บทที่ 457 ชื่อเสียงกระฉ่อน
บทที่ 457 ชื่อเสียงกระฉ่อน
ดวงตาของนักรบจากเผ่ามังกรสมุทรดำก็ส่องประกาย
แม้แต่หุ้ยหยินและลิซ่ายังรู้ว่านู่หลางกำลังปรับแต่งบางอย่าง ในฐานะสมาชิกของเผ่าเหตุใดเขาจะไม่รู้กัน
ใต้ทะเลนั้นไม่มีเปลวไฟที่แข็งแกร่ง นู่หลางกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ เขาได้ล้มเหลวจากการหลอมอยู่หลายครั้ง ชนเผ่ามังกรสมุทรดำเองก็เห็นเช่นกัน
เมื่อเห็นเปลวไฟออกมาจากฝ่ามือของฉื่อหยานของฉื่อหยาน ชายคนนี้ก็ตกใจ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนทัศนคติของเขา
"นั้นคือเปลวไฟนภาจริงรึ ? "
เขามองดูเปลวไฟที่ออกมาจากฝ่ามือของฉื่อหยาน และสัมพัสถึงมัน และเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเปลวไฟนภาที่ลึกลับนี่ พวกเขานั้นมีจิตสำนึกของตัวเอง และมีชีวิต เมื่อความร้อนของเปลวไฟที่ร้อนกว่าปรากฏพวกเขาก็รู้สึกได้ทันที นักรบที่มีเปลวไฟนภานั้นหากเขาต้องการที่จะเป็นนักหลอมอาวุธเขาก็สามารถทำได้และเขายังจะได้เป็นนักหลอมอาวุธชั้นยอดอีกด้วย เขาจะต้องได้รับการเคารพจากนักรบคนอื่นๆ
เปลวไฟที่มีอุณภูมิสูงก็ลุกโชนจากฝ่ามือของฉื่อหยาน เขาไม่ได้ปกปิดมันไว้ นักรบเผ่ามังกรสมุทรดำคนนี้ที่อยู่ห่างจากฉื่อหยานนับร้อยเมตรก็ยังรู้สึกแห้งและสัมพัสได้ถึงความร้อนของมัน
" ข้าว่าท่านเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเปลวไฟนภาหรือไม่ "
ฉื่อหยาน ค่อยๆ ดึงเปลวไฟกลับไป " ประมุขของท่านต้องการข้ามากที่สุดในตอนนี้ ถ้าข้าช่วยประมุขของท่าน ปัญหาในการหลอมสมบัติลับของเขาก็จะไม่มีอีก เอาหละ, ข้าคิดว่าท่านควรไปบอกประมุขของท่านได้แล้ว " ชนเผ่ามังกรสมุทรดำจำนวนหนึ่งก็ออกมาจากอาคารหลังหนึ่งจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ฉื่อหยานด้วยใบหน้าตกใจ
ถึงแม้ว่าฉื่อหยานจะยังคงมีสีหน้าเฉยเมย แต่เขากลับรู้สึกตกตะลึง
มีชนเผ่ามังกรสมุทรดำเจ็ดถึงแปดสิบคนปรากฏออกมาจากภูเขาไฟที่มอดแล้ว พวกเขาแต่ละคนมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ขั้นต่ำพวกเขาบางคนอยู่ในระดับปฐพีหรือระดับรู้แจ้ง ในขณะที่นักรบที่เหลือต่างก็อยู่ในระดับนภา
ทุกคนบอกว่าเผ่ามังกรสมุทรดำเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในชนเผ่าทะเล สมาชิกของเผ่าแต่ละคนมีพลังที่โดเด่นและมีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่ง ชื่อเสียงของพวกเขานั้นคือของจริง
" แน่นอน ข้าจะไปบอกท่านประมุขให้เดี๋ยวนี้" เขาไม่กล้าที่จะลังเลอีก เขาตบไปที่มังกรสมุทรดำของตน จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีดำพุ่งจากออกไปจากภูเขาไฟที่มอดแล้ว คนจากเผ่ามังกรสมุทรดำก็ยังคงจ้องมองฉื่อหยานและหลี่เฟิงด้วยสายที่เย็นชาของพวกเขา
" เจ้าคือฉื่อหยานรึ ? "
นักรบเผ่ามังกรสมุทรดำก็ทำสีหน้าแปลกใจสักพักจากนั้นก็ถามขึ้น
ฉื่อหยานยิ้มและพยักหน้า
สมาชิกของเผ่ามังกรสมุทรดำก็สั่นไหวประกายแสงในดวงตาของพวกเขาก็ส่องประกายมากขึ้น ในช่วงเวลานี้ในกลุ่มชนเผ่าทะเล ชื่อเสียงของ ฉื่อหยาน ได้กระจายไปอย่างกว้างไกลและกว้างขวาง เขาได้ใช้พลังในระดับนภาทำให้เปาเค่อและเปาเหวินยอมรับให้ตระกูลหยางปกครองเมืองใต้บาดาล แม้แต่หุ้ยหยินและลิซ่าก็เห็นด้วยที่จะให้ตระกุลหยางปกครองเมืองต่อไป เพราะเขานั้นได้รับการยอมรับจากประมุขของทั้งสามเผ่า ชื่อเสียงของเขาจะจึงดังกระฉ่อน ชนเผ่าทะเลทั้งหมดที่เมื่อก่อนรู้จักเพียงแต่จักพรรดิหยางเทียน ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าตระกูลหยางได้ปรากฏยอดคนที่โดดเด่นรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้หยิ่งพยองและโหดเหี้ยมกว่าจักพรรดิหยางเทียนนัก
ชื่อของ ฉื่อหยานได้แพร่กระจายทุกที่ใต้ทะเล พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเด็กคนนี้ด้วยตาของตน สมาชิกของเผ่ามังกรสมุทรดำก็สั่นสะท้าน พวกเขาประเมินเขาอย่างเงียบๆเพื่อดูว่าเขาอันตรายหรือไม่
หลี่เฟิงรู้สึกค่อนข้างอึดอัดภายใต้สายตาขอชนเผ่ามังกรสมุทรดำ " . ฉื่อหยาน เจ้าต้องระวังให้ดี นู่หลางนั้นไม่ใช่ึรดัรัก , เจ้าต้องอย่าประมาท ถ้านู่หลาง ต้องการโจมตีเจ้าหลังจากที่เจ้าได้ช่วยให้เขาปรับปรุงสมบัติ , ข้าคิดว่ามันคงเป็นการยากที่เจ้าจะหลบหนี. "
" เข้าใจแล้ว ข้าจะระวัง นู่หลางนั้นเป็นประมุขของเผ่ามังกรสมุทรดำ พวกเขามีกันเพียงกลุ่มหนึ่ง แต่นักรบคนอื่นๆในชนเผ่าทะเลกลับยกให้พวกเขาเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด ' ด้วยการที่ถูกยกย่องจากชนเผ่าทะเล เขาจะต้องวางตัวอย่างรอบคอบ และเขาคงไม่ทำอะไรโหดเหี้ยมเช่นการล้อบกัดหรือโหดเหี้ยมแน่นอน เขาจะต้องทำอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่สามารถทำให้ได้ เพราะเขานั้นคือชื่อเสียงของชนเผ่าทะเล
นักรบจากชนเผ่าทะเลนั้นจกปกป้องกันและกัน ถ้านู่หลาง ถือว่าเขาเป็นอันตรายต่ออนาคตของเหล่าชนเผ่าทะเล เขาจะฆ่าฉื่อหยานแน่นอน แต่เขาจะไม่จู่ๆก็บีบคอฉื่อหยานและฆ่าแน่นอน เขาจะต้องเรียกประชุมเหล่าชนเผ่าทะเลและหาวิธีแก้ปัญหา
นอกจากนี้ เกี่ยวกับนู่หลาง เหล่าชนเผ่าทะไม่เคยพูดสักครั้งเลยว่าเขาเคยทำเรื่องชั่วร้ายและต่ำทราม
"เช่นนั้นก็ดี แต่ทุกอย่าก็ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง ข้าเกรงว่าตอนนั้นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด " หลี่เฟิงเป็นห่วง " ปีนั้น นายท่านใหญ่ของเราได้เข้ามาและมีปัญหากับนู่หลาง ข้าเกรงว่าเขาจะมีความคิดแค้น . อย่าไดไ้ไปยั่วให้เขาโกรธเด็ดขาด หลังจากทำสิ่งที่ตั้งเป้าไว้เสร็จ ให้กลับมาทันที "
" ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร เราไม่สามารถประสบความสำเร็จอะไรได้ถ้าหากไม่พยายาม เราจะต้องเสี่ยงเล็กน้อย "
เผ่ามังกรสมุทรดำ ชายผู้ที่เพิ่งไป ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชี้นิ้วบอกให้ฉื่อหยาน ตามเขาไป
" อย่าให้ใครจากเผ่ามังกรสมุทรทมิฬตามเข้ามา ให้พวกเขาอยู่ข้างนอกไว้ " ฉื่อหยานบอกหลี่เฟิง และก้าวไปในยังดินแดนของชนเผ่ามังกรสมุทร์ . ภายใต้คำแนะนำของชายชนเผ่ามังกรสมุทรดำ เขาบินผ่านภูเขาที่มอดแล้วไปยังที่นู่หลางอยู่
ที่ภูเขาไฟที่มอดแล้วลูกหนึ่งที่อยุ่ข้างใต้เขา เขาก็ตกใจกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้จิตสำนึกวิญญานสัมพัส ฉื่อหยานก็รู้ว่ามีมังกรสมุทรดำเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น
มังกรสมุทรดำปลดปล่อยกลิ่นอายที่มหาศาลออกมา
มีมังกรสมุทรดำอย่างน้อยสิบตัวอยู่ในภูเขาไฟข้างใต้เขาตอนนี้ ต่ำสุดมันอยู่ในระดับหก และส่วนใหญ่พวกมันก็อยู่ในระดับเจ็ด
มังกรสมุทรดำระดับเจ็ดนั้นถูกจัดได้ว่าแข็งแกร่งกว่านักรบระดับนภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันอยู่ในน้ำ มันสามารถควบคุมกระแสน้ำได้ ด้วยปากของมัน พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดใต้ทะเล
มองไปสักพัก ฉื่อหยาน ก็ตกใจ เมื่อเขารู้นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับเผ่ามังกรสมุทรดำ พลังของเผ่านี้แข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าตระกูลฉาวและพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้มากนัก นอกจากนี้ยังมีเผ่าฉลามเงิน เผ่าเงือก เผ่าแมงป่องน้ำ หากพวกเขาขึ้นจากใต้ทะเลแลเริ่มโจมตีนักรบมนุษย์ ผลของสงครามครั้งนี้อาจจะรู้ตั้งแต่เริ่ม
จู่ๆ เขาก็รู้สึกกังวล และตัดสินใจว่าเขาควรจะช่วยนู่หลางปรับแต่งสมบัติลับดีหรือไม่
" ข้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าต้องไปคนเดียว" ผู้ชายจากเผ่ามังกรสมุทรดำก็ชี้บอกไปทางภูเขาไฟที่มอดแล้วรูปกรวบและบอกให้ไปเจอกับนู่หลางเพียงลำพัง
" ขอบคุณ " .
ตัดความกังวลในจิตใจของเขา ฉื่อหยานก็กลั้นหายใจและตั้งสมาธิค่อยๆพุ่งลงไป
ประมาณสิบห้านาทีต่อมา เขาก็มาถึงตีนภูเขาไฟ โดยไม่คาดคิด บริเวณนี้เป็นที่สว่างเป็นอย่างมากผนึกนับไม่ถ้วนที่ถูกฝังอยู่ข้างถูเขาส่องแสงออกมา ทำให้บริเวณรอบๆกลายเป็นสว่างสไว ผลึกเหล่านี้ส่องสว่างในพื้นที่ ที่มืดมิดที่สุด
ยืนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยลาวา อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่มีลาวาลอยสูงมีเพียงกองผลึกสีแดง ผลึกเปลวเพลิงสีชาดนั้นเป็นแร่ที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนระอุ ด้วยพลังที่อยู่ในผลึกมันสามารถประทุเปลวไฟออกมาได้ ผลึกเปลวเพลิงสีชาดนั้นเต็มไปด้วยพลังไฟ
ผลึกเปลวเพลิงสีชาดมากมายอยู่เต็มบ่อล่วา ในขณะที่ไม่มีพลังกระตุ้นจากในผลึก ผลึกนั้นก็เปล่งประกายแสงสีแดงร้อนแรง , .
ถัดจากบ่อลาวา มีทรัพยากรทุกชนิดเพ่ือหลอมสมบัติลับอยู่ มีทั้งผลึก เหล็กเย็น ทรายทองและหยกดาวฉื่อหยาน ก็ตกใจ เมื่อมองแวบแรก
ทรัพยากรในการหลอมเหล่านี้ แต่ละชิ้นต่างก็เป็นของที่มีค่า พวกมันอยู่รอบๆบ่อลาวา พวกมันบางชิ้นหาได้ยากเป็นอย่างมาก แม้แต่ตระกูลหยางก็ไม่มีพวกมัน หากนักรบระดับนภาได้มาเห็นทรัพยากรเหล่านี้ พวกเขาจะต้องกลายเป็นบ้าคลั่งแน่นอน
แม้ในทะเลไม่มีสิ้นสุด ทรัพยากรหลายอย่างในที่นี้ พวกเขาสามารถเห็นพวกมันได้ด้วยความบังเอิญเท่านั้น
แต่ทรัพยากรเหล่านั้นกลับอยู่ที่บ่อลาวาแห่งนี้ และอยู่ภายใต้ผลึกเปลวเพลิงสีชาดที่ส่องประกาย นี่ทำให้พวกมันดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
" ประมุขนู่หลางช่างมีทรัพยากรมากมายนัก ท่านเก็บเกี่ยวทรัพยากรเหล่านี้มาได้เช่นไรกัน ข้าสงสัยว่าทรัพยาที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนได้เหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านใช้หลอมสมบัติใช่หรือไม่ ? " .
ฉื่อหยาน หายใจเข้าลึกๆ ขณะสังเกตที่นี่และยิ้มพร้อมกับพูด
นู่หลางก็นั้นไม่ได้ปรากฏตัวอกมา
อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานนั้นรู้ว่าฉื่อหยานอยู่ที่นี่ แต่เขาได้ปกปิดกลิ่นอายของเขาไว้ นี่ทำให้ฉื่อหยานไม่สามารถหาเขาได้พบ
ตั้งแต่เขามาถึงตีนภูเขา แม้ว่าจะไม่เจอนู่หลาง แต่เขาก็สัมพัสได้ถึงตัวตนของเขา
ในขณะที่เขากำลังจ้องมองทรัพยากรล้ำค่าเหล่านั้น นู่หลางก็แอบดูการเคลื่อนไหวของเขาและสำราจร่างของเขา ." เจ้าเด็กน้อย เจ้าช่างกล้ามากนัก เจ้ากล้ามาที่นี่คนเดียว ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้ารึไง?
เสียงหยาบคายก็ดังขึ้นสะท้อนไปทั่วตีนภูเขาจนผนังหินบนภูเขาหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง
ฉื่อหยานตอนนี้รู้สึกได้ถึงเสียงที่ก้องเข้าไปในหูของเขา มันเข้าไปยังสมองของเขาและส่งผลต่อห้วงจิตสำนึกของเขา ทำให้ห้วงจิตสำนึกของเขาสั่นสะท้าน
จิตใจของเขาก็สั่นสะท้าน เขารีบปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญาณของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อห้าปีศาจที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา ต่อมาพวกมันก็ค่อยๆสงบลง
ที่บึงในดินแดนประหลาด , ห้าปีศาจได้กลืนกินวิญญานภูติผีไปมากมาย หลังจากนั้น พวกมันก็เริ่มที่จะพัฒนาขึ้น พวกมันได้กลั่นตัวมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เสร็จ
ฉื่อหยานกลัวว่าจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับห้าปีศาจ
" เหตุใดข้าต้องกลัว ? " ฉื่อหยานยิ้มมองผลึกเปลวเพลิงสีชาดในบ่อลาวา " ประมุขนู๋หลางนั้นเป็นคนยึดมั่นในคุณธรรม ท่านจะไม่ลงมือกับรุ่นเยาว์เช่นข้าแน่นรอน นอกจากนี้ ในครั้งนี้ ข้ามาด้วยความหวังดี เช่นนั้นประมุขนู่หลางก็คงปฏิบัติกับข้าด้วยความหวังดีเช่นกัน”
" เด็กน้อย เจ้ามีเปลวไฟนภางั้นรึ ?" เสียงของนู่หลสงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
" ถ้าข้าไม่เปลวไฟนภา ข้าก็คงไม่กล้ามาที่นี่" เขายืดแขนออกไป และเปลวไฟของแกนเพลิงก็ระเบิดออกมา ทันทีผลึกเปลวเพลิงสีชาดที่อยู่ในบ่อลาวาก็จะประกายและเกิดเป็นเสาเปลวเพลิงลึกโชนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทันทีเปลวไฟก็ครอบคลุมภูเขาทั้งลูก
เมื่อผลึกเปลวเพลิงสีชาดเจอกับพลังเปลวไฟมันก็ระเบิดและเกิดเป็นเสาเพลิงลุกโชนขึ้น พลังของเปลวไฟได้ไปกระตุ้นผลึกเปลวเพลิงสีชาด .
อุณหภูมิที่ตีนภูเขาไฟ ทันทีก็สูงขึ้นในพริบตา
" มันเป็นเปลวไฟนภาจริงๆ”
นู่หลางตะโกนออกมาและปรากฏอยู่ต่อหน้าฉื่อหยาน
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ