ตอนที่แล้วบทที่ 37 เย่โม่ ฉันขอโทษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 หญิงสาวผู้แข็งแกร่ง

บทที่ 38 หญิงสาวผู้ลงกลางทาง


หนิงชิงเชวี่ยเช็ดตาอันบวมแดงของเธอแล้วหยิบจดหมายที่ไม่ได้จ่าหน้าผู้รับขึ้นมา  หนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าจดหมายนี้ไม่ได้ตั้งใจจะส่งให้เธอ  เธออยากจะฉีกซองเปิดดูแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้  เธอเก็บข้าวของส่วนมากของเย่โม่ไว้ในกระเป๋าใบเล็กอย่างระมัดระวัง  จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู

“ชิงเชวี่ย  ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่?”  หลี่มู่เหมยมองหนิงชิงเชวี่ยที่ตอนนี้ตาบวมแดง  หลี่มู่เหมยรู้ว่าเธอไม่ได้คิดผิด  หนิงชิงเชวี่ยร้องไห้จริงๆ และดูเหมือนจะปวดใจเอามากด้วย

“มีของอะไรอยู่ในกระเป๋าใบนั้น?”  หลี่มู่เหมยจ้องมองกระเป๋าในอ้อมกอดของหนิงชิงเชวี่ยอย่างประหลาดใจ  ความเปลี่ยนแปลงของหนิงชิงเชวี่ยนั้น  สาเหตุก็เพราะเปิดกระเป๋านั้นออกมาดู  หลี่มู่เหมยอยากรู้เหลือเกินว่าของในนั้นคืออะไรกันแน่…ถึงทำให้คนที่ไม่เคยร้องไห้เลยอย่างหนิงชิงเชวี่ยเป็นได้ขนาดนี้

“นั่นมันของๆ ฉัน”  หนิงชิงเชวี่ยส่ายหน้า  ไม่ยอมส่งกระเป๋าให้หลี่มู่เหมยดู

หลี่มู่เหมยได้แต่สายหัวเช่นกัน  “ชิงเชวี่ย…เรื่องทางนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว  พวกเราไปกันเถอะ   วันนี้พวกเราจะไปสำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อทำเรื่องหย่าของเธอกับเย่โม่กัน  หลังจากนั้นก็ตรงไปหยูโจวเลย   ฉันว่าผลลัพธ์การเจรจาระหว่างพ่อของเธอกับคุณลุงใหญ่คงไม่ดีนัก  พวกเราไม่จำเป็นต้องไปปักกิ่งแล้ว  ไม่แน่หลังจากนี้ธุรกิจสมุนไพรของตระกูลหนิงอาจจะแบ่งกันครึ่งๆ เลยก็ได้”

“มู่เหมย… ฉันว่าจะรอก่อนสัก 2 วัน  บางทีเย่โม่อาจจะกลับมา  อีกอย่าง…ฉันยังไม่อยากหย่าตอนนี้”  หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนอของหลี่มู่เหมย

“ทำไมล่ะ?”  หลี่มู่เหมยมองหนิงชิงเชวี่ยอย่างประหลาดใจ  เธอคิดไม่ถึงว่าหนิงชิงเชวี่ยที่เมื่อวานยังตื่นเต้นดีใจรอให้เธอมารับคนนั้น  แต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนใจเสียแล้ว  ทั้งยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีก 2 วันด้วย  ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?  ที่นี่มีดีอะไรกัน?

หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัวไม่ตอบคำถาม  เธอคิดในใจว่าเย่โม่จะกลับมาเมื่อไหร่นะ  เย่โม่ในใจเธอคนก่อนดูจะต่างจากตัวจริงโดยสิ้นเชิง  แต่เธอเคยเข้าใจเขาจริงๆ หรือเปล่า?  ไม่ว่าจะเป็นตอนก่อนหมั้นหรือหลังหมั้น แม้แต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกเธอก็ไม่เคยใส่ใจเขาเลย  นั่นก็เพราะเธอต้องการจะใช้งานเขาเท่านั้น

หลี่มู่เหมยไม่ได้ถามอะไรอีก  เธอรู้ว่าหนิงชิงเชวี่ยไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้  ถามไปก็ไม่มีประโยชน์

ตอนเย็นหลังจากซู่เวยกลับมาถึงที่พัก  สิ่งแรกที่หนิงชิงเชวี่ยถามคือเรื่องของเย่โม่  ถึงแม้ซู่เวยจะไม่ค่อยชอบหนิงชิงเชวี่ยนักแต่เธอก็เล่าเรื่องของเย่โม่ช่วงที่เขามาพักที่นี่ให้ฟัง

หนิงชิงเชวี่ยไม่คิดว่าชีวิตของเย่โม่จะเรียบง่ายขนาดนี้  ไปเช้าเย็นกลับทุกๆ วัน  แม้แต่ซู่เวยก็ยังไม่รู้ว่าเย่โม่เป็นนักศึกษา

..........

ในคืนนั้นเย่โม่ก็ออกจากหุบเขาชีน่ง  ถึงเขาจะไม่กลัวตระกูลซ่งแต่พลังของเขาตอนนี้ยังต่ำเกินไป  ถ้าคนตระกูลซ่งรู้ว่าเขาเป็นคนฆ่าซ่งเฉ่าเหวินแล้ววางกับดักตามล่าตัวเขาเมื่อไหร่ล่ะก็  อย่าว่าแต่จะหาสถานที่เงียบๆ เพาะเลี้ยง ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ หรือฝึกปราณเลย  แม้แต่การหนียังถือว่ายากเย็น

อีกอย่าง...การที่ตระกูลซ่งจะสืบสาวได้เมื่อไหร่ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของซ่งเฉ่าเหวินนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น  ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่อาจถูกตระกูลซ่งพบตัวได้  อย่างน้อยภายใน 3 ปีนี้ก็ต้องไม่ให้สืบสาวมาถึงตัวเขาได้

ตอนนี้เย่โม่ไม่ได้นั่งรถแล้ว  เขาใช้ท่า ‘เท้าเงาเมฆา’ ที่ความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่ารถยนต์ธรรมดาๆ ในการเดินทาง  ประมาณ 6 โมงเช้าเขาก็มาปรากฏตัวที่เมืองเล็กๆ อย่าง ‘เฟิงถาง’  เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองขนาดกลางของเมืองใหญ่ๆ อย่าง ‘เฟิงโค่ว’

เย่โม่หาที่พักโฮสเทลเล็กๆ ได้ที่หนึ่ง  เขาอยากเข้าไปทำความสะอาดร่างกายเสียหน่อย  แต่กลับพบว่าตอนนี้บัตรประชาชนของเขาไม่ได้อยู่กับตัวแล้ว  แต่สำหรับโฮสเทลขนาดเล็กแบบนี้แล้วก็ไม่แน่ว่าจะต้องใช้บัตรประชาชน

ถึงแม้เย่โม่ชำระร่างกายแล้ว  แต่การที่ไม่มีบัตรประชาชนแบบนี้...ชีวิตของเขาในเมืองต้องลำบากแน่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสงสัย  เย่โม่จึงซื้อกระเป๋าสะพายมาใบหนึ่ง  ข้างในใส่เพียงของใช้ในชีวิตประจำวันรวมถึงอาหารแห้งด้วย  ตอนนี้เขาเหลือเงินติดตัวอยู่ไม่กี่พันหยวน  ซึ่งเงินเหล่านี้ล้วนได้มาจากพวกซ่งเฉ่าเหวินทั้งนั้น  ตอนนี้เขาคิดเพียงแต่อยากจะไปเขตภูเขาของกุ้ยหลินเท่านั้น  หาสถานที่เงียบสงบแถวๆ ชายแดนเพื่อลงหลักปักฐาน  จะได้มีสถานที่ฝึกวิชา

ตอนนี้เย่โม่ยืนอยู่ด้านนอกสถานีรถบัสของเมืองเฟิงถาง  เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจขึ้นมาบ้างแล้ว  ถ้าเขานั่งรถบัสละก็โอกาสถูกเปิดโปงถือว่ามีสูงมากทีเดียว  เพราะตอนนี้เขาไม่มีบัตรประชาชน  อีกทั้งเวลานี้ตำรวจตามท้องถนนยังมีอยู่เยอะ  มีโอกาสที่พวกเขาจะหยุดรถบัสทางไกลแบบนี้แล้วขอตรวจบัตรประชาชนได้

นั่งรถไฟก็น่าจะดีเหมือนกัน  แต่ที่เมืองเฟิงถางแห่งนี้กลับไม่มีสถานนีรถไฟแม้แต่แห่งเดียว

“เพื่อนคนนั้นน่ะ!  นายจะไปที่ไหนล่ะ?  จะขึ้นมานั่งไหม?”  ชายอายุราว 30 กว่าๆ เดินเข้ามาถาม

เย่โม่ที่ยืนสะพายกระเป๋าอยู่หน้าสถานีรถบัสคงถูกสังเกตเห็นแล้ว  ชายคนนั้นจึงรีบเข้ามาหาลูกค้าทันที

เย่โม่มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือรถบัสที่ลักลอบขนส่งอย่างผิดกฏหมาย  คิดว่าคงเพื่อหนีภาษีหรืออะไรทำนองนั้น  คนปกติทั่วไปล้วนไม่อยากนั่งรถแบบนี้  แต่ก็มีบ้างที่ต้องการประหยัดเงินจึงเลือกนั่งรถผิดกฏหมายแบบนี้  เพราะราคาถือว่าถูกมากจริงๆ

รถแบบนี้เย่โม่ชอบเป็นอย่างมาก  สาเหตุก็เพราะรถแบบนี้ปกติแล้วมักจะเลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรมากกว่าจะเป็นเส้นทางปกติ  ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาได้เยอะ

“รถของพวกนายไปส่งได้ถึงไหนล่ะ”  เย่โม่ถามขึ้นเรียบๆ

“ถึงเมืองฉี  ห้าสิบห้าหยวน  ว่ายังไง… ผ่านจุดหมายของนายไหม?”  ชายคนนั้นรอคอยคำตอบของเย่โม่

เย่โม่รู้จักเมืองฉี  ถึงแม้จะห่างจากจุดหมายของเขาไปบ้าง...แต่ก็ยังถือว่าไปทางเดียวกันอยู่  ไม่น่าแปลกใจที่สถานที่แห่งนี้จะมีธุรกิจรถเถื่อนอยู่  ก่อนหน้านี้เย่โม่เคยเห็นจากหน้าจอตรงด้านนอกว่าถ้าอยากจะไป  เมืองฉีต้องซื้อตั๋วราคาเก้าสิบห้าหยวน  แต่คนพวกนี้กลับต้องการแค่ห้าสิบห้าหยวนเท่านั้น  เกือบจะนับเป็นครึ่งราคาเลยทีเดียว

เย่โม่พยักหน้า  “โอเค  นำทางเถอะ”

“เฮยผี! (ผิวดำ)  ได้มาอีกคนแล้ว  ห้าสิบห้าหยวนไปเมืองฉี”  ชายคนนั้นพาเย่โม่มาด้านนอกสถานีรถบัส  ที่นั่นมีรถบัสคันใหญ่จอดรออยู่

“คันนี้แหละ  นายขึ้นไปก่อนเลย”  ชายคนนั้นบอกให้เย่โม่ขึ้นรถไปก่อน  ส่วนตัวเขาเดินไปเรียกลูกค้ามาอีก  เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนขับแต่เป็นคนช่วยหาลูกค้าต่างหาก

เย่โม่ไม่ได้พูดอะไรอีก  ตอนที่เขาเดินขึ้นไปนั้นภายในรถก็มีคนอยู่แล้วประมาณ 30 กว่าคน  เย่โม่เดินไปตรงเบาะหลังสุดแล้วนั่งลง  เขาหลับตาลงทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่งก็มีคนขึ้นมาบนรถเพิ่มอีก 2-3 คน  แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถดึงความสนใจของเย่โม่ได้  เธอคนนี้สวมแว่นตาขอบทอง  ถึงแม้จะไม่ได้สวยอะไรมากมายแต่ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียด  เธอคนนี้ดูไปแล้วร่างกายแข็งแรง  อีกทั้งรูปร่างส่วนเว้าโค้งของเธอก็น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่โม่กลับไม่ใช่รูปร่างอันเย้ายวน  แต่เป็นรังสีฆ่าฟันของเธอต่างหาก  ถึงแม้ภายนอกของเธอจะดูไม่แตกต่างจากคนทั่วไป  แต่รังสีฆ่าฟันบนตัวเธอนั้น  เพียงขึ้นรถมาเย่โม่ก็รู้สึกได้แล้ว  แต่แว่นตาอันนั้นไม่เข้ากับออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเธอเลย  ไม่รู้ว่าจงใจใส่ไว้เพื่อให้ดูมีการศึกษาหรือเปล่า

ผู้หญิงคนนี้เคยฆ่าคนมาก่อน  แถมยังมากกว่า 1 คนเสียด้วย  เพียงเธอขึ้นรถมาก็ดึงดูดสายตาหลายคู่แล้ว  ชายหนุ่มบางคนกวาดสายตามองหน้าอกและก้นของเธอขณะที่กลืนน้ำลายไปด้วย  ผู้หญิงแบบนี้เดิมทีแล้วไม่จำเป็นต้องมองหน้าด้วยซ้ำ  มองแค่รูปร่างก็พิชิตใจชายหนุ่มทั้งหลายได้แล้วด้วยซ้ำ

ผู้หญิงคนนั้นราวกับว่าไม่รับรู้ถึงสายตาทั้งหลายที่มองมาที่เธอ  เธอกวาดสายตาผ่านแว่นเพื่อสำรวจภายในรถ 1 รอบ  เธอสังเกตทุกคนรวมถึงเย่โม่ด้วย  ดวงตาของเธอคมปลาบแต่ไม่หยิ่งยโส  นี่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้คงมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา  เย่โม่ปิดตาลง เขาเองก็ผ่านเรื่องราวมามากเช่นกัน  โลกใบนี้จะมีคนแบบนี้เยอะเกินไปแล้ว  เขาไม่จำเป็นต้องไปสนใจ

ช่วงนี้อยู่นอกฤดูท่องเที่ยว  คาดว่าคงเรียกลูกค้าไม่ได้แล้ว  รถบัสเริ่มออกเดินทางแล้ว  ถึงแม้ผู้โดยสารบนรถจะมีไม่ถึง 40 คนก็ตาม

รถแล่นมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มีคนเดินมาเก็บเงินค่าโดยสาร  เย่โม่จ่ายเงินไปแล้วก็หลับตาทำสมาธิต่อ

ถึงแม้จะไม่ใช่ทางหลักแต่รถคันนี้ก็แล่นได้ไม่ราบรื่นนัก  จากคำพูดของคนขับแล้วกว่าจะถึงเมืองฉีนั้นต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง  ตอนนี้ผ่านไป 2 ชั่วโมงก็คงมาได้ครึ่งทางแล้ว

“คนขับ!  หยุดรถที!  ฉันจะลงตรงนี้”  มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด

“สาวน้อย… ที่นี่เป็นเขตภูเขาเซียงหลิ่ง  แถวนี้ไม่มีที่พักเลย  ถ้าลงตรงนี้...” คนขับเตือนเธอด้วยความหวังดี  แต่พูดได้ครึ่งเดียวก็ถูกหญิงสาวตัดบท  “นี่มันเรื่องของฉัน  หยุดรถเถอะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด