ตอนที่ 31 ร้านอรอาวุธ
วันต่อมาเหนือภพตั้งใจจะไปที่เหมืองอีกเช่นเคย แต่เขาถูกสมุทรห้ามไว้ซะก่อน
“ช่วยพาข้าไปหาซื้ออาวุธที่ตลาดหน่อย ข้าไม่รู้จักร้านดีๆเลย”
ความจริงแล้วเหนือภพก็ไม่อยากไปแม้แต่น้อย แต่ติดตรงที่ว่าสมุทรใช้เงินจำนวนหนึ่งเหรียญเงินมาเป็นค่าจ้างค่าเสียเวลา ทำให้คนอย่างเขาต้องหันมาให้ความสำคัญกับมิตรภาพ แม้จะเป็นเพื่อนกันวันเดียวก็ต้องช่วยเหลือกันไปจึงจะไม่ผิดวิสัยฮันเตอร์ที่ดี
“ร้านนี้แหละ เป็นร้านค้าอาวุธที่ดีที่สุดของหมู่บ้านเราแล้วล่ะ เป็นไง อึ้งเลยล่ะสิ ใหญ่โตมากใช่ไหมล่ะ เจ้าเลือกเลยในนี้มีอาวุธมากมายที่เจ้าคงจะชอบ”
เหนือภพอวยร้านค้าเต็มที่ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่แสงผู้เป็นเจ้าของร้านจะแบ่งค่าสินน้ำใจให้เขา เนื่องในโอกาสที่เขาพาลูกค้าชั้นดีมา
“ว่าไงเพื่อน เจอของที่ถูกใจบ้างหรือยัง”
แต่ทว่าในสายตาของสมุทรนั้นกลับตรงกันข้าม เขาไม่เคยเจอร้านค้าอาวุธที่เล็กขนาดนี้มาก่อน อาวุธภายในร้านมีตัวเลือกไม่มากนัก คุณภาพไม่เลวแต่ก็ยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่ากับที่เขาเคยใช้
“นี่เถ้าแก่ ไม่ทราบว่าพอจะมีคันธนูที่ผสมเหล็กไหลบ้างไหมครับ”
สมุทรไม่อยากอ้อมค้อม เขาถามเจ้าของร้านโดยไม่รีรอ
“ข้ามีเหลือคันสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่มีคนจองเอาไว้ พร้อมให้ค่ามัดจำเอาไว้แล้ว ข้าขออภัยคุณชายด้วยจริงๆที่ร้านเล็กๆของเราขายให้ท่านไม่ได้”
“นี่พี่แสง เงินสดกับเงินมัดจำมันเทียบกันได้ที่ไหนเล่า ท่านก็เอามาขายให้เพื่อนข้าเถอะ ส่วนคนที่จองไว้ท่านก็ไปหาคันใหม่มาก็สิ้นเรื่อง”
เหนือภพเริ่มต่อปากต่อคำกับพี่แสงอย่างทนไม่ได้ แต่สุดท้ายก็โดนพี่แสงตอบกลับอย่างดุเดือดว่า
“เรื่องแบบนั้นทำได้ที่ไหนเล่าถึงข้าจะชอบเงิน แต่จรรยาบรรณสำคัญกว่า”
“เชอะ ไม่ขายก็ไม่ขายสิโวยวายไปทำไม”
เหนือภพหัวเสียเดินออกจากร้านค้าอาวุธอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าไม่ต้องห่วงเพื่อนข้า ยังมีร้านพี่อรอยู่ เจ้าตามข้ามาเถอะ”
“อืม”
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเดินมาถึงซอยท้ายสุดของตลาด สมุทรก็ต้องตาโต ตื่นตาตื่นใจไปกับร้านขายอาวุธของพี่อร ซึ่งเขารู้ได้โดยที่เหนือภพไม่ต้องบอก
นั่นเพราะเหนือร้านขึ้นไปมีป้ายที่ทำจากเศษใบดาบขนาดใหญ่ ใบดาบชำรุดเหล่านี้เรียงตัวกันเป็นผืนป้ายที่เขียนข้อความด้วยเลือดแห้งกรังว่า ‘ร้านอรอาวุธ’
ภายในร้านนั้นเป็นเพิงขนาดเล็กที่มีหลังคาคลุม ดูมืดทะมึนน่ากลัวนิดๆ มีอาวุธกองซ้อนกันอยู่มากมายแออัดกันจนเต็มพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นมีด ดาบ หอก กระบอง สนับมือ ค้อน ลูกตุ้ม โล่ ไม้เท้า เสื้อเกราะและอาวุธอื่นๆที่อยากจะระบุได้ แต่ทว่าอาวุธพวกนี้กลับดูเหมือนอาวุธเก่าแก่ที่ถูกนำมาขัดล้างใหม่ก่อนนำมาวางขาย
ส่วนเจ้าของร้านนั้นก็ไม่ต่างจากตัวร้านมากนัก เธอเป็นหญิงไร้พรสวรรค์ที่หันมาเอาดีด้านการขายอาวุธ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเป็นเหลี่ยมสันคล้ายกับผู้ชาย และบุคลิกท่าทางที่มาดแมนของเธอ ทำให้เหล่าฮันเตอร์ที่มาเลือกซื้ออาวุธนั้นไม่มีใครกล้าดูถูกเธอคนนี้
“เจ้าคิดว่าไง แม้ร้านพี่อรจะดูเล็กไปสักหน่อยแต่ข้ารับรองเลยว่า อาวุธร้านนี้คุณภาพไม่ได้ต่างไปจากร้านพี่แสงเท่าไหร่หรอก”
“ไม่เห็นมีลูกค้าเลย จะดีจริงหรอ”
“โอย มันเป็นเพราะนิสัยแปลกๆของพี่อรต่างหาก พี่เขามักจะเลือกอาวุธให้ลูกค้าเอง แถมราคาที่ขายก็ไม่เคยคงที่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง อีกอย่างนะ ว่ากันว่าอาวุธในร้านพี่อรน่ะ เป็นอาวุธมือสองจากคนตายทั้งนั้นเลย”
“ห๊ะ ถ้าอาวุธมันดีจริง เจ้าของที่ใช้มันจะตายได้ไง”
สมุทรเริ่มไม่มั่นใจกับร้านเล็กๆนี้แล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้คุยกับเหนือภพต่อ ก็มีเสียงแหบห้าวของหญิงสาวแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ก็เจ้าของเก่ามันอ่อนไงล่ะ” สองหนุ่มน้อยหน้าจ๋อยลงไปทันที
“พี่อร ข้าพาเพื่อนมาเลือกซื้ออาวุธน่ะ เขาชื่อสมุทร”
เหนือภพรีบแนะนำอย่างว่องไว พลางขยิบตาให้พี่อรเป็นนัยว่า อย่าลืมให้รางวัลเขานะ
“ข้าต้องการซื้อ….”
ยังไม่ทันที่สมุทรจะได้พูดจบ พี่อรก็พูดตัดหน้าอย่างรวดเร็วว่า
“เจ้าเอาไปสิ มันเหมาะกับเจ้า”
ในมือของพี่อรมีคันธนูไร้สายสีดำสนิท ผื้นผิวขรุขระ รูปร่างไม่สวยงามแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเธอไปหยิบมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆความเร็วของเธอนั้นสูงมากจนสองฮันเตอร์หนุ่มน้อยแทบมองไม่ทัน เธอยื่นคันธนูนั้นให้สมุทร
“ราคา 1 เหรียญทอง”
“ห๊ะ!”
“เห้ย!”
เหนือภพและสมุทรนั้นแทบจะประสานเสียงกัน สมุทรถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่พอใจที่ไม่ได้เลือกอาวุธด้วยตัวเอง และถึงแม้เข้ารู้ถึงนิสัยประหลาดของเธอแล้วก็ตาม แต่นี่มันเหมือนเป็นการยัดเยียดขายของราคาแพงเกินจริงให้เขา
“คิดว่าแพงไปหรอ เจ้าลองถือมันดูสิ” พี่อรยื่นคันธนูให้สมุทรลองจับอย่างใจกว้าง
“เอ่อ ก็ได้ครับ”
สมุทรเองแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ในใจลึกๆกลับมีความรู้สึกบางอย่างต่อคันธนูนี้ เขาพบว่าคันธนูนี้มีน้ำหนักมากกว่าคันธนูปกติ แสดงว่ามันต้องมีส่วนผสมของเหล็กไหลแน่นอน แต่นั่นยังไม่น่าสนใจเท่าพลังงานอาคมที่หมุนวนอยู่ภายในคันธนู เขาไม่เคยเจออาวุธที่ทำจากเหล็กไหลแล้วมีพลังงานอาคมมากเท่านี้มาก่อน
“ธนูนี้มีชื่อเรียกว่าอะไรครับ”
“แต่ก่อนมันคงมีชื่อ แต่เมื่อเจ้าของมันตายไป มันก็ไร้ชื่อ”
พี่อรตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย และเนื่องจากใบหน้าไม่ยี่หระของเธอ สมุทรจึงรู้ชัดว่าเรื่องที่เหนือภพบอกเป็นความจริง
‘นี่มันของคนตายนี่นา’
แต่พอเขาคิดจะปล่อยมือจากคันธนู คันธนูกลับไม่ปล่อยเขาเสียอย่างนั้น มันติดมือเขาแน่นราวกับว่า ให้ตียังไงหนูก็ไม่ไป
“ธนูมันเลือกเจ้าแล้ว เจ้าอยากคืนแต่ก็คืนไม่ได้ ทางที่ดีเจ้าจ่ายมาดีกว่า 1 เหรียญทอง”
“ห่ะ !!! ไม่จริง”