ตอนที่ 18 คนของมัจฉาสวรรค์
กรี๊ดดด!!
เสียงร้องของมีนาดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดของน้ำ ทำให้ท่าทางแมวเซาของพยัคฆ์คีรีผงาดกลายร่างเป็นพญาราชสีห์ในทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แววตาเข้มแข็งดุดัน ร่างกายห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีส้ม หากก้มมองพื้นจะเห็นเงาร่างของพยัคฆ์ลายดำพาดกลอนขนาดใหญ่แทนเงาของเด็กหนุ่มมนุษย์ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพยัคฆ์คีรีเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดเป็นภาพเงาติดตา เพียงเสี้ยววินาทีก็มาปรากฏตัวติดกับชายฝั่งแม่น้ำ
ภาพของมีนาที่มีร่างกายเปียกชุ่มที่กำลังประคองร่างกายชุ่มเลือดที่ใหญ่กว่าเธอนิดหน่อยขึ้นฝั่ง ทำให้พยัคฆ์คีรีผงะเล็กน้อย เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปยังเลือดกองใหญ่ที่ไหลทะลักจากแม่น้ำขึ้นมาบนพื้น มันเป็นทางยาวสีแดงที่มีกลิ่นคาวเข้มข้น
ยังไม่ทันที่พยัคฆ์คีรีจะได้สอบถามเรื่องราวความเป็นไป ด้านหลังของมีนากลับมีสัตว์อสูรน้ำรูปร่างคล้ายกบกระโจนเข้าใส่พวกเขาด้วยท่าทางดุร้ายหมายจับกินเป็นอาหาร มันคงโจมตีมีนาตั้งแต่อยู่ในน้ำ
“กล้าดียังไงถึงทำร้ายเธอ”
พยัคฆ์คีรีเดือดดาล ดวงตาสีทองของเขาปิดลง ร่างกายลุกโชนไปด้วยปราณอาคมสีส้มทองเหลืองอร่าม เสียงคำรามห้าวของพยัคฆ์ลายดำพาดกลอนดังซ้อนกับเสียงของพยัคฆ์คีรี ร่างกายของเขาดีดพุ่งเข้าหาสัตว์อสูรกบน้ำไม่ต่างจากกระสุนปืนใหญ่
มือทั้งสองข้างที่ถูกห้อหุ้มด้วยปราณอาคมสีส้มทองแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บเสือ ตะปบเข้าที่ใบหน้า ลำคอและก็ลำตัวของสัตว์อสูรกบน้ำในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยที่เขาไม่แม้แต่จะลืมตามอง
เสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรกบน้ำดังออกมาอย่างเจ็บปวด พยัคฆ์คีรีไม่ได้มีทีท่าหยุดชะงักหรือสงสาร เสียงของมันมีแต่จะเพิ่มความโกรธแค้นให้เขา
‘กล้าทำร้ายคนที่ฉันรัก แกต้องไม่ตายดี ...ปราณอาคมพยัคฆ์ บทที่ 3 ความโกรธของราชาพยัคฆ์’
พยัคฆ์คีรีเดือดดาลสุดขีด ร่ายปราณอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาภายในใจ มือทั้งสองข้างชูขึ้นสูง เหนือข้อมือข้างหนึ่งมีตราสัญลักษณ์ของฮันเตอร์รูปร่างคล้ายเสือ ร่างกายเขามีภาพร่างของพยัคฆ์ดำลายพาดกลอนขนาดใหญ่กว่าปกติถึงเท่าตัว พุ่งทะยานไปพร้อมกับร่างจริง พุ่งเข้าหาสัตว์อสูรกบน้ำ กรงเล็บอาคมทั้งสองข้างของพยัคฆ์คีรีเหวี่ยงฟาดเข้าโจมตีสัตว์อสูร ซ้ายขวา ซ้ายขวา รวดเร็ว รุนแรง และต่อเนื่องจนเกิดเป็นพายุกรงเล็บที่โจมตีนานนับสิบวินาที
ร่างของสัตว์อสูรน้ำปรากฏเลือดสีม่วงสาดกระเซ็น กระเด็นตกไปยังแม่น้ำ เลือดสีม่วงของพวกมันทำให้แม่น้ำในบริเวณนั้นเปลี่ยนสี
เมื่อจัดการอสูรร้ายเรียบร้อยแล้ว พยัคฆ์คีรีก็พุ่งเข้าหามีนาเพื่อสอบถามด้วยความห่วง ขณะที่ตัวเขายังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
มีนาส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นว่าพยัคฆ์คีรียังคงหลับตาอยู่จึงตอบกลับไปว่า
“ข้าไม่เป็นอะไร”
เธอรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่พยัคฆ์คีรีนั้นมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างเต็มเปี่ยม เขาพุ่งเข้ามาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่สนใจรางวัลตอบแทน ช่างเป็นลักษณะฮันเตอร์ชายในฝันของผู้หญิงทุกคน แต่เมื่อสายตาของมีนาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่อายุห่างจากเธอไม่กี่วันนั้นเอง เธอก็จำเขาได้และหลุดปากพูดชื่อของเขาออกมา
“เหนือภพ เหนือภพ”
มีนาพยายามปลุกเหนือภพให้ฟื้นจากอาการหมดสติ เธอตรวจดูบาดแผลของเหนือภพและพยายามจะช่วยรักษาเบื้องต้น แต่เธอกลับไม่มีความสามารถขนาดนั้น ผู้มีพรสวรรค์อย่างเธอเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้อย่างแท้จริง เธอสามารถใช้อาคมเข่นฆ่าสัตว์อสูรได้สารพัด แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถเรียนรู้หรือเข้าใจวิชาแพทย์ได้เลย
ดังนั้นแม้เธอมีความตั้งใจอยากช่วยแต่ก็ไม่สามารถทำได้ นอกจากเอายารักษาที่เธอมีป้อนให้เพื่อประคองอาการเพียงเท่านั้น
พยัคฆ์คีรีชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเขาหลับตาอยู่จึงไม่อาจมองเห็นหน้าชายที่มีนาช่วยเอาไว้ แต่ชื่อเรียกขานที่หลุดออกมาจากปากมีนานั้น ทำให้พยัคฆ์คีรีมีท่าทีผิดแปลกไป แววตาเบื้องหลังเปลือกตาสั่นไหวคล้ายหวาดกลัวบางสิ่ง แต่เขาพยายมสะกดข่มมันไว้
‘เป็นไปได้ยังไง’
พยัคฆ์คีรีเปิดเปลือกตาเพียงเล็กน้อย เขาต้องรู้ให้ได้ว่านั่นคือเหนือภพจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมองเห็นหน้าคนที่นอนอยู่บนพื้น สายตาของเขากลับปะทะเข้ากับกองเลือดที่เปรอะเปื้อนทั่วพื้น ทั่วร่างเด็กชายคนนั้น ทั่วร่างมีนา และเลือดบางส่วนกระเด็นมาโดนเขา เพียงแวบเดียวเท่านั้นพยัคฆ์คีรีก็รีบหลับตาลงเช่นเดิม แล้วเขาก็เลือกเดินออกห่างจากมีนาและเหนือภพโดยเว้นระยะห่างสักช่วงหนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
“หัวใจเขายังคงเต้นอยู่ รีบพาเขาไปยังโรงหมอเถอะ เขาอาจจะรอด”
พยัคฆ์คีรีบอกขณะที่ภายในใจมีความรู้สึกซับซ้อน
“อืม”
มีนาอุ้มเหนือภพด้วยท่าทางคล้ายกับยามที่เจ้าชายอุ้มเจ้าหญิง จากนั้นเธอก็ใช้ปราณอาคมมัจฉาคู่ของเธอช่วยในการเคลื่อนไหวเพื่อเร่งความเร็วในการกลับสู่หมู่บ้านโดยทิ้งพยัคฆ์คีรีไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง
ภายในป่าอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแห่งนั้น
“ชายชั่วหญิงเลว พวกเจ้าช่างเหมาะสมกันดีนะ”
ท่ามกลางผืนป่าองค์หญิงนั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น เธอมีสีหน้าเดือดดาลเคียดแค้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองมีนาพาเหนือภพไปอย่างไม่อาจขัดขวางได้ แม้เธอจะต้องการทำร้ายสองคนนั้นเพียงใด แต่ก็ทำได้เพียงคร่ำครวญเนื่องจากเธอถูกบุรุษร่างเพรียวสูงในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มขวางเธอเอาไว้
“องค์หญิงอย่างท่านควรกลับไปยังเมืองของท่านแล้วใช้ชีวิตเสวยสุขตามปกติดีกว่า อย่าได้มาก้าวก่ายเรื่องของคนในนิกายมัจฉาสวรรค์ มิเช่นนั้นท่านก็จะหายไปตลอดกาลโดยที่ท่านพ่อท่านแม่ของท่านจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์หญิงถูกฝังอยู่ที่ไหน”
สิ้นคำพูดของบรุษชุดน้ำเงินเข้ม ร่างของเขาก็อันตรธานหายไปในพริบตา