ตอนที่ 33 คัดสรรตัวเลือก
ณ โรงเรียนเตรียมฮันเตอร์สาขาหมู่บ้านห้าสี
หัวหน้าไทนั่งทำงานเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา บนโต๊ะมีเอกสารและจดหมายมากมาย ไม่ว่าเป็นเรื่องการจ้างวานฮันเตอร์ให้ปฏิบัติภารกิจต่างๆ การเปิดเหมืองใหม่อีก 3 เหมือง การจัดวางเวรยามฮันเตอร์ ข่าวคราวต่างๆของทางราชสำนักและข่าวขบวนค้าทาส
ข่าวขบวนค้าทาสนี้มีความสำคัญ เพราะมันคือขบวนค้าทาสกลุ่มเดียวกับที่กลิ่นจันทน์ถูกนำไปขาย เมื่อสามวันก่อน ขบวนนี้ถูกสัตว์อสูรโจมตี ทำให้ขบวนแตกพ่าย คนตายไปเป็นจำนวนมาก แต่ศพที่พวกฮันเตอร์ได้ไปพบนั้นกลับไม่มีใบหน้าที่คล้ายกลิ่นจันทน์เลยสักคนเดียว
ยิ่งไม่พบ ก็ยิ่งทำให้หัวหน้าไทเครียด เมื่อไม่รู้ว่ากลิ่นจันทร์รอดไปได้หรือถูกสัตว์อสูรกลืนกินไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามหัวหน้าไทก็ยังมีความหวัง เขาให้คนของตัวเองกระจายตัวหาตามหมู่บ้านใกล้เคียง อาจเป็นไปได้ว่านางจะถูกช่วยไว้โดยใครบางคน
มีเอกสารอีกกองที่หัวหน้าไทแยกเอาไว้อย่างดี มันคือจดหมายทาบทามของเหนือฟ้า หรือจะพูดให้ถูกมันก็คือจดหมายแย่งชิงตัวเด็กผู้มีพรสวรรค์นั่นเอง
แต่ว่าเหนือฟ้าไม่ใช่สิ่งของที่เขาจะยกให้ใครก็ได้ หากให้เหนือฟ้าไปอยู่กับคนพวกนี้ชีวิตของเธออาจจะต้องอยู่ในกรอบแห่งกฎเกณฑ์ เธอคงอึดอัดใจไปจนชั่วชีวิต หัวหน้าไทจึงเตรียมคิดคำปฏิเสธที่สุภาพเอาไว้ให้คนพวกนี้ไว้มากมายหลายประโยค
“แต่ว่านี่มัน เห้อ จะเอายังไงดีนะ”
จดหมายฉบับที่ส่งตรงมาจากราชสำนักทำให้หัวหน้าไทรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก พวกเขาต้องการให้เหนือฟ้าได้หมั้นหมายกับองค์ชายแห่งแคว้นอมตะนคร พร้อมทั้งยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเปลี่ยนชีวิตเหนือฟ้า ต่อให้เธอจะมาจากตระกูลรากหญ้าหรือต่ำชั้นเพียงใดก็ตาม พวกเขาจะยกระดับให้เธอเทียบเท่ากับคนของราชวงศ์
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งเกียรติยศชื่อเสียง และการอารักขาความปลอดภัยของเหนือฟ้าจะสำคัญเทียบเท่ากับองค์เจ้าแคว้นเลยทีเดียว
“ปฏิเสธไปเลย เจ้าพวกราชสำนักบัดซบ”
เหนือภพพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะโยนจดหมายจากราชสำนักทิ้ง เขาเพิ่งมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับคนในราชวงศ์ ดังนั้นการจะให้ไปเกี่ยวดองด้วยยิ่งไม่ต้องหวัง
“น้องสาวข้า ข้าไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ใครอยากได้ก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
หัวหน้าไทมองเหนือภพอย่างเอือมระอา
“ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชาย จึงให้เจ้ามาช่วยตัดสินใจอนาคตเหนือฟ้า ไม่ใช่ให้เจ้ามาหาเรื่องให้ข้า”
หัวหน้าไทพูดจบก็เก็บจดหมายของราชสำนักที่ตกพื้น พลางเช็ดมันด้วยชายเสื้อ หากราชสำนักรู้ว่าเหนือภพโยนจดหมายทิ้งล่ะก็ ได้เกิดสงครามแน่ เพราะจดหมายก็เปรียบเหมือนตัวแทนเจ้าครองแคว้น การโยนจดหมายทิ้งอย่างไม่ไยดีก็เหมือนกับการหยามเกียรติเจ้าครองแคว้นในอีกทางหนึ่ง
‘เจ้าเด็กบ้านี่มันช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย’
“ข้าไม่อยากให้นางต้องไปอยู่ใต้อำนาจใคร อนาคตของนางต้องอิสระ ต้องไม่มีข้อผูกมัดใดๆ”
เหนือภพพูดขณะหยิบเอาจดหมายอีกอันหนึ่งขึ้นมาดู จากนั้นก็ยื่นมันให้กับหัวหน้าไท
“อันนี้น่าสนใจดี ท่านว่ายังไง”
หัวหน้าไทรับจดหมายจากเหนือภพมาอ่านครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ข้าเห็นด้วย”
เนื้อหาในจดหมายนั้นมีใจความสำคัญสั้นๆว่า
----------------------------------------------
เรียน ผู้ปกครองของเด็กหญิงเหนือฟ้า
เซนต์อมตะของเรายินดีรับเหนือฟ้าเข้ามาเป็นนักเรียน โดยค่าใช้จ่ายตลอดการศึกษารวมถึงค่าใช้จ่ายประจำวันทางโรงเรียนของเราจะออกให้ทั้งหมด ไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดใดหลังจบการศึกษา หากประสงค์เข้าเรียนสามารถอ่านเอกสารแนะนำรายละเอียดตามที่แนบมา
ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติให้ทำการฝึกสอนเด็กผู้มีพรสวรรค์เลิศล้ำผู้นี้
ลงชื่อ.. ฌายิน
ผู้อำนวยการโรงเรียนฮันเตอร์เซนต์อมตะ
----------------------------------------------
“ถ้าเทียบกับทุนของโรงเรียนเตรียมฮันเตอร์ที่ข้าติดต่อไปคราวก่อน ข้าคิดว่านางไปเรียนที่นี่ดีกว่า โรงเรียนเซนต์อมตะ เป็นโรงเรียนของฮันเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เจ้าคิดเห็นว่ายังไง”
หัวหน้าไทถามเหนือภพด้วยเสียงสงบนิ่ง
“หากท่านว่าดี ข้าก็คิดว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดี”
พอเหนือภพคิดว่าน้องสาวตัวเองต้องไปเรียนแดนไกลก็รู้สึกเศร้า แต่ในฐานะพี่ชายก็ควรจะสนับสนุนน้องสาวให้มีอนาคตที่ดี
“แล้วพวกเขาจะมารับน้องข้าเมื่อไหร่”
“ไม่ ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ พวกเขาต้องการให้เหนือฟ้าเดินทางไปเอง”
“เดินทางไปเอง! จะบ้ารึไงนางอายุแค่ 6 ขวบเองนะ ที่นั่นน่าจะไกลมากเลยนะ” เหนือภพเริ่มหัวเสีย
“ใจเย็นก่อน...บางทีเซนต์อมตะคงต้องการทดสอบน้องสาวเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ยอมให้นางไปคนเดียวแน่ ข้าและคนของข้าจะพานางไปส่งด้วยตัวเอง เจ้าวางใจเถอะ”
“ข้าไปด้วย”
เหนือภพรู้สึกไม่วางใจ อย่างน้อยเขาก็อยากรู้ว่าเซนต์อมตะอยู่ที่ไหน เวลาที่เขาคิดถึงน้องจะได้พาแม่ไปเยี่ยมได้
“มันอันตรายเกินไป เส้นทางไปเซนต์อมตะมันซับซ้อน ทั้งยังผ่านป่าที่มีสัตว์อสูรชุกชุม ถึงเจ้าจะเป็นฮันเตอร์แล้ว แต่เจ้าเองก็ไม่ได้มีปราณอาคมเหมือนคนอื่น หากเจ้าร่วมทางไปด้วยข้าเกรงว่าจะปกป้องเจ้าไม่ได้”
เหนือภพขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่เข้าใจในความสามารถที่ได้มาจากผู้ชี้นำมากนัก มันจะทำให้เขาแข็งแกร่งได้ยังไง แต่เขาคงต้องลองดูแล้วสินะ
“แล้วถ้าหากข้าแข็งแกร่งขึ้น ท่านจะพาข้าไปด้วยใช่ไหม” เหนือภพพูดอย่างจริงจัง
หัวหน้าไทครุ่นคิดมองท่าทางที่จริงจังของเหนือภพ
“ถ้าเจ้าแข็งแกร่งจนปกป้องตัวเองได้ ข้าก็จะให้ไป”
สุดท้ายหัวหน้าไทก็ยอมอ่อนข้อให้กับเหนือภพ เขาไม่ได้กังวลอะไรเพราะพวกเขาจะต้องเดินทางในอีก 2 วันข้างหน้า ยังไงเหนือภพก็ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาเพียงเท่านั้นหรอก