บาทที่ 61
บาทที่ 61
พวกเขามุ่งหน้าออกไปกลางทะเล ท่ามกลางการคุ้มกันของป้อมลอยฟ้าที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นหลากหลายแบบ พวกเขาเล็งไปที่เกาะหนึ่งที่อยู่ไกลถึงห้าร้อยกิโลเมตร
การคำนวณตำแหน่งของกระสุนตกนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับพวกเขาอยู่พอสมควร พวกเขาพบว่าระยะห้าร้อยกิโลเมตรนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะยิงให้โดนเป้าได้ ในเมื่อไม่เห็น และถึงแม้ว่าจะส่งคนไปดูเป้าก็ไม่สามารถบอกให้ปืนเล็งไปทางไหนได้เช่นกัน
หงเซียวจึงแนะให้พวกเขาสร้างป้ายสื่อสารที่สามารถรู้ระยะและทิศทางของป้ายนั้น แล้วให้สายลับเป็นคนวางป้ายนั้นให้ใกล้เป้าหมายในระยะที่ใกล้ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในระยะที่น้อยกว่าสี่กิโลเมตร
ของแบบนี้สร้างไม่ยากนัก ในที่สุดพวกเขาก็นำป้ายนั้นไปติดตั้งบนเกาะ พวกเขารู้ทั้งระยะและทิศทางของป้ายแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็หันมาหาหงเซียวอีกครั้งเพื่อขอคำแนะนำ
หงเซียวแนะนำวิธีการคำนวณวิถีการตกในแนวดิ่งของลูกกระสุน พวกเขาคำนวณจนได้คำตอบก่อนที่จะปรับองศาการยิงให้เหมาะสม
“ยิง” ประธานาธิบดีทำมือให้สัญญาณ เมื่อพวกเขาปรับทิศทางลำกล้องให้มีมุมแนวราบและมุมเงยถูกต้อง
หงเซียวเข้าไปอยู่ในรัศมีเก้าสิบกิโลเมตรด้วยก้าวอนุภาคพร้อมกับเข้าอยู่ในร่างวิญญาณและโคจรปราณเพลิงสังหารซึ่งเป็นปราณเพลิงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากเพลิง
บรึม จากการตรวจสอบจากมุมสูงของผึ้งเซียนที่อยู่สูงลิบไปกว่าร้อยห้าสิบกิโลเมตรในร่างเพลิงของเซียนห้าธาตุ เขาก็พบว่ากระสุนเบนออกไปจากเป้าหมายเกือบหนึ่งกิโลเมตร หากเป็นปืนธรรมดานี่ถือว่าผิดพลาดไปมาก แต่กระสุนระเบิดนี้มีขอบเขตที่ถือได้ว่าความผิดพลาดระยะนี้ไม่มีผลอะไรเลย
เพียงแต่กระสุนนี้พุ่งเข้าหาเป้าหมายช้าไปอยู่บ้างเท่านั้น
ไอความร้อนพวยพุ่งเข้าสู่ร่างภูตที่เป็นหมอกเพลิงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบเมตร หงเซียวที่อยู่ภายในร่างวิญญาณรับรู้ถึงไอความร้อนที่พุ่งเข้าใส่
“ระยะนี้เย็นเกินไป” เขากล่าวขณะที่มองไปยังผิวน้ำที่กลายเป็นไอใต้เท้า เขาใช้ก้าวอนุภาคอีกครั้งไปโผล่ยังใจกลางการตกกระทบ
พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นแอ่งน้ำหลอมเหลวสีเหลืองแดงกินอาณาเขตพื้นที่กว่าร้อยตารางกิโลเมตร
“อืม ถ้าหากว่าระเบิดระดับนี้ ไม่รู้ว่ามารระดับปัจฉิมเซียนจะเป็นอย่างไร แต่หากว่าข้าอยู่ในร่างนี้ด้วยปราณเพลิงสังหารนี้ นี่ก็คงเป็นเพียงแค่ไออุ่น” เขาคิด
ดังนั้นกระสุนควรจะมีหลายแบบกว่านี้ หากว่ามีอยู่แบบเดียวศัตรูก็อาจจะเดาได้และหาทางป้องกันได้
ควรจะมีทั้งกระสุนแสง กระสุนสายฟ้า กระสุนเพลิง กระสุนระเบิดเศษโลหะ
ประธานาธิบดีติดตามเขามาอย่างรวดเร็ว ดูเขาจะพึงพอใจกับผลที่ได้อยู่ไม่มากก็น้อย ความร้อนที่เผาเกาะกลายเป็นลาวานั้นไม่ใช่อะไรที่ดูแคลนได้ แน่นอนว่าเขาก็อยู่ในรูปของหมอกเพลิง แต่ว่าขนาดของหมอกของเขามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงห้าเมตร
นักวิจัยของพวกเขาติดตามมาในเวลาไม่นานนัก พวกเขาต่างพากันตื่นเต้นกับผลลัพธ์
หงเซียวกล่าวว่า “ข้าเริ่มไม่มั่นใจว่าระเบิดระดับนี้จะทำอันตรายมารชั้นปัจฉิมเซียนได้มากแค่ไหน ดังนั้นข้าจึงอยากให้ลองสร้างกระสุนเพิ่มหลายๆแบบ ทั้งกระสุนแสง กระสุนสายฟ้า และกระสุนที่แตกระเบิดเป็นเศษโลหะชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
“ขอรับท่านผู้นำ” ทุกคนกล่าว นักวิจัยต่างพากันจดไว้ พวกเขาเริ่มเครียดที่ได้ยินว่าความร้อนระดับนี้อาจจะทำอันตรายมารชั้นปัจฉิมเซียนไม่ได้มากเท่าที่คาดหวัง
“อีกอย่างที่จะต้องคิดให้ดีก็คือระบบการเล็ง หากจะใช้ระบบการเล็งที่ข้าแนะนำไว้ก็จำเป็นจะต้องวางป้ายยันต์สื่อสารใกล้เป้าหมายให้ได้มากที่สุด หรือไม่ก็ต้องคิดถึงวิธีการเล็งวิธีอื่น” หงเซียวกล่าว
“ขอรับท่านผู้นำ”
เวลาผ่านไปอีกสามเดือน ภูษาเซียนของหงเซียวและห้าสาวทั้งหมดยกเว้นภูษาเซียนภูตวิญญาณต่างพากันก้าวเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนไปจนหมด หงเซียวและอีกห้าสาวต่างเกิดความเบื่อเมื่อพบว่าตนเองยังขาดภูษาเซียนที่ถูกใจอีกสามสี่ผืน
“พวกเจ้าสนใจไปอาณาจักรนาคาไหม” นาคินินทร์เห็นพวกเขาเบื่อหน่ายจึงถามขึ้น
“อาณาจักรนาคา จริงสิ ข้าลืมไปเลยว่าจะไปช่วยเจ้ายึดครองดินแดนกลับคืนมา” หงเซียวกล่าวตอบ
“ดีที่เจ้ายังนึกได้” ภูษาเซียนนาคา นาคินินทร์ แค่นเสียง
หงเซียวยิ้มแหย เขามัวแต่ติดงานหลายอย่างจนลืมเรื่องนี้ไปสนิท
หงเซียวแจ้งให้ประธานาธิบดีทราบ ซึ่งอีกฝ่ายได้ตอบกลับมาว่า “ท่านผู้นำ ขอท่านรอสองสามวันได้ไหม เพราะว่าเรากำลังจะโจมตีศัตรูด้วยป้อมปืนใหญ่ลอยฟ้า”
“เริ่มแล้วรึ” หงเซียวแปลกใจ เพราะว่าไม่มีข่าวคราวมาก่อนหน้านั้น
ความจริงแล้ว ประธานาธิบดียังไม่ได้เตรียมตัวโจมตีแต่อย่างใด ยังคิดทดลองให้เรียบร้อยก่อน แต่เมื่อเห็นหงเซียวแจ้งแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจโจมตีทันที
“ขอรับ ป้อมปืนใหญ่ลอยฟ้ากำลังออกเดินทางไปยังชายแดนแล้วขอรับ” อีกฝ่ายกล่าว “ข้าอยากให้ท่านอยู่ด้วยเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
“ก็ได้ ใกล้ถึงแล้วก็บอก ข้าจะไป” หงเซียวกล่าว
ทันทีที่เขาเก็บป้ายสื่อสาร ประธานาธิบดีก็ส่งข้อมูลไปยังนักวิจัยทุกคนทันที ตอนนี้ยานปืนใหญ่ลอยฟ้าของพวกเขามีทั้งหมดสามลำ และมียานป้องกันของแต่ละลำพร้อมลำละหกเครื่อง และอยู่ในระหว่างการสร้างปืนใหญ่ลอยฟ้าที่สี่และห้า
นอกจากนี้เขาก็ส่งข้อมูลไปยังกองกำลังของพวกเขาทั้งหมดให้เตรียมพร้อมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวหน้าที่มีการตรึงกำลังกันอยู่ระหว่างสองอาณาจักร
ครึ่งวันต่อมา พวกเขาก็เข้าประจำที่ทั้งหมด รวมถึงการชี้เป้าซึ่งหน่วยใต้ดินได้ทำการลักลอบไปวางจุดโจมตีไว้เรียบร้อยนานแล้ว เพียงแต่ต้องไปยืนยันเป้าหมาย
“เป้าหมายหนึ่งอยู่ที่เป้าหมายเลขสองสี่ ย้ำสองสี่ เป้าหมายสองอยู่ที่หมายเลข ห้าหก ย้ำห้าหก เป้าหมาย….”
“เป้าหมายหนึ่ง กระสุนเพลิง ปรับมุมแนวตั้งสี่สิบเจ็ดองศา ปรับมุมแนวนอนทิศทางเป้าหมายสองสี่ ….. เสร็จสิ้น” ปืนใหญ่หมายเลขหนึ่งที่เอนราบพลันค่อยเอียงตัวเฉียงสี่สิบกว่าองศา
“เป้าหมายสอง กระสุนแสง ปรับมุมแนวตั้งแปดสิบองศา ปรับมุมแนวนอนทิศทางเป้าหมายห้าหก … เสร็จสิ้น” ปืนใหญ่หมายเลขสองพลันเอนขึ้นไปจนเกือบเป็นแนวตั้งฉาก เป้าหมายของเขาก็คือแนวหน้าที่กำลังประจันหน้ากันอยู่นี่เอง
“เป้าหมายสาม ...”
เพราะว่าปราสาทของมารชั้นปัจฉิมเซียนนั้นอยู่ไกลไม่ถึงห้าร้อยกิโลเมตร จากจุดที่พวกเขาเตรียมยิงปืนใหญ่ อย่างไรก็ตามปืนเหล่านี้ล้วนตั้งอยู่ในระยะปลอดภัยจากฝ่ายศัตรู ทั้งยังติดตั้งระบบอำพรางไม่ให้ศัตรูที่อยู่แนวหน้าได้เห็นยานเหล่านี้ ทั้งมีระบบป้องกันภาคพื้นอีกด้วย
“ทหารทุกคนเข้าประจำการให้พร้อมภายในยี่สิบชั่วโมง ระบบการลำเลียงอาวุธดำเนินการเต็มกำลัง เราจะเริ่มเปิดการจู่โจมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้า”
การประกาศของประธานาธิบดีทำให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างพากันตื่นตัวขึ้นมาในทันที ระบบต่างๆพากันเร่งความเร็วขึ้นเพื่อการรุกรานในอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้า
“ท่านผู้นำ พวกเราจะโจมตีในอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้า ขอรับ” ประธานาธิบดีส่งข่าวให้หงเซียว
“รับทราบ ข้าจะไปถึงที่นั่นก่อนเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง” หงเซียวกล่าว
“น้องสาว สนใจจะไปดูพวกเรายิงปืนใหญ่รุกรานดินแดนที่พวกน้องแพ้มารชั้นปัจฉิมเซียนหรือไม่”
“ใครว่าพวกเราแพ้กัน พวกเราเพียงแค่สร้างผึ้งเซียนไม่ทันเท่านั้น” จินหลินกล่าว
“พวกเราจะไป พี่ชาย”