ตอนที่ 22 อ้าว! วันเกิด
เคล้ง เคล้ง
เสียงขุดแร่ดังก้องเป็นจังหวะ ผนังหินขรุขระถูกขุดเจาะจนกว้างและลึกลงไปเรื่อยๆ กองหินหลากหลายสีที่ไม่มีราคาถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหนือภพอย่างระเกะระกะ ส่วนหินที่มีแร่แทรกตัวอยู่จะถูกใส่ไว้ในตระกร้าอย่างระมัดระวัง
จำนวนแร่ไร้สีที่เหนือภพขุดได้มีปริมาณมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป แต่เขากลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ แร่แค่นี้มันยังเปลี่ยนชีวิตไม่ได้ เหนือภพกดดันตัวเอง แขนทั้งสองข้างไม่เคยหยุดแม้สักวินาที เขาขุดแร่ต่อไปจนจำนวนแร่ไร้สีมากจนถึงขนาดที่เหนือภพไม่อาจจะขนออกไปได้เพียงคนเดียว
แต่ถึงจะได้มากขนาดนั้น เหนือภพก็ยังพยายามอย่างมากที่จะขุดเจาะต่อไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือแร่หนึ่งสี เขาไม่ได้ต้องการมันมากเท่าตระกร้าสานที่เขาพกมา แต่ขอแร่หลายสีแค่เพียงกำมือเดียว เขาก็พอใจแล้ว
แต่สวรรค์กลับไม่ได้เมตตาเขานัก ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ จากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง สามชั่วโมง สี่ชั่วโมง แม้แต่เศษเสี้ยวของแร่หนึ่งสีก็ไม่ปรากฏมาให้เหนือภพได้เห็น ยิ่งทำให้เหนือภพเริ่มรู้สึกท้อแท้ จนเขาต้องนั่งพักเพื่อทำใจและดื่มน้ำเติมพลัง
ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันเหลือบมองไปยังเส้นทางเหมืองเก่าที่มืดมนไร้แสงสว่างส่งถึง โดยปกติแล้วพื้นที่ขุดที่ปลอดภัยนั้นจะมีการจัดการที่ดี เหล่าผู้คุมเหมืองจะทำการจุดคบเพลิงเอาไว้เป็นสัญลักษณ์และยังเป็นการให้แสงสว่างภายในเหมืองใต้ดินแห่งนี้อีกด้วย
หากเส้นทางใดไม่มีแสงสว่างนั้นก็นับได้ว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะพบเจอกับสัตว์อสูรภายในถ้ำที่หลบซ่อนอยู่ แต่ถ้าคิดอีกในอีกแง่มุม สถานที่ที่ไม่มีคนเข้าไปขุดเลยก็มีโอกาสที่จะได้แร่หลายสีมากขึ้น
เหนือภพตัดสินใจขนแร่ไร้สีในตะกร้าเพื่อทยอยเอาออกไปขายให้กับผู้ประเมินแร่ที่มักจะมาตั้งเต็นท์รออยู่หน้าปากทางเข้าเหมือง เหนือภพเดินถึงสี่เที่ยวจึงจะขายแร่ไร้สีที่เขาขุดไว้ได้จนหมด
การขายครั้งนี้ทำให้นักขุดหลายคนสนใจ พวกเขาต่างเข้ามาสอบถามถึงจุดที่เหนือภพขุดได้ แต่พอรู้ว่าเหนือภพเข้าไปยังคูหาที่ลึกที่สุด พวกเขาแต่ละคนแทนที่จะอาสาไปร่วมขุดด้วย กลับกลายเป็นว่าพยายามเตือนและห้ามเหนือภพไม่ให้เข้าไปขุดที่นั่น
ส่วนสาเหตุอะไรนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดี แม้แต่เหนือภพเองเขาก็พอรู้อยู่บ้างว่าที่นั้นมีสัตว์อสูรปรากฏตัวบ่อยครั้งที่สุด จึงคาดกันว่าคูหาแทบนั้นน่าจะมีรังสัตว์อสูรอยู่ใกล้ๆ แม้ว่าเหนือภพถึงจะรู้แบบนั้น เขาก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าเขาจะไปขุดในคูหาแถบนั้นให้ได้ ความเสี่ยงสูงก็ย่อมนำมาซึ่งผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน
เหนือภพยืนถือคบเพลิงอยู่หน้าโพรงถ้ำที่มืดสนิทอย่างกล้าๆกลัว ก่อนเดินกลับไปยังแท่นวางคบเพลิงที่ถูกจุดไว้อย่างสว่างไสวตลอดทางที่ผ่านมา เขาแบ่งคบเพลิงบนนั้นมาเพิ่มหลายอันๆ อย่างน้อยตลอดทางที่เขาจะทางเข้าไป เขาจะทำให้โพรงถ้ำที่เคยมืดมิดนั้นสว่างไสวที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยพวกสัตว์อสูรก็ไม่ชอบแสงสว่างมากนัก หากเจอแสงสว่างแบบนี้พวกมันก็คงไม่เข้ามาใกล้หรอกมั้ง
ณ ลานแท่นเจ้าอาคม โรงเรียนเตรียมฮันเตอร์สาขาหมู่บ้านห้าสี
หัวหน้าไทกำลังประกาศชื่อ เด็กนักเรียนที่ถึงเกณฑ์อายุครบ 12 ปีขึ้นมาทีละคน เพื่อให้เด็กเหล่านั้นได้ตรวจวัดความสามารถของตัวเอง จำนวนผู้ที่ต้องประเมินปราณอาคมในวันนี้หากเทียบกับวันก่อนๆแล้วนับว่ามีจำนวนที่น้อยกว่ามาก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงรายชื่อสุดท้ายของเด็กที่ต้องวัดปราณอาคม
“เหนือภพ”
แต่ว่ากลับไม่เสียงตอบรับใดใด จนหัวหน้าไทต้องเรียกพลมาคุย ทั้งสองกระซิบกระซาบคุยกัน
“เจ้าไม่ได้บอกเหนือภพหรอ ว่าวันนี้เป็นวันที่ต้องมาวัดปราณอาคม”
หัวหน้าไทกระซิบถามด้วยความสงสัย
“ข้าเคยบอกไปแล้วว่า ก่อนมันอายุครบ 12 ปีบริบูรณ์ ข้าจะพามันมาวัดปราณอาคม”
พลกระซิบตอบด้วยความมั่นใจ
“ห่ะ แล้วเมื่อวานเจ้าไม่ได้ไปบอกงั้นเหรอ”
“ข้าจะไปรู้ได้ไง ก็ท่านใช้ให้ข้าไปดูความเคลื่อนไหวของพวกราชวงศ์ไม่ใช่รึไง อีกอย่างนะ ข้าไม่คิดว่าวันเกิดของมันแท้ๆ มันยังลืมได้ เรื่องนี้ใช่ความผิดของข้าที่ไหน”
พลกระซิบตอบอย่างร้อนรน ทำเอาหัวหน้าไทกุมขมับ เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท ไม่มีใครคิดว่าเหนือภพจะลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้
“พวกเจ้าคุยอะไรกัน”
ผู้เฒ่าพสุธายื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างพวกเขาทั้งสองพลางกระซิบถามด้วยความสงสัย เขาไม่รู้เหตุผลที่พวกนี้ต้องกระซิบกระซาบกัน แลดูคล้ายเรื่องสำคัญ เขาจึงกระซิบตามไปด้วย
“เย้ย!”
“ท่าน!”
หัวหน้าไทและพลผงะออกพร้อมๆกัน พลางกล่าวปฏิเสธไปอย่างทันท่วงที
พลเปิดเอกสารขึ้นมาตรวจสอบดูว่าเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ที่เหนือภพจะอายุเต็ม 12 ปี
เอกสารนี้คือเอกสารที่บันทึกเวลาเกิดของเด็กทุกคนในหมู่บ้าน มันจะถูกเก็บรักษาโดยโรงฝึกเตรียมฮันเตอร์ เพื่อที่เหล่าครูฝึกจะได้เตรียมความพร้อมในการคำนวนช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนของตนจะตรวจวัดปราณกับแท่นจ้าวคมได้ถูกต้องและใกล้เคียงกับช่วงที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนคนนั้นๆให้มากที่สุด
อีกสิบห้านาที เหนือภพจะอายุ 12 ปีเต็ม
“ยังทันอยู่ เร็วเข้าเจ้ารีบไปพาเจ้าเด็กนั่นมาที่นี่ให้ได้”
หัวหน้าไทสั่งพลเสียงเข้ม พลกุมขมับ ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ช่างก่อเรื่องให้เขาต้องเหนื่อยได้ทุกครั้ง แต่ทำยังไงได้ แม้จะเบื่อยังไงเขาก็ต้องดูแลมันอยู่ดี ดูแลจนกว่ามันจะดูแลตัวเองได้ดีกว่านี้
พลไปตามหาเหนือภพที่บ้านของเขา แต่คำตอบที่ได้จากพี่ฟ้ารดา ผู้เป็นแม่ก็ทำให้รู้ว่าเหนือภพเข้าไปในเหมืองตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แม่ของเหนือภพแปลกใจว่าทำไมพลถึงมาตามหาลูกของเธอ แต่พอรู้ความจริงเธอเองก็ต้องตกใจ ความจริงเธอไม่ได้ลืมวันเกิดลูกชายตัวเอง ทั้งยังเตรียมของขวัญเอาไว้แล้วด้วย แต่เธอคิดไม่ถึงว่าลูกชายเธอก็มีสิทธิ์เข้าทดสอบปราณอาคมกับเขาด้วย อีกอย่างเหนือภพก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้เธอฟัง ทำให้เธอไม่รู้ ไม่งั้นเธอคงช่วยเตือนด้วยอีกคน