ตอนที่ 23 ความงกนี้ได้มาจากที่ใด
ภายในถ้ำเหมืองคูหาที่ลึกที่สุด เหนือภพยิ้มกว้างมือสั่นเครือขณะหยิบเอาเศษแร่หนึ่งสีที่เขาเพิ่งขุดได้ออกมาจากกองแร่ไร้สี
‘สำเร็จ ที่นี่มีมันจริงด้วยๆ’
เหนือภพขุดต่อไปต่อเนื่อง ปริมาณแร่หนึ่งสีที่เขาขุดได้นั้นรวมกันได้สักกำมือหนึ่ง แต่ว่ามันยังเป็นเพียงแค่เศษแร่คุณภาพต่ำ ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าแร่ไร้สี แต่ก็ยังมีราคาน้อยกว่าแร่หนึ่งสีที่บริสุทธิ์อยู่หลายเท่าตัว
เหนือภพเชื่อว่าหากมีเศษแร่หนึ่งสีเยอะมากขนาดนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีสายแร่หนึ่งสีที่บริสุทธิ์อยู่ก็เป็นได้
ในขณะที่ทางด้านพลนั้น เขารีบวิ่งมาที่เหมืองด้วยความเร็วสูง ในขณะที่เขากำลังใช้พลังปราณเพิ่มความเร็วนั้นเขาก็ยังคงคำนวณเวลาไปด้วยตลอดเวลา
ตอนนี้เวลาเหลือไม่ถึงสิบนาทีแล้ว หากเขาหาเหนือภพไม่เจอภายในสองนาที พวกเขาคงกลับไปที่โรงเรียนเตรียมฮันเตอร์ไม่ทันแล้ว
‘นี่มันเรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย แร่หนึ่งสี ว้าว’
เหนือภพตาเป็นประกาย สภาพของแร่หนึ่งสีที่เขาขุดได้นี้แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ใกล้เคียงกับคำว่าบริสุทธิ์มากที่สุด เขายิ้มกว้างดีใจ เขาคิดถูกแล้วที่เสี่ยงเข้ามาที่นี่ เหนือภพขุดไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้นมีน้ำบางอย่างหยดแหมะลงที่หัวของเหนือภพ ไหลลงสู่ใบหน้าผสานเข้ากับเหงื่อของเขา ตอนแรกเหนือภพไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเป็นหยดเหงื่อของตัวเอง
จนกระทั่ง...
เสียงประหลาดคำรามก้องอุโมงค์เหมือง ดังจนกระทั่งผนังหินรอบด้านเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏร่างสัตว์อสูรรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ่น แต่มันมีร่างกายเหมือนกับตุ๊กแก มันมีขนาดใหญ่กว่าเหนือภพถึงสองเท่า
ขณะที่มันส่งเสียงขู่คำราม แยกเขี้ยวที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมที่เรียงตัวสะเปะสะปะอยู่ในปากแลดูน่าเกลียด มันก็กระโจนเข้าหาเหนือภพอย่างรวดเร็ว
‘อะไรกัน ทำไมข้าถึงซวยขนาดนี้ ไม่นะ แร่ของข้า’
เหนือภพนั้นเอาแต่หลบหลีกไปมาอยู่แต่ในละแวกนั้น เขาไม่ยอมหนีจากไปหรืออย่างน้อยถ้าหากเขาจะหนีเขาก็ไม่มีทางทิ้งแร่หนึ่งสีที่หายากแสนยากนี้ไปแน่ๆขณะ เหนือภพหลบไปมาก็ทยอยคว้าเอาแร่หนึ่งสีที่ขุดได้มาเก็บไว้กับตัว เขาพยายามดิ้นรนสุดความสามารถ เหวี่ยงฟาดอีเตอร์เข้าใส่ตุ่นตุ๊กแกที่พุ่งเข้ามาใกล้
การตอบโต้สัตว์อสูรด้วยเครื่องมือธรรมดาเช่นนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่ผิวของมัน ทำได้เพียงสร้างความรำคาญให้มันเพียงเท่านั้น แต่เหนือภพก็พยายามฟาดไปหลบไป พลางเก็บแร่หนึ่งสียัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างทุลักทุเล
เมื่อไม่สามารถจับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กน่ารำคาญอย่างเหนือภพได้ ตุ่นตุ๊กแกก็เริ่มคลั่ง มันเร่งความเร็วขึ้น เมื่อร่างกายของมันเปล่งออร่าสีม่วงออกมา สภาพร่างกายของตุ่นตุ๊กแกก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายที่ใหญ่เทอะทะของมันหดเล็กลง เริ่มกระบวนการวิวัฒนาการ จากที่เดินสี่เท้าเปลี่ยนเป็นเหลือเพียงแค่สองเท้า สองเท้าหน้าที่เคยเป็นเท้าแบบตุ๊กแกกลับแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บของตุ่นแลดูแหลมคมอย่างยิ่ง หางเรียวบางหดสั้นลงสวนทางกับโคนหางที่กำลังหนาขึ้นเรื่อยๆ ผิวขรุขระที่มีหลายสีของมันกลายเป็นเกล็ดแข็งหลายสี มันเปลี่ยนร่างจนดูคล้ายไดโนเสาร์ที่มีหัวเป็นตัวตุ่น
เหนือภพหน้าซีด
‘ไม่นะ’
เขาเหลือบมองเศษแร่หนึ่งสีที่ติดอยู่ในผนังถ้ำหินอย่างเสียดาย แต่ก็ทำได้เพียงส่งสายตาอาลัยอาวรณ์เพียงเท่านั้น ขณะที่สายตาของเขากลับไปมองปะทะกับเจ้าสัตว์ร้าย เขาก็เห็นตุ่นตุ๊กแกโฉมใหม่ที่กำลังเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
‘เอาวะ’
เหนือภพตัดใจ...อย่างเจ็บปวด แต่ว่าทิศทางที่เขาวิ่งไปนั้น มันตรงกันข้ามกับที่คนปกติทั่วไปจะทำโดยสิ้นเชิง เหนือภพวิ่งเข้าหาแร่หนึ่งสีที่ติดอยู่กับผนังถ้ำ ขณะที่ตุ่นตุ๊กแกพุ่งเข้ามา เหนือภพรีบกลิ้งหลบ แต่ก็ยังไม่ไวพอที่หลบการโจมตีนี้ของตุ่นตุ๊กแกพ้น ช่วงไหล่ของเหนือภพมีรอยแผลเกิดขึ้นเลือดสีแดงกระฉูด สาดกระเซ็น
น่าแปลกที่เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในการฉีกเสื้อผ้าพันปิดบาดแผล ทั้งหมดนี้เป็นการเคลื่อนไหวโดยใช้สัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว สัญชาตญาณที่สั่งสมมาจากความยากลำบากในชีวิต ทักษะฮันเตอร์ที่เคยถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กน้อยนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์เลย เพราะตอนนั้นเขามีโอกาสเข้าเรียนได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น
ในขณะที่ตุ่นตุ๊กแกพุ่งโจมตีพลาดนั้น มันตะปบไปโดนผนังหินถ้ำที่มีแร่หนึ่งสีแทน จนผนังถ้ำสั่นสะเทือน แร่มีสี แร่ไร้สีและหินหลากสีหลายชนิดต่างร่วงกราวตกลงไปกองที่พื้นพร้อมกับฝุ่นควัน
เหนือภพตาลุกวาวเป็นประกาย เมื่อแร่หนึ่งสีบริสุทธิ์ที่เขาหมายปองนั้นก็ร่วงตกลงมาด้วย เหนือภพม้วนตัวหมายเข้าไปเก็บแร่หนึ่งสีที่อยู่กับพื้น
แต่มันไม่ง่ายเช่นนั้น ชั่วขณะที่เขาคว้าก้อนแร่หนึ่งสีได้ ตุ่นตุ๊กแกก็ทำการเหวี่ยงฟาดหางของมันเข้าใส่ใบหน้าของเขา จนได้ยินเสียงกระดูกคอลั่นกร๊อบ แรงจนถึงขนาดที่ที่ตัวเขาไถลไปกับพื้นจนชนกับผนังถ้ำอีกฝั่งหนึ่ง
“คุ้ม!!”
เหนือภพยิ้มกว้าง มองแร่หนึ่งสีที่อยู่ภายในมือ
ในขณะที่ตุ่นตุ๊กแกกำลังยืนคำรามอย่างอารมณ์เสียนั้น เหนือภพก็ม้วนตัวคว้าเอาอีเตอร์คู่ใจวิ่งหนีออกไป แต่ไปได้เพียงไม่กี่สิบก้าวเขาก็วิ่งกลับมาใหม่อีกครั้งเพื่อคว้าเอาตระกร้าไม้สาน
‘แพง อันนี้ทิ้งไม่ได้’