บทที่ 442 โชคร้ายนัก
บทที่ 442 โชคร้ายนัก
ฉื่อหยานยืนอยู่หน้าตึกตระกูลหยาง อย่างสบายๆ และกำหราบกลิ่นอายของ ฟู่ฮาว หยานเฟิง , จิ่วหลันซิน
นักรบที่อยู่ข้างๆพวกเขาก็คุกเข่าอยู่ก็มีใบหน้าตกใจ พวกเขากลัวว่าหัวหน้าของพวกเขาจะโกรธ
เขาปรากฏได้ไม่นาน ฉากนองเลือดก็เกิดขึ้น เขาสังหารนักรบระดับรู้แจ้งสองคน และยังส่งแมลงอสูรเข้าไปในร่างกายของหมิงไห่และกัดกินอวัยวะภายในของเขา
เสียงกัดกินที่ดังออกมานั้นน่าขนลุกเป็นอย่างมาก มันยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง หนังหัวของทุกคนกระตุกและพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนนิ่งๆได้
หยางจั่ว และ ตระกูลหยางคนอื่นๆที่ยืนอยู่บนชั้นบนก็มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาตกตะลึง และตื่นเต้น
ในเวลานี้ , หยางมู่ หยางซู่ และ หลี่เฟิงที่เป็นผู้นำของคนจากตระกูลหยางปัจจุ ก็ไม่สามารถช่วยได้ ที่จะนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหยางจั่ว“ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าบอกว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ฉื่อหยานจะปรากฏขึ้นและช่วยเราให้พ้นจากสถานที่หวานอมขมกลืน”
ก่อนหน้านี้ หยางมู่ หยางจู่ และคนอื่น ๆยังคงมีท่าทีสงสัยในคำพูดเหล่านี้ ไม่กล้าวางความหวังไว้ที่เขา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ฉื่อหยานที่หายไปสี่ถึงห้าปี กลับปรากฏตัวออกมา
เขาได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าผู้คน ข่มขู่ และทำให้นักรบนับสิบคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตระกูลหยางก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง
" ฉื่อหยาน " หยางมู่ที่ใบหน้ามีความสุข ก็ตะโกนออกมา " ทำไมเจ้าถึงได้หายไปนานนัก ในหุบเหวสนามรบ เจ้าเจออะไรมาบ้าง ทำไมระดับการบ่มเพาะของเจ้าถึงได้สูงเพียงนี้ ? "
หยางจู่ หยางซู่ หลี่เฟิง และคนอื่นๆก็มีสีหน้าสงสัย มองเขาด้วยความประหลาดใจ
เขายกศีรษะของเขาขึ้น และเผยรอยยิ้ม ฉื่อหยานไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นเขาก็ถลึงตามองนักรบที่คุกเข่าบนพื้น“มาดูกันว่าพวกเจ้าจะรับโอกาศที่ข้ามอบกับให้พวกเข้าหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า หยานเฟิง , ฟู่ฮาว และจิ่วหลันซิน ถึงแม้พวกเขาสามคนจะมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนภา แต่พวกเจ้าก็มีเกือบแปดร้อยคน ถ้าพวกเจ้าร่วมมือกันจัดการพวก”เขาสามคน ก็สามารถจัดการพวกเขาได้ในเวลาสั้นๆ ข้ากำลังเฝ้ามองการกระทำพวกเจ้าอยู่ ระวังไวด้วย
ฟู่ฮาว หยานเฟิง , จิ่วหลันซินก็ตกใจ ดวงตาของพวกเขาก็หลี่ลงมองไปรอบๆ
" เราแบ่งปันผลประโยชน์ให้พวกเจ้าได้ แต่เด็กคนนี้กลับไม่ได้ให้อะไร แทนที่จะร่วมมือกันจัดการกับเรา ทุกคนควรร่วมมือกันจัดการกับเจ้าเด็กนั่นและเข้าร่วมกับพวกเราสามคน มันง่ายนักที่จะฆ่าเด็กนั่น ทันทีที่เด็กนี้ตาย เราจะทำตามข้อตกลง หลังจากที่ได้ทรัพยากรบ่มเพาะของตระกูลหยางมา พวกเจ้าทุกคนจะได้รับมันส่วนหนึ่ง "
จิ่วหลันซินนางกัดฟันแน่นแสดงสีหน้าเย็นชาและพูดคุยกับผู้ที่คุกเข่าบนพื้น
ฟู่ฮาว และหยานเฟิงยังคงตกตะลุงอยู่ จากนั้นพวกเขาก็รีบสัญญาว่าจะให้ประโยชน์เช่นกัน โดยหวังว่าผู้ติดตามของพวกเขาจะร่วมมือกับพวกเขาจะจัดการกับ ฉื่อหยาน
" ถ้าพวกเจ้าฟังเด็กนี้และฆ่าเราสามคน พวกเจ้าจะไม่ได้อะไรเลย และ เจ้าแน่ใจรึว่าเจ้าเด็กนี่จะพูดจริง หลังจากพวกเราสามคนตาย เจ้าเด็กนี่จะไม่ฆ่าพวกเจ้า เจ้าเด็กนี่จะสามารถทำอะไรก็ตามที่เขาต้องการ พวกเจ้าคิดดีๆสิ " ฟู่ฮาว ยิ้มและกล่าว
หยานเฟิงพยักหน้าตลอดเวลา " พี่หยานเฟิง และข้า ต่างก็ไม่เคยทำไม่ดีกับพวกเจ้าและ พวกข้าได้ให้ผลประโยชน์มากมายแก่พวกเจ้า แต่เจ้าเด็กนี่ให้อะไรพวกเจ้า เมื่อเขาชนะ ตระกูลหยางจะปกครองเมืองใต้บาดาลแห่งนี้และโชคชะตาของพวกเจ้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ทำไมหนะรุ ? ขนาดคนที่เคยเป็นสหายกับพวกเขายังตกอยุ่ในสภาพน่าเวทนา ดูหมิงไห่สิ "
จิ่วหลันซิน , ฟู่ฮาว และหยานเฟิงก็มีสีหน้าจริงใจ และชักชวนให้นักรบของตนอย่างจริงจัง
คำพูดของพวกเขาสามคนนั้นน่าหลงใหลและคมเป็นอย่างมาก พวกเขาชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ จริงๆแล้วพวกเขาสามารถโน้มน้าวใครได้หลายคน แม้แต่นักรบที่กำลังคุกเข่าลงบนพื้น ก็ยังคิดเกี่ยวกับมีน คิดว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งสามคนกล่าวว่าอาจจะเหมาะสมกว่า
คนที่คุกเข่าใบหน้าก็กลายเป็นเย็นชา และลุกขึ้นยืน ดวงตาประกายแสงเย็นยะเยียบ
นักรบที่ยืนอยู่ห่างออกไปก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเงียบๆ พวกเขาล้อมรอบ ฉื่อหยาน , ล้อมเขาไว้และรอคำสั่งจากจิ่วหลันซินและอีกสองคน
สถานการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง
หยางจั่วและอื่น ๆจากตระกูลหยางก็มีการเปลี่ยนแปลง และรอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางลง พวกเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง หยางจั่วลดลงเสียงของเขาสั่งหยางมู่ และคนอื่นๆให้ระมัดระวังมากขึ้น และพร้อมที่จะช่วยฉื่อหยาน เมื่อสถานการณ์ไม่ดี
ฉื่อหยาน ที่ตอนนี้เป็นจุดสนใจของทุกคน ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และไม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบ แลเยือกเย็น
เขามองไปรอบๆ ค่อยๆ พยักหน้า เผยให้เห็นดวงตาเย็นชา แล้วพูดเบา ๆว่า " พวกเจ้าคิดจะฆ่าข้าจริงๆรึ ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนถ้าพวกเจ้าไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตา หึ เอาหละ ใครจะเข้ามาก่อนงั้นรึ?
หลังจากพูดแบบนั้น เขาใช้ความคิดของเขาสั่งให้ราชาแมลงอสูรกัดกินร่างของหมิงไห่เร็วข้น
อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกกก !
เสียงที่สยดสยองก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่างที่ชัดเจนก็ปรากกขึ้นบนผิวหนังของหมิงไห่ . ทุกคนเห็นราชาแมลงอสูรค่อยๆคลานไปที่คอของเขาและเข้าไปในสมองของเขา
คือหมิงไห่ดวงตาก็ปูดบวม . เขาจับไปที่คอของเขาอย่างน่ากลัว ซึ่งได้ผลิตน่ากลัวครางเสียง
" จิตใจของเจ้าช่างโหดร้ายนัก กับคนที่เคยเป็นสหายกับพวกเจ้า เจ้ายังทำได้ลง " จิ่วหลันซินยังคงโน้มน้าวผู้อื่น " พวกเจ้าเห็นสภาพของหมิงไห่หรือไม่ เมื่อมันชนะ และสามารถยืนหยัดในเมืองใต้บาดาลได้อีกครั้ง พวกเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ "
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
คิดถึงสิ่งที่ฉื่อหยานทำ คนเหล่านี้กำลังตัวสั่น พวกเขา มองหมิงไห่ด้วยความหวาดกลัว และรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับฉื่อหยานได้ สิ่งที่เขาทำนั้นโหดเหี้ยมกว่าสิ่งที่ตระกูลหยางเคยทำมาทั้งหมดเสียอีก
เมื่อคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ นักรบเหล่านี้ทั้งหมดก็สับสนสักพัก จากนั้นพวกเขาก็ลงมือ
" ฆ่ามัน ! "
" ฆ่าเจ้าเด็กชั่วนี่ซะ !
" หลังจากฆ่ามันได้เมืองนี้จะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ถ้ามันไม่ตาย วันที่สงบสุขคงมาไม่ถึงแน่ ! "
ตอนนี้เอง นักรบก็ล้อมเข้ามา บรรดานักรบที่ตาม หยานเฟิง , ฟู่ฮาว และจิ่วหลันซินก็กลายเป็นรุนแรงและกราดเกรี้ยม
ฉื่อหยานยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง เขายืนอยู่ตรงกลางวงล้อมโดยปราศจากความกลัวใดๆ ดูเหมือนเขาจะรอให้คนเหล่านี้ลงมือมาก่อนแล้ว
" ฆ่ามัน " จิ่วหลันซินตะโกนขณะที่นางเป็นคนแรกที่พยายามพุ่งไปหาฉื่อหยาน เหมือนเสือบ้า อยากจะแยกม่านน้ำแข็งออกจากกัน
ฉื่อหยานยิ้มและสะบัดมือซ้ายของเขา หมอกไอน้ำแข็งที่สวยงามก็กระจายออกไป
อากาศที่หนาวเย็นออกมาจากฝ่ามือของเขาอีกครั้งและทำให้ม่านน้ำแข็งแข็งแรงขึ้น ,ป้องกันสมบัติลัยของ จิ่วหลันซิน พลังของปื่นหยกก็กระจายออกมา แต่น้ำแข็งกลับไม่เป็นอะไร
" ฆ่ามัน ! " หยานเฟิงกับ ฟู่ฮาว ก็โบกมือของพวกเขาในเวลาเดียวกัน
นักรบนับสิบที่คุกเข่าลงก่อนหน้านี้ก็พุ่งไปที่ฉื่อหยาน
เงามากมายเคลื่อนไหวไปมา พวกเขานับสิบต่างก็มีสีหน้าที่ดุร้าย และโหดเหี้ยม พวกเขายิ้ม ร่างกายของพวกเขาก็เร่งจนถึงขีดสุด กลายเป็นลำแสงพุ่งโจมตีไปที่ฉื่อหยาน
ในฝูงชน ฉื่อหยานกลับยืนนิ่งเหมือนกับหิน รอยยิ้มของเขากลายเป็นเย็นชา
" ดีเลยที่พวกเจ้าเข้ามา "
เขายังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ และยังเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาแค่พูดประโยคเดียว แล้วนั่งลงเหมือนเขากำลังนั่งสมาธิ
ทุกคนก็ตื่นเต้นนักรบเหล่านี้คิดว่าเขากลัว พวกเขาจึงรู้สึกกล้าหาญมากข้น, เรียกใช้วิชาทั้งหมดออกมา
คานแสงนักรบสิบของนักรบก็พุ่งมาจากทุกทิศทางไปที่ฉื่อหยาน
ราวกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเล คานแสงมากมายที่ออกมาจากนักรบหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อพวกมันอยู่ห่างจากฉื่อหยานสิบเมตร
นักรบนับสิบที่พุ่งเข้าไปใกล้เขาในระยะสิบเมตร ร่างกายของพวกเขาก็ลอยขึ้นและห้อยอยู่ในอากาศ
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็น จับนักรบนับสิบเหล่านี้อยู่ ร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ก็หมุนเป็นวงกลมและพลังของพวกเขาก็กลายเป็นปั่นป่วน พวกเขาไม่สามารถที่จะรวบรวมพลังเพื่อปกป้องร่างกายของตนได้
" เป็นไปได้ยังไง ? "
" ข้าขยับไม่ได้ !
" ข้าควบคุมพลังปราณลึกลับไม่ได้ . "
นักรบเหล่านั้นก็กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
" อย่าตะโกน มันจะยิ่งทำให้พวกเจ้าตายเร็วขึ้น ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก " ฉื่อหยานส่ายหัวเบาๆแล้วกล่าวอย่างผิดหวัง " ข้าคิดว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้ามองไม่เห็นถึงสถานการณ์ที่สมควร เช่นนั้น ข้าจะส่งพวกเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน "
แสงสีทองบางก็พุ่งออกมาจากแหวนสายโลหิต
เส้นใยสีทองบางๆที่คมกริบ กระจายเต็มท้องฟ้า และบิดไปมา เมื่อนักรบเหล่านั้นสัมพัสกับเส้นใยทีสอง ร่างของเขาก็เป็นเหมือนเต้าหู้ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆและกลายเป็นกองเลือด
มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ นักรบนับสิบร่างถูกหั่นออกไป ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉื่อหยานเผยอรอยยิ้มจากมุมปากของเขา และเริ่มมองไปที่นักรบที่ไกลออกไป
สำหรับตอนนี้โดยมีฉื่อหยานเป็นศูนย์กลาง นักรบในช่วง 10 เมตรรอบๆตัวเขาต่างก็กรีดร้องและร้องออกมาด้วยความกลัว และปรารถนาที่จะหลบหนี
ราวกับเป็นปีศาจที่ปรากฏตัวขึ้นเผื่อฉีกร่างของมนุษย์ ขโมยชีวิตและวิญญานของพวกเขาไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้ตัวร่างกายก็ถูกหั่่นออกไปเป็นชิ้นๆโดยปีศาจตนนี้
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อ เป็นดั่งเครื่องหัน ไม่ว่าจะนักรบระดับใดตราบเท่าที่พวกเขาอยู่ในระยะ พวกเขาทั้งหมดก็จะได้รับผลกระทบ และเมื่อร่างกายของพวกเขาหมุนไปมา มันหมายถึงชีวิตของพวกเขากำลังจะมาถึงจุดจบ
เพียงแค่ครึ่งนาที นักรบห้าสิบคนจู่ๆก็กลายเป็นกองเลือดไม่รู้ตัว ร่างกายของพวกเขากลายเป็นก้อนเนื้อ เลือดสาดกระเว็นไปในท้องฟ้าแล้วหยดลงมาเหมือนน้ำไหล
ไม่ต้องพูดถึงนักรบที่อยู่รอกๆ แม้แต่ ฟู่ฮาว หยานเฟิง , จิ่วหลันซินก็กลายเป็นว่าพวกเขาไม่กล้าขยับ ไม่กล้าที่จะหนี หรือเข้ามาใกล้ พวกเขาอาจจะยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าซีดเซียว
ฉื่อหยาน เคยพูดไว้ว่า ถ้าเขาไม่อนุญาตห้ามใครทำอะไรทั้งนั้น ใครกล้าขัดขืนคนๆนั้นจะถูกเราะเนื้อและกระดูกทันที
คำพูดของเขายังคงมีผล และไม่มีใครกล้าที่จะหลบหนี
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ