บาทที่ 65
บาทที่ 65
งูดาวทะเลนาคพลกระดืบไปตามพื้นที่อย่างช้าๆหากดูผ่านๆ แต่หากดูซ้ำอีกครั้งจะพบว่าเขาไปไกลลิบแล้ว
ร่างของเขาไม่มีอะไรแตกต่างไปจากงูดาวทะเลทั่วไปแม้แต่น้อย ลำตัวปลาดาวห้าแฉกไม่ใหญ่มากนักวัดจากปลายหนึ่งถึงอีกปลายหนึ่งเพียงสองเมตร แต่ละแฉกเรียวยาวคล้ายกับหางงู ส่วนที่เป็นลำตัวและหัวงูนั้นมีความยาวปกติประมาณสองเมตร
ไม่น่าเชื่อว่านาคาร่างใหญ่โตเมื่อหุ้มด้วยเกราะนี้แล้วจะมีขนาดลำตัวที่กว้างที่สุดไม่ใหญ่ไปกว่าต้นขาของมนุษย์
นาคพลพบว่าเมื่ออยู่ในร่างนี้แล้วจะมีความสามารถยืดส่วนหัวและลำตัวไปได้ไกลถึงสิบเมตร สามารถพ่นพิษ มีความสามารถในการรัดพันเหยื่อ กัดและปล่อยพิษใส่เหมือนงูพิษ ทั้งยังมีความสามารถของนาคาครบถ้วน เพียงแต่การใช้งานอาวุธนั้นจะใช้ผ่านหนวดห้าแฉกที่ใช้คืบคลานอยู่นั้น
ความสามารถประการสำคัญก็คือ เขาสามารถกลืนเหยื่อได้ และเมื่อกลืนเหยื่อแล้ว ร่างงูของเขาจะยังคงผอมเพรียวเหมือนเดิมต่อให้กลืนปลาวาฬเข้าไปทั้งตัวก็ตาม และเหยื่อก็จะอยู่ในสภาพหมดสติ
การจะกลืนใครสักคนบริเวณนี้เพื่อไปเป็นเครื่องทดลองนั้นจะทำให้ใจของเขาไม่เป็นสุข แต่ถ้าหากกลืนทหารของนาคาสุริยะไปได้สักคนเขาจะดีใจมาก นั่นจึงเป็นเหตุที่เขาต้องมาไกลถึงหน้าเมืองจากนั้นก็ค่อยกระดืบเข้าไปในเมืองอย่างเชื่องช้า
เมืองนั้นมีลักษณะคล้ายเจดีย์คล้ายเปลือกหอยนมสาวขนาดยักษ์ ปากทางเข้าเป็นช่องขนาดใหญ่กว้างมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่ายี่สิบเมตร ทหารยามต่างพากันนอนหมอบอยู่บนก้อนหินหน้าปากทางเข้า
เมื่อเห็นการกระทำของเขาทหารยามต่างเฉยชา เช่นเดียวกับเมื่อตอนปลาขนาดยักษ์พุ่งเข้าไปในปากทางหรือออกมา
งูดาวทะเลเข้าไปไม่ลึกนักเขาก็พบเข้ากับยามคนหนึ่งที่อยู่โดดเดี่ยวจากคนอื่นและอยู่ในมุมอับสายตา
เมื่อเข้าไปใกล้ระยะสิบเมตรในจังหวะที่ยามคนนั้นหันหน้าไปทางอื่น หัวงูที่ยืดยาวของเขาก็พุ่งปราดไปหายามคนนั้นและ
อ้ำ ชายคนนั้นหายไปจากตำแหน่งนั้นทันที
“….อา...นี่ยอดเยี่ยมมาก ดูจากชุดแล้วเหมือนจะกลืนเหยื่อได้อีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบเก้า…. ถ้าเช่นนั้นล่ะก็...” งูดาวทะเลนาคพลคิดก่อนจะขยับเข้าไปในเมือง
“พี่ชาย ดูนี่สิ แพลงตอนตัวนี้สีสันสวยมากเลย” ชิ่วจูจับเอาแพลงตอนตัวหนึ่งมาให้เขา มันส่องแสงเรืองวาววับ
“อืม จริงด้วยสิ โอ๊ะ ดูดีดี มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย ไม่น่าเชื่อ” ตอนแรกหงเซียวเพียงแค่ชื่นชมแสงเรืองอันสวยงามของมันเท่านั้น แต่เมื่อตั้งใจดูเขาก็พบว่ามันเป็นสัตว์ทะเลที่มีพลังเซียน
“เราช่วยกันไปตรวจสอบดูกันว่ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อะไรในแถบนี้บ้าง จะได้นำไปไว้ในทะเลศักดิ์สิทธิ์ในไข่มุกของพวกเรา” หงเซียวกล่าวต่ออย่างตื่นเต้น
พวกเขาทั้งหกคนพบอย่างรวดเร็วว่าในพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่รอช้าเก็บมันเข้าไว้ในทะเลในไข่มุก ที่มีหอยมุกเนตรรัศมีหลงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง
“พี่ชายจะลองสร้างเกราะจากแพลงตอนนี้ดู น่าจะดีกว่าชุดเกราะด้วงดิ่งที่พวกเราใช้กันอยู่ในน้ำทะเลแบบนี้” เขากล่าว พร้อมกับนำแพลงตอนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เรืองแสงอยู่นั้นมาใช้ด้วยคาถาเซียนร่างแมลงของวิชาเซียนคุณไสย
เช่นเดิม ด้วยกระบวนการสร้างของภูษาเซียนชีวจักรกล พวกเขาก็ได้ชุดเกราะกึ่งมนุษย์กึ่งแพลงตอนมาหกชุด และพวกเขาก็เปลี่ยนจากชุดเกราะด้วงดิ่งเป็นชุดเกราะแพลงตอนนี้ ส่วนชุดเกราะด้วงดิ่งนั้นพวกเขาก็เก็บไว้ในไข่มุก
“อา… ไม่มีอะไรทำ ระหว่างที่รอนาคินินทร์และนาคาพลนี้ พี่ชายจะสร้างภูษาเซียนผืนใหม่ที่คิดไว้อีกผืน ที่เหลือฝากดูแลด้วยนะ” เขากล่าว
“ได้เลยพี่ชาย” บรรดาหญิงสาวต่างพากันพุ่งตัวไปมาอย่างสนุกสนาน พร้อมกับอวดโฉมประชันแสงกัน พร้อมกับหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวใหม่ๆเข้าเก็บไว้ในไข่มุกในร่าง
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการสร้างภูษาเซียนใหม่ ซึ่งมีลักษณะเป็นเหมือนเกราะแขนข้างหนึ่ง เป็นภูษาเซียนที่มีความสามารถในการสร้างอาณาเขตและรัศมี เขาตั้งชื่อมันว่า ภูษาเซียนอาณาจักรวิญญาณ
ภูษาเซียนอาณาจักรวิญญาณ เกิดจากการนำเอาวิชามาร วิชาเซียนวิถีไร้ลักษณ์ และวิชาภูตวิญญาณมารวมกัน แต่เน้นในการสร้างอาณาเขตและรัศมี และการใช้วิญญาณในอาณาเขต ทำให้สามารถสร้างอาณาเขตที่ต้องการได้ เช่นสร้างอาณาเขตน้ำที่ทำให้อากาศมีคุณสมบัติเหมือนน้ำทำให้นาคาว่ายไปได้ มีพลังโจมตีเพิ่ม อาณาเขตไฟเปลี่ยนพื้นที่ในอาณาเขตให้เป็นธาตุไฟ อาณาเขตสายฟ้า ที่ทำให้เกิดสายฟ้าทั่วอาณาเขต อาณาเขตพลัง เพิ่มพลังให้กับพรรคพวกและลดพลังฝ่ายศัตรู อาณาเขตรักษา อาณาเขตพายุ นี่เป็นเพียงตัวอย่าง อีกทั้งยังสามารถส่งพลังโจมตีจากรัศมีเข้าประหารศัตรูในอาณาเขตได้ด้วย
เมื่อมีภูษาเซียนอาณาจักรวิญญาณ อาณาเขตของเขาที่ถูกน้ำกดดันจนเหลือเพียงห้าสิบกิโลเมตรก็ขยายตัวไปเป็นหนึ่งพันกิโลเมตร ด้วยอาณาเขตการรับรู้ที่ขยายตัวออกไปนี้ เขาถึงกับสะท้านเมื่อพบว่า อาณาจักรนาคานั้นกว้างขวางเกินความสามารถของเขาจะตรวจสอบได้ทั้งหมด ไม่แน่ว่าอาจจะกว้างขวางกว่าดินแดนมนุษย์มากมายหลายเท่า และไม่แน่ว่าสิ่งมีสติปัญญาที่ครอบครองโลกนี้ที่มีจำนวนมากที่สุดอาจจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นนาคาเหล่านี้ก็เป็นได้
ระหว่างที่รอนาคินินทร์ เขาก็ถ่ายทอดวิชาเซียนทั้งสองแบบให้กับหญิงสาวทั้งห้า ด้วยสัมผัสที่กว้างขวางนี้ พวกเขาสามารถรับรู้ความเป็นไปของชีวิตของชาวนาคาทั้งหมดในขอบเขตการรับรู้ได้อย่างง่ายดาย
“ภูษาเซียนอาณาจักรวิญญาณนี้ทรงพลังมาก พี่ชาย ถ้าเราอยากจะขยี้ใครสักคนที่นี่ ก็เพียงแต่สั่งวิญญาณที่อยู่ตรงนั้นให้จัดการให้ได้ทันที” จินหลินกล่าวอย่างหวาดหวั่นกับอำนาจของภูษาเซียนใหม่นี้
“อืม ใช่จริงด้วย แทบจะไม่ต้องรอให้นาคินินทร์รวบรวมกองกำลัง แล้วค่อยบุกไปทีละน้อย แต่เด็ดหัวคนที่เราหมายปองได้ทันทีด้วยวิญญาณที่อยู่ในอาณาเขตของเรา” หงเซียวพยักหน้า
“น่าเสียดายที่ภูษาเซียนนี้เพิ่งจะมีระดับหนึ่งชั้นปฐมเซียน” เขากล่าวต่อ นั่นหมายความว่า วิญญาณที่ถูกสั่งงานก็จะมีระดับนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากจะส่งให้ไปต่อสู้กับผู้ที่มีความสามารถมากกว่าก็คงจะไม่สำเร็จ
“ดูเหมือนว่านาคพลจะกลับมาแล้ว พี่ชาย พวกเราไปดูกันเถอะ” ซีชี่เอ่ยขึ้น
นาคพลคายร่างของนาคากว่ายี่สิบตนออกมาจากเกราะ ก่อนที่จะถอดเกราะออกมา
หงเซียวกล่าวว่า “เกราะนี้เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ ถือว่าเป็นค่าที่ใช้งานเจ้า”
“ขอบคุณท่าน” นาคพลกล่าวอย่างยินดี เขาสวมเกราะกลับร่างอีกครั้งอย่างไม่รีรอ แม้ว่าจะแปลกใจกับชุดใหม่ของพวกหงเซียวทั้งหมด แต่เขาก็รู้ว่ามีเพียงคนหกคนที่สวมชุดแปลกๆที่อยู่ตรงนี้
นาคาทั้งยี่สิบกว่าตนนั้นถูกบรรจุอยู่ในเมือกที่เป็นถุงหุ้มอยู่ ทุกคนต่างไร้สติแม้ว่าในมือจะยังกำหอกแน่น
หงเซียวเริ่มทำการทดลอง ด้วยความร่วมมือจากหญิงสาวทั้งห้าและนาคพล
นาคินินทร์กลับมาเป็นครั้งคราวเพื่อสอบถามความคืบหน้าของอาวุธ หงเซียวได้ยื่นส่งให้เธอเป็นฉมวกที่มีสองง่าม
“นี่เป็นอาวุธพื้นฐาน หากว่าปลายฉมวกสองง่ามนี้เข้าใกล้ศัตรูมากพอแล้วกดปุ่มนี้ จะเกิดไฟฟ้าช็อตในเสี้ยววินาที และศัตรูจะตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ หากอาการรุนแรงมากพอก็จะทำให้สลบได้” เขากล่าว
“มีคนของเจ้าตนไหนที่มีความสามารถในการสร้างสิ่งของบ้าง ข้าจะได้ถ่ายทอดความรู้ให้” เขากล่าวต่อ
“ทุกคนล้วนมีความสามารถในการสร้างสิ่งของขึ้นมาใช้เอง หอกพวกเขาล้วนสร้างขึ้นมาจากเลน” นาคินินทร์กล่าว
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี จากที่ข้าตรวจสอบร่างกายของนาคาพวกนี้ ข้าพอจะเข้าใจถึงแนวทางการโคจรพลังของพวกเจ้าอยู่บ้าง ข้าได้คิดค้นวิชาที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสิ่งของขึ้นมาใช้เองได้ ข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าเพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับคนของเจ้า ก็แล้วกัน” หงเซียวกล่าว
ปกติแล้วเขากับภูษาเซียนรวมไปถึงผึ้งเซียนของตนเองนั้นจะสามารถถ่ายทอดความรู้ต่างๆให้กันและกันได้อยู่แล้ว ดังนั้นเพียงไม่นาน นาคินินทร์ก็พยักหน้า และพาเหล่าองครักษ์ของเธอจากไป เพื่อถ่ายทอดความรู้ไปให้กับคนของเธอ
พวกเธอใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้กับคนของเธอ ซึ่งเธอก็ใช้วิธีการถ่ายทอดไปตามลำดับ เธอสอนคนสิบคน สิบคนนั้นก็สอนต่ออีกสิบคน วิชาที่หงเซียวถ่ายทอดให้นั้นเป็นวิธีการโคจรพลังที่ทำได้ไม่ยาก มีไว้ใช้สำหรับในการสร้างส่วนที่วิชาการสร้างหอกของพวกเธอนั้นทำไม่ได้
และวันนี้เป็นวันที่พวกเธอจะบุกเข้าโจมตีเมือง นครานพรัตน์ ที่มีกองกำลังหมื่นคนประจำการอยู่