชั้นสองของร้านเลยทีเดียว ทว่าคุณชายร่างเล็กกลับไม่สะทกสะท้าน เขายังคงยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เมื่อคุณชายทั้งสองได้มาอยู่ใกล้ชิดกันจึงเกิดการเปรียบเทียบขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับว่าจอมโจรในชุดขุนนางกำลังข่มขู่ชายงามชั้นสูงแห่งหอร้อยบุปผา
“ยังจะเงียบอยู่อีก อยากมีเรื่องรึไง”
ไม่มีเสียงตอบจากคุณชายร่างเล็กเช่นเดิม ราวกับว่าหากตรงหน้าของเขามีชาหอมกรุ่นแล้ว อย่างอื่นล้วนไร้ความหมาย ยังดีที่หญิงคนรับใช้ของเขาช่วยสื่อสารแทน
“อย่าเพิ่งโมโหเจ้าค่ะ นายน้อยของข้าแค่กำลังรอให้ท่านพูดอธิบาย ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”
คณะผู้มาหาเรื่องงุนงงเล็กน้อยว่าหญิงรับใช้คนนี้อ่านความต้องการของเจ้านายได้อย่างไร
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ ชุดกาน้ำชาชุดนั้นน่ะ ข้า คุณชายเพิ่มศักดิ์ ได้สั่งจองไว้นานมากแล้ว จองตั้งแต่ตอนที่ช่างหลวงยังไม่ได้ทำขึ้นด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไร พวกเจ้ามาแย่งซื้อไปได้อย่างไร”
จบคำของคุณชายเพิ่มศักดิ์ คุณชายร่างเล็กก็จิบชาเสร็จพอดี เขาวางถ้วยชาบนจานรองตามมาด้วยเสียงกริ๊ง เบา ๆ
“นายน้อยบอกว่า นายน้อยก็แค่เสนอเงินซื้อ ส่วนทางร้านก็ตกลงขายก็เท่านั้น”
สาวรับใช้อธิบายให้จอมกร่างฟังด้วยความสงบนิ่ง
“ถ้างั้นก็ขายคืนให้ข้าซะ จะเอาเงินเท่าไหร่ก็ว่ามา”
ดวงตาคมเฉี่ยวของคุณชายร่างเล็กเหลือบมองคุณชายเพิ่มศักดิ์เพียงแวบเดียว จากนั้นเขาก็หันไปบรรจงหยิบใบชาแห้งใส่กาน้ำร้อนทีละใบทีละใบ โดยปราศจากคำพูดเช่นเคย
“นายน้อยบอกว่า ไม่ขาย พวกท่านไปซะเถอะ”
“เอ๊ะ กวนบาทานี่ แล้วทำไมถึงไม่คุยกับข้า คิดตัวเองแน่มาจากไหน”
“นายน้อยของข้าไม่ใช่คนที่ท่านจะแตะต้องได้ นายน้อยคือทายาทคนสำคัญของตระกูลพฤษภปฐวีเชียวนะ หากท่านต้องการชุดกาน้ำชาจริง ๆ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปซื้อชุดใหม่ให้ท่าน”
คุณชายเพิ่มศักดิ์อารมณ์เดือดทะลุเพดานทันที เขาต้องการเพียงกาน้ำชาชุดพิเศษ ซึ่งช่างหลวงจะทำออกมาขายให้แก่สามัญชนเพียงปีละหนึ่งชุดเท่านั้น และเพื่อเอาใจสาวงามที่หมายปอง เขาจะต้องเอามันคืนมาให้ได้ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม
“ตระกูลวัวอะไรนั่นมันอยู่ที่ไหน ข้าไม่เคยได้ยิน ข้ารู้แค่ว่าในเมืองโกงกางแห่งนี้ตระกูลศักดินาบรรพ์ของข้าใหญ่ที่สุด”
คุณชายเพิ่มศักดิ์พูดจบก็ใช้เท้าเตะโต๊ะตรงหน้าคุณชายร่างเล็กจนล้มกระเด็นไป จากนั้นก็เหวี่ยงดาบจ่อที่ลำคอขาวระหงของคุณชายร่างเล็กอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
เสียงโครมครามบวกกับข้าวของที่ล้มระเนระนาดทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่บนชั้นสองต่างแตกตื่นพากันวิ่งลงมาข้างล่างอย่างวุ่นวาย
ส่วนผู้เฒ่าและพวกบริกรตัวน้อยที่ยืนรวมตัวกันอยู่ด้านหนึ่งของโรงเตี๊ยมก็พากันส่ายหัวและก็ก้มหน้าน้อยใจในโชคชะตา ราวกับสวรรค์เห็นว่ากิจการโรงเตี๊ยมยังสนุกสนานไม่พอ จึงดลบันดาลให้มีเรื่องต่อยตีที่นี่ได้ไม่เว้นวัน
“เหนือภพยังไม่กลับหรอ”
“ยังขอรับท่านผู้เฒ่า”
“เฮ้ย ! ทุกคน เหนือภพมาแล้ว”
บริกรทุกคนลิงโลดขึ้นมาเมื่อเห็นเหนือภพกำลังเดินผ่านประตูรั้วของโรงเตี๊ยมเข้ามาพอดี บริกรหัวไวคนหนึ่งพุ่งออกไปเรียกตัวเหนือภพในทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากท่านผู้เฒ่า
เหนือภพได้รับคำบอกเล่าเพียงเล็กน้อยจากเพื่อนบริกร แล้วเขาก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
“หยุดนะครับ คุณลูกค้า”
ในขณะที่เหนือภพพุ่งเข้าไปถึงคุณชายทั้งสอง เขาก็พบว่าคุณชายคนหนึ่งคืออันธพาลจอมกร่างที่เพิ่งมีเรื่องกับเขา ส่วนคุณชายหน้ามนอีกคนนั้นเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
คุณชายทั้งสองคนยังอยู่ในท่าเดิม คนหนึ่งนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้ ในมือถือกล่องใบชา นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาคว้าไว้ก่อนที่โต๊ะจะถูกเตะล้มไป ส่วนอีกคนกำลังยืนกางแขนกางขาอยู่ในท่าพร้อมต่อสู้ ในมือของเขามีดาบเล่มโตจ่อชิดลำคอคนที่นั่งอยู่ โดยที่ร่างกายของทั้งสองกำลังเปล่งแสงสีทองออกมาอย่างเลือนราง หากมีการปะทะกันเมื่อไหร่แสงอาคมของทั้งคู่ก็จะพร้อมต่อสู้ในทันที
“ใจเย็น ๆ นะขอรับคุณชายทั้งสอง มา ๆ ข้าจะไกล่เกลี่ยเอง ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด ตัดสินอย่างยุติธรรม”
สาวรับใช้กำลังจะอธิบายเรื่องราวให้เหนือภพฟัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูด เหนือภพก็ขัดเธอเสียก่อน
“ไม่ต้อง ข้าน้อยได้ฟังมาบ้างแล้ว ข้าไม่เข้าใจเลยทำไมคุณลูกค้าต้องแย่งกันยังกับเด็กเล่นขายของขอรับ เฮ้อ ข้าอยากจะบอกว่าของของใครก็ต้องยกให้เจ้าของไปนะขอรับ”
คุณชายเพิ่มศักดิ์ยิ้มทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของเหนือภพ แล้วเหนือภพก็เดินเข้าไปหาคุณชายเพิ่มศักดิ์พลางค้อมหัวให้คุณชายเล็กน้อย จากนั้นเหนือภพก็จับคุณชายโยนออกนอกหน้าต่างของชั้นสองไปเลย
“เฮ้ย !”
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน พวกลูกน้องของคุณชายเพิ่มศักดิ์กรูกันเข้ามาล้อมเหนือภพ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ออกลีลาการต่อสู้ พวกเขาก็ถูกจับโยนตามหัวหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว คุณชายแห่งพฤษภปฐวีเพิ่งจะได้ถ้วยน้ำชาใบใหม่จากสาวใช้ น้ำร้อนยังรินไม่เต็มถ้วยดี เหนือภพก็จัดการโยนตัวก่อกวนออกไปได้ครบทุกคนแล้ว
ขณะที่ทุกคนภายในร้าน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานด้วยกันถึงกับชูมือยกขึ้นส่งเสียงร้องอย่างดีใจ
‘หึ ข้านี่แหละเหนือภพผู้มีความยุติธรรม ตัดสินด้วยใจปราศจากอคติ จริง ๆ นะ ไม่มีอคติอะไรกับพวกเวรนั่นจริง ๆ เชื่อสิน่า’
เหนือภพพูดคุยทำความเข้าใจกับตัวเองอยู่ในใจ
“เรียบร้อยขอรับคุณชาย ข้าทวงคืนความยุติธรรมมาให้คุณชายแล้ว”
เหนือภพพูดคุยกับลูกค้าระดับพิเศษอย่างนอบน้อม จากนั้นคุณชายร่างเล็กก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกตัวใกล้ ๆ กันเพื่อรอให้สาวรับใช้นำกล่องใบชาชุดใหม่มาบริการ
“นายน้อยบอกว่า ขอบใจมาก”
“หา ใครบอกนะ ข้ายังไม่ได้ยินอะไรเลย”
“นายน้อยไง ข้าเป็นผู้แปลสารให้คนอื่นเข้าใจ”
เหนือภพเหลียวมองคุณชายประหลาดที่เอาแต่นั่งเงียบ แล้วเขาก็หันขวับมาดูสาวใช้ประหลาดที่แปลข้อความมาได้เป็นตุเป็นตะ
จู่ ๆ คุณชายร่างเล็กก็หยิบกล่องชาสองชนิดมาวางเรียงกันบนโต๊ะ
“นายน้อยบอกว่า ท่านถูกใจเจ้ามากจึงอยากตกรางวัลให้ เจ้าต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้เลย”
เหนือภพทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
‘แม่สาวใช้นี่แต่งเรื่องเองรึเปล่าหว่า แต่ถ้าได้รางวัลจริงก็ดีสิ เอาอะไรดีน้า… ถ้าเป็นเงินก็ดูจะธรรมดาไป เราต้องขออะไรที่มันมีมูลค่ามากกว่านั้น อ้อ ใช่แล้ว’
“หากเป็นไปได้ข้าก็อยากได้ข้อมูลหรือไม่ก็แผนที่ของเหมืองโบราณ”
คุณชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหยิบใบชาแห้งจากทั้งสองกล่องขึ้นมาดมอย่างพิถีพิถัน
สาวรับใช้เห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าเรียกสาวรับใช้อีกคนให้นำสมุดเล่มโตมาให้เธอ มันคือสมุดปกหนังสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งเตียงของเหนือภพ และมีความหนาประมาณสองศอก ภายในเป็นกระดาษสีครีมเนื้อบางเบาที่มีตัวหนังสือบรรจุอยู่เต็มพรืด
“เจ้าอยากจะไปที่นั่นหรอ”
สาวรับใช้ชวนคุยขณะกำลังเปิดค้นสมุดเล่มโต เมื่อเธอเปิดไปถึงช่วงกลางของหนังสือก็มีแผ่นหนังสัตว์ที่แทรกอยู่ตามหน้ากระดาษหลุดออกมา
“อ่ะนี่แผนที่เหมืองโบราณ”
“โอ้ พวกท่านให้ข้าง่าย ๆ อย่างงี้เลยหรอ” เหนือภพรู้สึกว่ามันง่ายจนเขารู้สึกระแวง
“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่นา”
ในจังหวะที่สาวรับใช้กำลังจะปิดสมุด เหนือภพก็ร้องห้ามในทันใด บางทีสมุดนั่นคงมีอะไรดี ๆ มากกว่าที่คิด
“เดี๋ยว ๆ คือข้าอยากสอบถามเพิ่มเติมได้หรือเปล่า ?”
สาวรับใช้เงียบไปชั่วครู่ เมื่อเธอเห็นว่านายน้อยของเธอกำลังใช้นิ้วเรียวบางจุ่มทดสอบอุณหภูมิน้ำในถ้วยอยู่ เธอจึงหันมาพยักหน้าให้เหนือภพ
“ขอบคุณขอรับ คือข้าอยากรู้ว่าเหมืองในละแวกนี้ที่สามารถเข้าไปขุดได้โดยไม่ต้องซื้อสัม สัม สัมอะไรสักอย่างนี่ละ”
“สัมปทาน”
“อ้อ ใช่ ๆ ไม่ต้องซื้อสัมปทานอะไรนั่น มีที่ไหนบ้างที่มีสายแร่หรือของมีค่าเยอะ ๆ”
“อืม สักครู่นะ”
หญิงรับใช้เปิดค้นสมุดอีกรอบ ครั้งนี้เธอใช้เวลาในการอ่านไล่เรียงข้อมูลนานพอสมควร ก่อนเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“ถ้าในเมืองนี้บอกได้เลยว่าไม่มี แต่มีอยู่ที่เมืองสินธุที่อยู่ติดเมืองหลวงในด้านทิศเหนือ ที่นั่นจะมีอยู่เหมืองหนึ่ง ชื่อว่าเหมืองโชคไพศาล เอ และก็มีอีกที่นะแต่ที่นั่นค่อนข้างไกล มันชื่อว่าเหมืองศิลาร้อยชั้น”
“ห๊ะ ! เหมืองศิลาร้อยชั้นเนี่ยนะ”
เหนือภพไม่คิดเลยว่าเหมืองเก่าในหมู่บ้านแร่ห้าสีที่เขามักจะเข้าไปขุดแร่ตอนเด็ก ๆ ก็มีของมีล้ำค่าอยู่ด้วย ครั้นจะกลับไปที่นั่นก็คงจะลำบากไป เพราะบ้านเกิดของเขานั้นอยู่ไกลมากเมื่อเทียบกับเมืองสินธุ เมืองที่อยู่ใกล้กว่าใช้เวลาอย่างเพียงไม่เกินสามวันก็ไปถึง
ดังนั้นเหนือภพจึงตั้งใจจดจำชื่อเหมืองโชคไพศาลแห่งเมืองสินธุเอาไว้ เพื่อหาโอกาสไปแสวงโชคสักครั้ง อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดของน้องสาวเขา เขาจึงคิดว่าจะหาเงินให้มาก ๆ แล้วซื้อของไปฝากเธอสักหน่อย
“ขอบพระคุณขอรับ หากพวกท่านต้องการความช่วยเหลืออะไร ได้โปรดเรียกใช้ข้านะขอรับ”
เหนือภพพูดประจบเล็กน้อยก่อนโค้งตัวให้ลูกค้าอย่างงดงาม แล้วเขาก็เดินจากไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ