ตอนที่แล้วบาทที่ 71
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 73

บาทที่ 72


บาทที่ 72

พวกเขาอยู่ในห้องประชุม หงเซียวกล่าวถึงสถานการณ์ในทวีปมารให้กับทุกคนฟัง เมื่อทุกคนได้ฟังถึงคนธรรมดาที่เก่งกาจสามารถกลายเป็นเซียนได้ และในเวลาชั่วปีพวกเขาก็สามารถเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนกันได้ ทั้งยังสามารถร่วมมือกันพิฆาตมารชั้นปัจฉิมเซียนนั้น ต่างก็พากันรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ

คนพวกนี้หากเป็นศัตรูกัน อา ไม่ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นศัตรูกับพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาเองนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่อยู่ในระดับมัชฌิมเซียนกันทั้งสิ้นจะไปมีความสามารถเป็นศัตรูกับผู้ที่พิฆาตมารชั้นปัจฉิมเซียนได้อย่างไร

แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็โล่งอกเมื่อพวกมารจะไม่บุกมายังทวีปเหลียงอีกแล้ว

“ท่านเจ้าสำนัก พวกเรามาวันนี้เพราะอยากรู้ว่ามีสำนักไหนบ้างที่มีวิชาควบคุมจิตใจหรือวิญญาณผู้อื่นบ้าง” หงเซียวกล่าวถาม

“หากนับถึงวิชาในการควบคุมจิตผู้อื่นนั้นก็ต้องนับสำนักเซียนมายาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนการควบคุมวิญญาณนั้นสำนักพรตน่าจะมีวิชาเหล่านั้นอยู่บ้าง” เจ้าสำนักเซียนเจ็ดเมฆากล่าว “พวกเจ้าอยากรู้วิชาเหล่านี้ไปทำไมรึ”

“พวกเรากำลังคิดค้นวิชาใหม่ ก็จึงอยากรู้บางอย่างที่พวกเขาขาดไปขอรับ” หงเซียวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เจ้าสำนักเซียนเจ็ดเมฆาอึ้งไป คิดค้นวิชาใหม่ นั่นไม่ใช่มีไว้สำหรับคนที่อยู่ในชั้นสูงๆหรอกหรือ หากไม่มีพื้นฐานที่แน่นแล้วจะคิดสร้างวิชาใหม่ได้อย่างไร

เขาไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นวิชาเซียนที่กำลังใช้ล่ามารในทวีปมารก็มาจากหงเซียวคนนี้

“สัตว์ยักษ์ที่บินอยู่บนฟ้านั้นเจ้าไปเอามาจากไหนกัน” เจ้าสำนักเซียนเจ็ดเมฆาอยากรู้ มันต้องเป็นสัตว์ที่ได้มาอย่างยากลำบากแน่

“นั่นไม่ใช่สัตว์อย่างที่พวกท่านเข้าใจ แต่มันเป็นยานที่พวกเราทั้งหมดช่วยกันสร้างขึ้น” หงเซียวกล่าว สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน

“หา เจ้าสร้างมันขึ้นมาเองรึ นี่เป็นไปได้อย่างไร” ทุกคนผุดลุกขึ้นมาในทันใด

“ถ้าพวกท่านจำได้ ข้าเป็นคนของสำนักเซียนสร้างสรรค์ ใช่หรือไม่” หงเซียวกล่าว เขาไม่คิดว่าคนที่นี่จะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้

“ก็ใช่” สุดท้ายทุกคนก็เยือกเย็นลงมาบ้าง ในเมื่อหงเซียวเป็นคนของสำนักเซียนสร้างสรรค์ การที่เขาจะคิดสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ๆนั้นก็ย่อมเป็นไปได้ เพียงแต่พวกเขาไม่ได้คิดลงไปให้ลึกว่า ความซับซ้อนของยาน ทรัพยากรที่ใช้สร้างนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เพียงแค่วิชาของสำนักเซียนสร้างสรรค์จะดลบันดาลออกมาได้ ทั้งหมดนี้เกิดจากความสามารถของหงเซียวล้วนๆ

พวกเขาคุยกันจนพอใจแล้ว สุดท้ายหงเซียวและเหล่าหญิงสาวก็เดินทางต่อไป

พวกเขาเดินทางไปยังสำนักใหญ่ทั้งห้า สำนักเซียนสร้างสรรค์ สำนักขนาดกลาง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับผลลัพธ์อะไร สุดท้ายพวกเขาตกลงใจแวะไปยังตระกูลหงเพื่อแวะเยี่ยมเพื่อนฝูงของเขา

แต่ยานแมลงวันบอทนั้นพวกเขานำมันไปไว้ที่กลางทะเลก่อนที่จะเดินทางไปยังตระกูลหง

ก่อนที่จะถึงเมือง หงเซียวก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าคุณชายเสเพลทั้งสามกลับรวมตัวกันอยู่ที่เหลาสุราหอสุ่ยฮวยใกล้กับน้ำตกป่าดึกดำบรรพ์ของเมืองเว่ยที่เป็นที่ประจำของสี่คุณชายเสเพล พวกเขาดูมีอายุมากขึ้นไม่น้อย

“คำทำนายของอาจารย์เจ้าบอกว่าเราจะได้พบกับหงเซียวที่นี่ และจะได้ก้าวหน้ายิ่งกว่านี้ เป็นจริงรึ” คุณชายจูหยางถาม

“แม้ว่าข้าจะทำนายยังไม่เยี่ยมยอดเหมือนเช่นท่านอาจารย์ แต่ข้ามั่นใจตามคำทำนายของท่านอาจารย์ที่ว่าพวกเราจะต้องพบเขาที่นี่แน่นอน” คุณชายเซียหลางกล่าว เขาเป็นศิษย์ของสำนักใหญ่ที่รับศิษย์ยากที่สุด มีศิษย์น้อยที่สุด และเป็นที่เกรงใจของสำนักอื่นที่สุด สำนักวิมานวาสนา (ดูรายละเอียดจาก ภาคมนุษย์ บาทที่ 85)

หงเซียวได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เขาทบทวนและก็จำได้ว่า วิมานวาสนาเป็นสำนักยุทธวิชาปราณไม่ใช่วิชาเซียน แต่เป็นสำนักยุทธเดียวที่เขาพบว่าสามารถทำนายอนาคตได้ ที่กระทั่งสำนักพรตซึ่งเป็นสำนักเซียนกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

หงเซียวตัดสินใจไปพบกับพวกเขาในทันที

พวกเขานั่งล้อมรอบโต๊ะสี่ด้าน มีด้านหนึ่งที่เว้นว่างไว้ เดิมทีก็เป็นตำแหน่งที่นั่งของหงเซียวอยู่แล้ว ตะเกียบและถ้วยก็จัดวางรอเขาไว้เรียบร้อยแล้ว หงเซียวจึงนั่งลงในทันที

“เหวอ” “เฮ้ย” ลู่ฮวงและจูหยางต่างพากันร้องอุทานออกมาอย่างตกตะลึงที่จู่ๆ ก็ปรากฏหงเซียวขึ้นบนที่นั่งนั้น แต่เซียหลางเหมือนไม่แปลกใจมากเท่าไหร่นัก

“สวัสดี ไม่พบกันนานนะ” หงเซียวยิ้มทักทาย ต่อจากนั้นหญิงสาวห้าคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนโต๊ะถัดไป ตะโกนว่า “เสียวเอ้อ สั่งอาหาร”

ชั้นนี้วันนี้ถูกเหมาไว้ด้วยคุณชายทั้งสามห้ามคนอื่นเข้ามานอกจากคุณชายหงเซียวเท่านั้น แต่พลันกลับมีหญิงสาวห้าคนพลันตะโกนร้องสั่งอาหารโดยไม่มีใครรู้ตัวนี่ก็ชวนน่าฉงน แต่เพราะว่าหงเซียวก็พลันปรากฏตัวขึ้นแบบนี้เช่นกันทำให้พวกเขาล้มเลิกความสนใจกับหญิงสาวสวยหยาดฟ้าไปสนิทใจ

“เพื่อนหงเซียว เจ้าโผล่มาได้อย่างไร ทำไมข้าไม่รู้สึกว่ามีใครมาเลยแม้แต่น้อย” จูหยางถามอย่างระมัดระวัง

“พวกเจ้าคงรู้ว่าสำนักคุณธรรมถูกปล้นเอาศิษย์ไปหลังจากที่คัดเลือกศิษย์ที่เมืองซีเสร็จแล้วใช่หรือไม่” หงเซียวยิ้ม

“ใช่ พวกเรายังเป็นห่วงเจ้าอยู่เลย นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เจ้าก็หายสาบสูญไปเลย” จูหยางตอบ

“เจ้าคิดว่าอย่างไรกับความสามารถแบบนี้” ซูหยางพูด กาสุราที่อยู่บนโต๊ะพลันเทสุราลงไปบนจอกของหงเซียวอย่างคล่องแคล่ว แล้ววางลง ก่อนที่จอกสุราจะลอยขึ้นมาที่ปากของหงเซียวและกระดกส่งสุราเข้าปากเขาไปสอดคล้องราวกับว่าใช้มือของตนเองทำ ก่อนจะวางจอกลงบนพื้น

“พวกเราก็ทำได้” จูหยางตอบ

“ถ้าอย่างนี้ล่ะ” หงเซียวถาม เบื้องหน้าของเขาพลันปรากฏดวงแสงสว่างขึ้น จากนั้นดวงแสงสว่างก็เปลี่ยนไปเป็นพายุขนาดเล็กที่หมุนเป็นวงก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นดวงไฟ เถาวัลย์ ดิน โลหะ และน้ำ ก่อนจะหายไปอย่างสนิท

“นี่คือพลังธาตุทั้งห้า พวกเราเคยได้ยินว่ามีแต่เซียนเท่านั้นที่ทำได้” จูหยางตอบ ขณะที่หันไปหา เซียหลางและลู่ฮวง ทั้งสองคนพยักหน้ารับ

“เจ้าเป็นเซียนแล้วละสิ” เซียหลางถาม ลักษณะของนักพนันของเขาหายไป เมื่อได้เรียนวิชาพยากรณ์ของวิมานวาสนา

“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ข้าผ่านเรื่องราวมามากมายและตอนนี้ก็ได้เป็นเซียนแล้ว” หงเซียวกล่าว

“มิใช่ว่าผู้ที่จะเป็นเซียนได้ต้องมีชีพจรเซียนไม่ใช่หรือ” ลู่ฮวงอดถามไม่ได้

“ข้ามีวิธีฝึกวิชาเซียนสำหรับผู้ที่ไม่มีชีพจรเซียน หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือข้ามีวิธีสร้างชีพจรเซียน” หงเซียวกล่าวยิ้มๆ “ตามจริงแล้วข้าก็อยากจะพาพวกเจ้าฝึกวิชาเซียน แต่ว่าข้ามีเรื่องราวต้องทำมากมายเกินไปจนไม่มีเวลาที่จะไปตามหาพวกเจ้าที่สำนัก และถ้าพวกเจ้าไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ พวกเราก็อาจจะไม่เจอกันอีกเลยก็เป็นไปได้”

“อาจารย์ของเจ้าทำนายได้แม่นยำมากเลย เซียหลาง ข้ายอมรับนับถือแล้ว” จูหยางหันไปพูด

“พอเจ้าพูดถึงที่ว่าวิมานวาสนามีความสามารถในการทำนายได้แม่นยำ ทำให้ข้าเกิดความสนใจขึ้นมามากเลยทีเดียว” หงเซียวกล่าว

“อาจารย์ของข้าเรียกเจ้าว่า เซียนน้อย และยังบอกว่าสำนักของข้ามีวาสนากับเจ้า ทั้งยังมอบหนังสือเล่มนี้ฝากมาให้กับเจ้าด้วย บอกว่าเจ้าน่าจะต้องการหนังสือเล่มนี้” เซียหลางดึงเอาหนังสือออกมาจากแหวนมิติยื่นส่งให้ซูหยาง

“สัมพันธ์จักรวาล” หงเซียวอ่านชื่อตำราด้วยความสนใจ ก่อนจะเก็บหนังสือเข้าไว้ในแหวนมิติ “ขอบคุณมาก”

“ในเมื่อพวกเราพร้อมหน้ากันแล้ว เรามาดื่มฉลองกัน” ลู่ฮวงเทสุราหอมหวนที่ตนเองปรุงขึ้นมาให้กับทุกคนรอบโต๊ะ

“พี่ชาย พวกเราก็ต้องการดื่มสุราด้วย” หญิงสาวทั้งห้าประท้วง

หงเซียวหัวเราะ หันไปหาลู่ฮวงแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อสาวๆต้องการดื่มสุรา เจ้าก็อย่าตระหนี่นัก นำเอาสุราที่เหมาะกับหญิงสาวมาให้พวกเธอได้ลิ้มลอง” พลางแบมือออก

ลู่ฮวงยิ้มอย่างอับจนปัญญาก่อนที่จะหยิบไหเหล้าออกมาหลายไห แต่ก่อนที่จะทันได้กล่าวว่าอะไร ไหเหล้าที่นำออกมาตั้งอยู่บนโต๊ะทั้งหมดนั้นก็หายไป

“ไม่ต้องพูดอะไร พวกเราจะลิ้มลองด้วยตัวเอง” เสียงจินหลินดังแว่วมาจากโต๊ะข้างๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด