บาทที่ 64
บาทที่ 64
“ไขำพืฝ่ฟหก(นั่นใคร)” ตอนแรกหงเซียวและบรรดาหญิงสาวฟังไม่ออก มันเป็นเสียงใต้น้ำ แต่ด้วยสัญญาจากภูษาเซียนนาคาของตนเอง ทำให้คำพูดที่ฟังไม่ออกนั้นฟังออกได้ถัดจากนั้น
นาคินินทร์ไม่ตอบ เธอเดินเข้าไปในนั้น ซึ่งพวกเขาเห็นว่านาคาสามตนในนั้นลอยตัวขึ้นอยู่กลางน้ำในกระท่อมพร้อมกับหยิบอาวุธออกมาจ่อจี้ไปยังเบื้องหน้าแล้ว
“เคารพท่านเจ้า” เมื่อนาคาสามตนนั้นเห็นแขนหกข้างและใบหน้าของนาคินินทร์แล้ว พวกมันต่างพากันพากันทรุดกายลง อา บอกว่าทรุดกายลงคงไม่ได้ในเมื่อสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ไม่มีเข่าให้งอลงไป พวกมันลดตัวลงจนแนบกับพื้นและมือทั้งสองข้างที่กุมหอกอยู่ก็กดลงไปบนพื้นพร้อมหน้าที่ก้มลงไป
“ข้ากลับมาแล้ว” นาคินินทร์เอ่ยขึ้น
“ข้าคิดว่าจะไม่มีโอกาสพบท่านเจ้าอีกต่อไปแล้ว เมื่อมีข่าวว่าท่านเจ้านั้นขึ้นถูกแย่งเอาอาวุธทั้งหมดไปแยกไว้ในวิหารต่างๆทั่วโลก มีคนยืนยันว่าจักรที่วิหารจันทรสมุทรเป็นของท่านเจ้าจริง ซึ่งนั่นหมายความว่าท่านต้องสิ้นไปแล้วอาวุธทั้งหกจึงถูกผนึกและมีคนเฝ้ามากมายเช่นนี้” นาคาตนหนึ่งในนั้นเอ่ย
“เจ้าได้ข่าวมาถูกต้องแล้ว แต่ว่าตอนนี้ข้าได้ฟื้นคืนกลับมาแล้ว และจะยึดอาณาจักรของข้าคืน พวกเจ้ายังปรารถนาที่จะติดตามข้าอยู่หรือไม่” นาคินินทร์เอ่ยถาม
“พวกข้ารอท่านอยู่ที่นี่ จุดนัดหมายนี้ แม้ว่าจะมีความหวังเพียงลมๆแล้งๆ นั่นยังมิพิสูจน์ว่าพวกเราจงรักภักดีท่านแค่ไหนหรือ พวกเราปรารถนาจะติดตามท่านไปแม้ชีวิตจะหาไม่” นาคาเหล่านั้นตอบ
“ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ลุกขึ้นเถอะ มีพี่น้องที่หวังติดตามข้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใดในตอนนี้ และมีข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่” นาคินินทร์กล่าวขึ้น
นาคาเหล่านั้นค่อยพยุงตัวขึ้น กล่าวว่า “เรียนท่านเจ้า พี่น้องที่ยังคิดที่จะติดตามท่านนั้นยังมีอยู่อีกหนึ่งเมือง สองแสนกว่าตน พวกเราทั้งหมดรวมกันอยู่ที่นครานพรัตน์นี้อย่างเงียบๆ รอคอยท่านกลับมาหรือจนกว่าพวกเราจะล้มตายลงจนหมดสิ้น”
“เพียงแต่ว่าตอนนี้ผู้ปกครองนครานพรัตน์นี้ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นคนของนาคาสุริยะ มีกองทหารเฝ้าเมืองอยู่ในมือหนึ่งหมื่นคน”
“อาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเรามีมากน้อยแค่ไหน” นาคินินทร์ถาม
“อาวุธของพวกเราทั้งหมดถูกยึดไป ที่มีก็เพียงแค่หอกในมือแบบข้านี้เท่านั้น”
“ท่านพอจะช่วยอะไรได้ไหม” นาคินินทร์ถามหงเซียว เธอเห็นเขาสร้างอาวุธสุดอันตรายมา ทั้งเห็นการใช้งานมันด้วย
“ศัตรูของเจ้ามีจำนวนมากน้อยเท่าไหร่” หงเซียวถาม นาคินินทร์หันกลับไปสอบถามคนของเธอ
“หากรวมทั้งอาณาจักรแล้วก็น่าจะประมาณสิบล้านตน” อีกฝ่ายตอบ
“อะไรนะ… ขอข้าคิดดูก่อนนะ” หงเซียวกล่าว สองแสนต่อสิบล้าน จะสู้ได้ยังไงในเมื่ออีกฝ่ายมีอาวุธยุทธภัณฑ์พร้อม ขณะที่ทางนี้ไม่มีอาวุธและมีคนเพียงแค่สองแสนคน เมื่อเขาพยายามนึก อันดับแรกที่นึกได้ถึงสิ่งที่คร่าชีวิตอย่างโหดร้ายจำนวนหลายล้านภายในพริบตาก็คือระเบิดปรมาณู แต่นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามที่เขาตัดทิ้งไปในทันที เขาค่อยหันมานึกถึงอาวุธใต้น้ำ ตอร์ปิโด
ตอร์ปิโดนั้นใช้แรงระเบิดและแรงอัดอันรุนแรงของน้ำทำอันตรายต่อเป้าหมาย หากยิงไปในหมู่สัตว์น้ำที่รวมตัวกัน นั่นคงเป็นโศกนาฏกรรมอย่างใหญ่หลวง
มีอีกอย่างหนึ่งที่อันตรายไม่แพ้กัน นั่นก็คือไฟฟ้า เพียงช็อตไฟฟ้าในน้ำเพียงช่วงเวลาสั้นๆ สัตว์น้ำที่อยู่ในบริเวณนั้นก็จะหมดสติไปอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังมีทางเลือกอื่นอีก นั่นก็คือพิษ หากนำสมุนไพรพิษบนบกมาใช้ สัตว์น้ำบางประเภทที่ไม่สามารถทนพิษประเภทนั้นได้ก็จะเกิดอาการถูกพิษซึ่งก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่หมดสภาพการต่อสู้ ไปจนถึงตาย
เขานึกออกเพียงแค่สามวิธีเท่านั้นในตอนนี้
เขาอยากจะรู้ว่านาคินินทร์จะเลือกใช้อาวุธตัวไหน ระหว่าง ตอร์ปิโด ไฟฟ้า และสมุนไพร
“ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากให้มีการล้มตาย” นั่นคือคำตอบของเธอ
“ถ้าเช่นนั้นก็มีอยู่สองวิธี ใช้ไฟฟ้าช็อต กับ สมุนไพร ข้าเลือกไฟฟ้าให้เลยก็แล้วกัน เพราะว่าเรามีต้นแบบอยู่แล้ว ปืนไฟฟ้า เจ้าคงจำได้” หงเซียวตอบ
“ข้าจำได้” เธอจำปืนยันต์ไฟฟ้าที่ยิงกระแสไฟฟ้าออกไปไกลได้ เธอยังนึกถึงป้อมปืนใหญ่ที่มีกระสุนไฟฟ้า ที่ยิงออกไปได้ไกลกว่าห้าร้อยกิโลเมตร
“เจ้าก็จัดการกับคนของเจ้าเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องอาวุธให้เจ้าเอง เพียงแต่ต้องการคนของเจ้าสักคนมาไว้ช่วยงานทดสอบอาวุธ” หงเซียวกล่าว
นาคินินทร์และนาคาทุกตนออกไปกับคนของเธอ รวมถึงองครักษ์ที่มาเป็นผู้ติดตามของห้าสาวด้วย แต่ก็ทิ้งนาคาตนหนึ่งไว้ให้หงเซียว
“ท่านเป็นคนที่ทำให้ท่านเจ้าฟื้นคืนกลับมางั้นรึ” นาคาตนนั้นถามด้วยความสงสัย
“ถ้าจิตวิญญาณของเธอไม่ติดตามมา ข้าก็คงสร้างได้แต่ร่าง” หงเซียวตอบ
“ข้าต้องขอคารวะท่านแทนพวกเราทั้งหมดด้วย ท่านเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นความหวังของพวกเรา” นาคาตนนั้นกล่าวคารวะ พร้อมกับลดตัวลงไปที่พื้นอีกครั้ง
“ไม่ต้องคิดมาก ลุกขึ้นเถอะ” หงเซียวกล่าว
นาคาตนนั้นลุกขึ้น กล่าวว่า “ข้าชื่อ นาคพล เป็นหน่วยยามในกองทัพของท่านเจ้า”
“อืม ข้าชื่อ หงเซียว นี่ จินหลิน ซิ่วจู เหมยเหมย ซีชี่ และก็ ชิวเยว่” หงเซียวแนะนำ
“ท่านต้องการทดสอบอาวุธอะไรรึ” นาคพลถาม
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าจะจับตัวเชลยมาสักคน เพื่อให้ข้าทดสอบผลของอาวุธ ซึ่งถ้าไม่มีก็อาจจะต้องใช้ตัวเจ้าเป็นผู้ถูกทดสอบแทน” หงเซียวกล่าว
“ถูกทดสอบคือ… ต้องทำอะไรบ้าง” นาคพลถาม
“ก็คือเจ้าต้องถูกไฟฟ้าช็อต เพื่อดูว่าต้องความแรงเท่าไหร่ จึงจะได้ผลดีที่สุดโดยไม่ถึงตาย หรือตายโดยที่ไม่เปลืองพลังไปมากกว่านั้น” หงเซียวกล่าว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปหาเชลยมาให้ท่าน” นาคพลกล่าวอย่างหวาดหวั่น พร้อมกับหันกายไป
“เดี๋ยวก่อน ข้าจะเตรียมชุดให้เจ้าสักครู่หนึ่ง จงสวมชุดนี้เพื่อความสะดวก” หงเซียวกล่าว เขาใช้งูดาวทะเลที่แสนร้ายกาจมาเป็นต้นแบบใช้คาถาร่างแมลงกับมันทำให้ตัวหงเซียวเองถูกห่อหุ้มด้วยเกราะงูดาวทะเล
นั่นก็คือมันเป็นปลาดาวที่มีหัวงูงอกออกจากด้านบนหลังของมันหนึ่งหัว
นาคพลเห็นตัวของหงเซียวเปลี่ยนเป็นงูดาวทะเลก็แปลกใจ แต่อย่างไรก็ตามงูดาวทะเลเป็นสัตว์ชั้นต่ำไม่มีค่าให้พวกเขาสนใจมากมายนัก เขาจึงไม่ได้หวาดกลัวมัน
ภูษาเซียนชีวจักรกล ภูษาเซียนสร้างสรรค์ ภูษาเซียนภูตวิญญาณ ภูษาเซียนห้าธาตุ พากันมาช่วยงานสร้างเกราะ โดยภูษาเซียนภูตวิญญาณนั้นมาช่วยในการใช้พลังปราณหลายอย่างเพื่อเพิ่มความสามารถด้าน ความแข็งแกร่ง เกราะ ความเร็วให้กับชุด โดยภูษาเซียนห้าธาตุนั้นมาช่วยเปลี่ยนชุดเกราะให้มีธาตุน้ำซึ่งจะทำให้มันแกร่งขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในน้ำ ทั้งยังเสริมธาตุโลหะเข้าไปบนปุ่มปมบนร่างมันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อภูษาเซียนชีวจักรกลหยุดมือ ชุดเกราะนั้นก็หดตัวลงกลายเป็นก้อนหน้าตาแปลกๆ ก้อนหนึ่งเผยให้เห็นหงเซียวที่อยู่ในชุดเกราะด้วงดิ่งที่อยู่ภายในนั้น
“รับไปสิ แตะไปบนปุ่มกลมๆบนนั้น” หงเซียวกล่าว
นาคพลแตะมือไปบนปุ่มกลมๆบนก้อนแปลกๆ นั้นด้วยความแปลกใจ และเปลี่ยนร่างเป็นงูดาวทะเลไปในทันที