ตอนที่แล้วบาทที่ 68
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 70

บาทที่ 69


บาทที่ 69

เวลาที่เหมือนสงบสุขนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ็ดวันต่อมาเหล่าหญิงสาวก็ขึ้นมาจากน้ำและเข้าไปในยานที่ยังบินค้างอยู่เหนือน้ำบริเวณนั้น

จากอาณาเขตการรับรู้ของพวกเขาพบว่า นาคินินทร์ยึดเมืองได้หนึ่งเมือง กองกำลังของเธอก็กำลังค่อยเพิ่มพูนขึ้นเมื่อมีผู้ที่ได้ยินข่าวลักลอบเข้ามาร่วมเป็นระยะ พวกเธอยังนิ่งเงียบ แต่ว่าอาวุธร้ายก็กำลังถูกผลิตขึ้นอย่างรวดเร็ว

มีบางคนที่เป็นสายลับของฝั่งตรงข้ามได้แอบเข้ามาเรียนรู้วิธีการสร้างหอกสายฟ้าและนำกลับไป

หากจะเท้าความ เดิมทีแล้ว นาคินินทร์นั้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรใต้สมุทรอันกว้างใหญ่กินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของมหาสมุทร โดยมีอีกสิบแปดอาณาจักรเล็กๆรายล้อม

แต่มาวันหนึ่งนาคินินทร์ก็ถูกกองกำลังกลุ่มหนึ่งซึ่งซ่องสุมกำลังอย่างลับๆทรยศ เธอและคนของเธอทุกคนถูกฆ่า อาวุธของเธอซึ่งหากอยู่ร่วมกันแล้วจะทรงอานุภาพมหาศาลยากจะมีใครต่อกรได้นั้นถูกแยกไว้หกที่ โดยมีหนึ่งในนั้นเป็นมิติลับ วิญญาณของเธอนั้นได้วนเวียนไปตามอาวุธแต่ละชิ้นเรื่อยมา

อาณาจักรของเธอแตกย่อยออกไปเป็นอาณาจักรเล็กๆกว่ายี่สิบอาณาจักร และเกิดการรบพุ่งไม่หยุดหย่อน และมีบางอาณาจักรก็ถูกกลืนกินจากสิบแปดอาณาจักรรอบด้าน

เวลาผ่านไปหลายพันปี จนในที่สุดวันหนึ่งเธอพบเห็นหงเซียว ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เข้าใกล้กับวิหารที่ปกป้องอาวุธของเธอไว้ไม่ให้มีใครเข้าไปพบเห็น ซึ่งวิหารนี้อยู่ใกล้กับเมืองเว่ยและใกล้จะล่มสลายเต็มที่แล้วจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศจนทำให้วิหารนี้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา

ในตอนนั้นหงเซียวยังอ่อนแอและไม่มีทางที่จะต่อกรกับนาคาได้แม้แต่ตนเดียว แต่เขามีความสามารถในการควบคุมวิญญาณและสร้างร่างให้กับวิญญาณ ทำให้วิญญาณนาคินินทร์เกิดความหวัง เธอจึงแอบติดตามเขามานับตั้งแต่บัดนั้น

จนกระทั่งในที่สุดเมื่อหงเซียวเข้าไปในพื้นที่ลับและได้ต่อสู้กับนาคา เขาจึงคิดสร้างร่างภูษาเซียนนาคาตามแบบของชีพจรบนเทวรูปที่เมืองเว่ย และนั่นก็พอดีเป็นร่างที่เหมาะสมกับการให้วิญญาณของนาคินินทร์เข้าไปสิงสู่

และนับจากนั้นมานาคินินทร์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง และใช้วิชาลับอัญเชิญวิญญาณของผู้จงรักของเธอทั้งห้าเข้ามาเป็นภูษาเซียนอีกด้วย

หลังจากนั้นเธอก็ได้ยึดครองอาวุธของเธอกลับมาอีกสองชิ้น ซึ่งส่วนที่เหลืออีกสี่ชิ้นนั้นก็ยังถูกปกป้องอยู่ในอาณาจักรสี่อาณาจักรในมหาสมุทรแห่งนี้ และเมื่ออาณาจักรเหล่านั้นรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ทุกอาณาจักรต่างพากันตื่นตระหนกไม่รู้ว่าเธอฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร ต่างพากันปกป้องอาวุธทั้งสี่ของเธออย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้เธอได้ครอบครองพื้นน้ำได้อีกเป็นครั้งที่สอง

พวกเขาต่างพากันพบว่าคนของนาคินินทร์มีความสามารถในการสร้างอาวุธที่ร้ายกาจยิ่งกว่าหอกที่เป็นอาวุธปกติประจำตัวของทุกคน ดังนั้นจึงมีคนหลายคนที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อขโมยความลับ และพวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

แต่ข่าวที่สายลับส่งออกไปก็ยิ่งสร้างความตระหนกให้กับผู้ครองอาณาจักรยิ่งกว่าเดิม เมื่อสายลับรายงานว่านาคินินทร์ไม่ได้มีเพียงอาวุธนี้เพียงอย่างเดียว แต่มีอาวุธที่ร้ายกาจกว่านั้นมีอานุภาพที่ไม่เป็นที่เปิดเผยกำลังรีบเร่งผลิตออกมาจากหน่วยงานเฉพาะที่ไม่มีใครเข้าถึงได้

และหอกแบบใหม่นั้นก็มีเพียงไม่กี่อาณาจักรที่สามารถส่งสายลับเล็ดลอดตีเนียนขโมยออกมาได้ ไม่ใช่ทุกอาณาจักร อาณาจักรที่ขโมยออกมาได้นั้นต่างก็พากันเผยแพร่วิธีการสร้างหอกแบบใหม่นั้นให้กับคนของตนเองทันที และแน่นอนว่ามันก็ย่อมมีรั่วไหลไปยังอาณาจักรอื่นๆเช่นกัน

แต่ใครจะรู้นอกจากกลุ่มของหงเซียวและภูษาเซียน ไม่มีใครรู้ว่าหอกแบบใหม่นั้นถูกวางยาเอาไว้เหมือนกับเข็มทิศ นั่นก็คือหากว่าหอกแบบนั้นชี้มาทางกลุ่มของหงเซียวและภูษาเซียนในมุมที่แคบกว่าหกสิบองศาที่ระยะทางห้าร้อยกิโลเมตร เมื่อสั่งให้ทำการกระตุ้นให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่ปลายหอก มันจะไม่ทำงาน แต่มันจะส่งพลังนาคาไปให้พวกเขาที่อยู่ในทิศนั้นแทน เป็นการเพิ่มพลังนาคาในร่างของกลุ่มหงเซียวและภูษาเซียน

นี่คือสถานการณ์ภายใต้มหาสมุทร

ย้อนกลับไปถึงสถานการณ์ในอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณบ้าง สถานการณ์ภายหลังจากที่อาณาเขตของมารชั้นปัจฉิมเซียนหลายพื้นที่ได้ถูกยึดไปนั้น ข่าวคราวของอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณก็แพร่กระจายออกไปสู่มารทุกคนในชั้นปัจฉิมเซียนทันที มารทุกตนต่างเตรียมพร้อม แผนการบุกทวีปอสูรถูกพับไว้ พวกมารต่างรู้สึกถึงการคุกคามของอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณ และพยายามหาวิธีทุกวิธีในการแก้ทางอาวุธของอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณ

จะทำอย่างไรจึงจะแก้จุดอ่อนของตนเองเรื่อง ไฟ สายฟ้าและแสงสว่างเข้มข้น จะทำอย่างไรในการปกป้องตนเองจากไฟ สายฟ้า และแสงสว่าง จะทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาเรื่องจำนวนคนที่ด้อยกว่าและมีอาวุธที่ด้อยกว่าซึ่งเป็นเหตุให้ศัตรูสามารถใช้คนที่มีพลังการต่อสู้ด้อยกว่าสามารถสู้สูสีกับคนที่เก่งกาจกว่าได้

ส่วนภายในอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณนั้นเมื่อได้รับชัยชนะ พวกเขาก็ยึดอาณาเขตได้เพิ่ม ความโกรธแค้นที่พวกเขามีต่อพวกมารนั้นมีมากเสียจนกระทั่งพวกเขาไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้ากับมาร ไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

อาวุธถูกผลิตขึ้นมาโดยไม่หยุดยั้ง ป้อมปืนใหญ่นั้นพวกเขาได้ทำการปรับปรุงความสามารถใหม่อีกครั้ง ให้สามารถยิงได้ไกลถึงหนึ่งพันกิโลเมตร และพวกเขาจะโจมตีศัตรูโดยไม่สนใจว่าจะโดนมารชั้นปัจฉิมเซียนหรือไม่

แทบทุกคนต่างพากันฝึกฝนวิชาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาก็ใช้สมรภูมิแห่งที่สามเป็นตัวอย่าง หาวิธีที่จะรวมพลังจากปราณเกราะสายฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งพาหงเซียวอยู่เช่นกัน

ด้วยนักค้นคว้านับพันช่วยกันคิด พวกเขาได้คิดวิชาปราณใหม่ขึ้นมาได้ภายในเวลาอันสั้นนี้ ปราณภูตสายฟ้า

ด้วยธรรมชาติของสายฟ้าที่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ปราณภูตสายฟ้าเป็นการดัดแปลงปราณเกราะสายฟ้าจากการที่ให้สายฟ้ากระโดดไปมาอยู่ในร่าง เป็นการส่งสายฟ้าไปยังผู้ที่โคจรวิชาปราณเดียวกันที่อยู่ใกล้ที่ต้องการส่งสายฟ้าไปให้ ทำให้พวกเขาสามารถส่งสายฟ้าวนไปมาอย่างไรก็ได้ การส่งสายฟ้าไปมาระหว่างกันนี้นอกจากจะเป็นการโคจรพลังหมู่ร่วมกันแล้วยังทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านไปนั้นรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะอีกด้วย

นอกจากวิชาปราณภูตสายฟ้าแล้ว แสงสว่างก็เป็นอีกอย่างที่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้ง่ายดาย พวกเขาหาวิธีที่จะสร้างแสง กำหนดเส้นทางการเดินทางของแสงและวิธีการรับแสงระหว่างกันเอง และการบังคับทิศทางของแสงส่งไปนั้นยิ่งง่ายกว่าการส่งสายฟ้ามาก พวกเขาสามารถส่งแสงไปยังคนอื่นๆ รับแสงมาแล้วขยายพลังส่งต่อไป และทำให้พวกเขาสามารถโคจรพลังหมู่ร่วมกันและมีอำนาจของแสงรุนแรงขึ้นทุกขณะเช่นเดียวกับวิชาปราณภูตสายฟ้า พวกเขาตั้งชื่อมันว่า ปราณภูตแสง

ปราณภูตแสงยังมีข้อได้เปรียบกว่าปราณภูตสายฟ้าอีกประการหนึ่งก็คือ มันสามารถยิงไปเป็นระยะทางไกลมากได้ด้วย ทำให้คนที่อยู่ห่างกันนับสิบหรือร้อยกิโลเมตรสามารถโคจรพลังร่วมกันได้

วิชาเหล่านี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อหงเซียวได้ยินเรื่องวิชาปราณเหล่านี้จากประธานาธิบดี เขาก็ยกนิ้วให้ทันที กล่าวชมเชยทุกคนที่สามารถช่วยกันคิดเรื่องนี้ออกมาได้

เขาเรียนรู้วิชาปราณทั้งสองวิชานี้ และถ่ายทอดคาถาร่างเลอะเลือนที่เพิ่งคิดค้นได้สำเร็จให้กับประธานาธิบดีเพื่อส่งผ่านไปยังทุกคน

ด้วยความช่วยเหลือของคาถาร่างเลอะเลือน หมอกที่คลุมร่างของพวกเขาส่วนหนึ่งจะระเหยแผ่ออกไปในอากาศและรวมเข้ากับหมอกของคนอื่น พวกเขาจะยิ่งสามารถโคจรพลังได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม และเมื่อใช้ร่วมกับวิชาปราณภูตแสง และปราณภูตสายฟ้าที่มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขาก้าวหน้าไปได้เร็วยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เพียงแค่เวลาผ่านไปหนึ่งวันที่คนทั้งอาณาจักรร่วมฝึกวิชาด้วยกันด้วยวิชาภูตแสงภายใต้คาถาร่างเลอะเลือนนั้น ผู้ที่อยู่ในชั้นปฐมเซียนแทบทุกคนต่างก็ก้าวจากระดับต่ำเป็นระดับสูงสุดชั้นปฐมเซียนในทันที และหลายคนที่อยู่ในชั้นปฐมเซียนระดับสูงก็ได้ก้าวขึ้นสู่ชั้นมัชฌิมเซียน ส่วนผู้ที่อยู่ในชั้นมัชฌิมเซียนนั้นต่างก็พากันเลื่อนระดับขึ้นไม่มากก็น้อย

หากดูจากภายนอกโลก ก็จะพบว่ามีพื้นที่หนึ่งในบริเวณทวีปมารปกคลุมไปด้วยหมอกหนาจนมองไม่เห็นสภาพอะไรบนพื้นดินทั้งสิ้น หมอกนั้นเรืองแสงสว่างเหมือนกับว่ามันมีแสงสว่างอยู่ภายในตัวมันเอง

แว่บ แสงเส้นหนึ่งส่องออกมาจากจุดหนึ่งภายในหมอก ส่องไปยังปราสาทมารที่ห่างออกไปกว่าห้าร้อยกิโลเมตร

ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงนั้นเร็วมากจนไม่มีใครที่จะสามารถมีปฏิกิริยาตอบโต้ได้ทัน ภายใต้แสงอันเจิดจ้าจนไม่อาจจะมองเห็นปราสาทหลังนั้นพลันหายไปในชั่ววินาที เหลือเพียงหลุมตื้นเขินที่เจิ่งนองไปด้วยลาวา

หมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ทั้งอาณาจักรเซียนภูตวิญญาณนั้นจากที่มีแสงเรืองรอง พลันสลัวลงก่อนที่จะค่อยๆเรืองแสงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

นี่เป็นการทดลองอีกครั้งของนักวิจัย แสงที่ยิงออกไปนั้นไม่ได้ยิงออกไปจากร่างของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเองก็คงทนความร้อนของแสงเหล่านั้นไม่ได้เหมือนกัน แต่ยิงออกไปจากร่างจำแลงที่เกิดจากวิญญาณจำนวนมากช่วยกันส่องแสงไปยังเป้าหมายแห่งหนึ่งพร้อมกัน

แสงนี้ก็เหมือนการรวมแสงอาทิตย์ด้วยแว่นขยาย หากใช้แว่นขยายขนาดเท่ากับประเทศหนึ่งผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากนี้มากนัก

ประธานาธิบดีรายงานผลนี้ให้กับหงเซียวทันที

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หงเซียวถึงกับตื่นตะลึงไปกับผลลัพธ์นี้ไปอีกพักใหญ่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด