บทที่ 437 เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมาถึง
[TL. ผมแปลชื่อคนในตระกูลหยางผิดนะครับ ตั้งแต่ตอนนี้ให้เปลี่ยนเป็น หยางมู่ อยางจู่ อย่างซู่ หยางเค่อ หยางเหมิง และพ่อของหยางจู่ ก็คือหยางจั่ว ที่เป็นผู้อาวุโสอยู่ที่เมืองใต้บาดาลและกำลังพูดเรื่องเกี่ยวกับจักพรรดิหยางเทียน]
บทที่ 437 เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมาถึง
"ฉื่อหยาน ? "หยางมู่ คิ้วของเขาก็ขมวดแสดงเห็นถึงวามแปลกใจ หยางจู่ หยางซู่และหลี่เฟิง เสาหลักในอนาคตของตระกูลหยาง ต่างก็ตกใจ พวกเขามองหยางจั่วด้วยใบหน้าแปลกประหลาด
"ใช่ ฉื่อหยานนั่นแหละ " หยางจั่วยืนยันด้วยการพยักหน้า " ปีนั้น ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าได้เล็งเห็นว่าตระกูลหยางจะพบการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต และฉื่อหยานจะปรากฏขึ้นเมื่อตระกูลหยางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด เขาจะช่วยเราข้ามผ่านพายุร้ายนี้"
จริงๆแล้ว หยางจั่ว ก็ไม่มั่นใจในเรื่องนี้เช่นกัน แต่เพื่อปลุกความหวังของทุกคน เขาจึงบอกความจริงแก่พวกเขา แต่ยังไงเขาก็ไม่ยืนยันว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นตามคำพูดของจักพรรดิหยางเทียนหรือไม่
" ท่านปู่ใหญ่ไม่ได้เห็นนิมิตผิดใช่หรือไม่ ? " หยางจู่ ลังเลครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเหยเก " . ข้ายอมรับว่า ฉื่อหยาน นั้นมีพรสวรรค์ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในทะเลไม่มีสิ้นได้ได้ไม่นาน ความสามารถของเขากลับไม่เล็กน้อย ความคืบหน้าของเขาทำให้ทุกคนชื่นชมเขา แต่ข้าก็ไม่อาจเชื่อว่าเขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ ก็พูดต่อ " อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานนั้นพึ่งมาทะเลไม่มีสิ้นสุดได้ไใานาน ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ห่างไกลจากผู้ที่อยู่ในทะเลไม่มีสิ้นสุดมานานหลายปีนัก ข้ารู้ว่าเขาแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาก็ไม่มีที่สิ้นสุด แต่การที่บอกว่าเขาสามารถช่วยให้เราเอาชนะช่วงเวลาที่ยากที่สุด นั้นมันยากที่จะเชื่อ มิใช่รึ? "
หยางมู่และหยางซู่ก็พยักหน้า พวกเขาก็ไม่เชื่อและรู้สึกว่าหยางจั๋วพูดเช่นนี้เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจ
" ปีนั้น ฉื่อหยานและได้เข้าไปยังหุบเหวสนามรบ และก่อนเข้าจุดถัดไป เราได้แยกจากกัน สามปีต่อมาเราก็ออกมาจากหุบเหวสนามรบและทันทีที่ เราก็มาถึงเมืองใต้บาดาล เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในเวลานั้น และเราไม่แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว เขาไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นที่เมืองใต้บาดาลได้แน่ ดังนั้น ที่บอกว่าเขาจะปรากฏขึ้นในเวลาที่ยากที่สุด นั้นมันดูเกินจริงไปหน่อยไม่ใช่รึ ? "
หลี่เฟิงขมวดคิ้วไว้แน่น เขาไม่สามารถช่วย ได้ที่จะนึกถึงฉื่อหยานตอนที่อยู่ในหุบเหวสนามรบ นางได้ยอมรับศักยภาพของฉื่อหยาน และรู้ว่า ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ และได้ฝึกบ่มเพาะเป็นเวลานาน ระดับการบ่มเพาะของเขาจะต้องไม่ต่ำกว่าระดับรู้แจ้งแน่
นางไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ฉื่อหยานจะสามารถบรรลุระดับรู้แจ้งและเข้าสู่ระดับนภา
ด้วยการรวมตัวกันของเปลวเหมันเยือกแ็ง จิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ และแกนเพลิง เขาได้ใช้ดาบลึกลับจะตัดแขนของปรมจารย์อสูรโมจีต้า นอกจากนี้เขายังเป็นคนปลุกจิตสำนึกของศพราชันย์แห่งนิกายซากศพ และยังสามารถรับมือกับ กู่เชา และ ชิงหมิง และยอดฝีมือคนอื่นๆของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดจนพวกเขาเสียหน้า
เป็นตระกูลหยางที่อยู่แต่เมืองใต้บาดาลเป็นเวลานาน , จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทะเลไม่มีสิ้นสุดและดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สถานการณ์ภายนอก
เมื่อหนึ่งปีก่อน ฉื่อหยาน ได้แสดงความสามารถของเขาที่ทะเลเหิงลั่วและทำการฆ่าเหล่านักรบมากมาย อย่างไรก็ตาม มีเพียงผู้นำกองกำลังใหญ่ๆเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ฉื่อหยานได้ทำให้ กู่เฉา ยู่ชิง และชิงหมิงเสียหน้า และยังตัดแขนของปรมจารย์เผ่าอสูรโมจีต้า
พวกเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เรื่องเช่นนี้กระจายออกไป และพยายามที่จะหยุดมันทั้งหมด ดังนั้น มีเพียงยอดฝีมือระดับสูงน้อยนิดเท่านั้นที่รู้เรื่องเกี่ยวกับฉื่อหยาน นักรบธรรมดาทั่วไปมิอาจได้ยินมัน
ถ้าหยางจั๋วรู้ว่าฉื่อหยานได้ทำสิ่งใดไว้บ้างใน ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งกับเผ่าอสูรและยอดฝีมือ ต่างก็ไม่เป็อันตาหรับขับตสนอน บางทีเขาอาจจะเชื่อในคำพูดของจักพรรดิหยางเทียนมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ พวกเขายังไม่อาจฝากชีวิตของพวกเขาไว้ที่ฉื่อหยานได้
" เราจะปกป้องทรัพยากรพวกนี้เอง " หยางจั่วกไม่พูดถึงฉื่อหยานอีก เขา ครุ่นคิดสักพัก ก่อนสั่งหยางมู่ " เจ้าสามารถส่งคนออกจากเมืองเพื่อไปเยี่ยมตระกูบเซี่ยที่ พื้นที่ทะเลสวรรค์ เดี๋ยวนี้ เราจะอธิบายสถานการณ์ของเราที่นี่ให้พวกเขาฟังและดูว่าพวกเขายังจดจำความสัมพันธ์ที่ดีในอดีต และส่งคนมาช่วยเราและทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่ในเมืองใต้บาดาลหายไปได้หรือไม่ "
หยางจั่วกล่าวต่อว่า " หยางจู่ และ หยางซู่ พวกเจ้าสั่งให้คนในตระกูลของเรอย่าได้กระทำการใดๆในเมืองใต้บาดาล สำหรับกองกำลังทั้งสี่ที่ยั่วยุเรา เราไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ตราบใดที่พวกมันไม่โจมตีที่นี่ เราก็ไม่ต้องไปสน อย่างไรก็ตาม เราต้องปกป้องตัวของพวกเราเองไว้ เตือนคนของเราอยู่ข้างนอก ถ้าพวกเขามีการเคลื่อนไหวใด ให้แจ้งเราล่วงหน้าา "
หยางจู่ หยางมู่ และคนอื่นๆ ก็พยักหน้า
หยางจั่วขมวดคิ้วของเขาเข้าด้วยกันไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่าขณะที่มองหยางเค่อ " เจ้าไปดูว่า มีข่าวดีจาก เผ่าเงือกหรือไม่ พวกเขาเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับเรา ถ้าจักพรรดินีของเผ่าเงือก ลิช่า ออกตัวช่วย ข้าคิดว่ากองกำลังทั้งสี่คงจะไม่กล้าหยิ่งพยองอีก .
หยางเค่อดวงตามืดมนเขา ถอนหายใจเบาๆ และส่ายหน้า
" เจ้ามีอะไรจะพูดงั้นรึ ? หยางจั่วมองหยางเค่อ" และถามว่า " ถ้าพวกเขาไม่ออกหน้าช่วยเรา อย่างน้อยพวกเขาก็สมควรพูดอะไรบ้าง จักพรรดินี ลิซ่า จะไม่สนความสัมพันธ์ในอดีตเลยรึไง ?
หยางเค่อเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เขาเงียบถอนหายใจและถามหยางจั่ว " ผู้ที่ถูกส่งไปไม่ได้เข้าพบจักรพรรดินีลิซ่า เมื่อคนของเราไปถึง คนจากเผ่าเงือกก็บอกพวกเขาว่า จักพรรดินีไม่ต้องการพบพวกเจ้า เนื่องจากตระกูลหยางของเราได้ตกต่ำลง เผ่าเงือก ก็หยุดความสัมพันธ์กับเรา และจักพรรดินีของเผ่าเงือกเองก็ไม่ลังเลที่จะทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเรา ดังนั้นทำไมพวกเขาจะต้องสนใจสถานการณ์ของพวกเราด้วย? "
" หืม . . . . . . . . . . . . " หยางจั๋วดูอารมณ์เสียมาก เขายิ้มอย่างยิดเบี้ยว " คนเหล่านั้นคงไม่คิดถึงสิ่งมากมายที่ ตระกูลหยางได้ทำให้แก่เผ่าทะเล เมื่อเราตกต่ำ พวกเขาทันทีก็ลืมสิ่งที่เราได้ทำให้กับพวกเขา่ ดูเหมือนว่าเราไม่สามารถพึ่งพาเผ่าเงือกได้ "
" เราไม่สามารถไว้ใจใครได้ นอกจากตัวเราเอง " หยางมู่ใบหน้าหม่นหมอง และ ขบฟันของเขา . " รอจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อตระกูลหยางของเรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ข้าจะทำให้พวกมันเสียใต ข้าจะสั่งสอนพวกมันและสนองในสิ่งที่พวกควรได้รับข้าหาที่ดูถูกเหยียดหยามตระกูลหยาง"
" ไม่ต้องพูดแล้ว แต่เราต้องคิดเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับปัญหานี้ " หยางจั๋วโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง มองอย่างเหม่อลอยอยู่ในห้องมี่งดงาม เขาคิดหาวิธีที่ที่ทำให้ตระกูลอย่างสามารถเก็บทรัพยากนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะอีกไม่นานพวกเขาอาจต้องสูญเสียมัน ดูเหมือนนี่จะเป็นหินก้อนใหญ่ที่กดดันหัวใจของเขา ทำให้เขาอึดอัด
เสียงระฆังถูกตีเสียงใดก็ดังขึ้น
หยางจั่วและคนอื่นๆก็ตกใจ เผยให้เห็นใบหน้ากังวล พวกเขาหยุดคุยและก็วิ่งออกไปดูนอกหห้อง
อาคารหอประชุมใหญ่ของตระกูลหยางอยู่ข้างบนห้อง ตอนนี้ที่ศูนย์ของห้องโถง เหล่าคนจากตระกูลหยางยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้ากังวล
หยางจั่วและคนอื่น ๆ ก็เดินนำหน้าออกไป
" หลี่ยู่ เจ้าเรียกพวกเรามาอย่างเร่งด่วนมีเรื่องอะไรรึ ?" หยางจั่วมองอย่างสงบอยู่ในโถงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
" สถานการณ์ไม่ดีแล้ว " หลี่ยู่กระซิบขณะเดินผ่าน เขาตัวงอลง และกล่าวอีกว่า " กองกำลังทั้งสี่ จู่ๆก็หยุดสงคราม พวกเขาหยุดต่อสู้และหรือแข่งขันกันเองแล้ว เมืองใต้บาดาลตอนนี้เงียบสงบ ข้าได้รับข่าวว่า ผู้นำของกองกำลังทั้งสี่ ดูเหมือนจะเริ่มร่วมตัวและพูดคุยกัน . "
ทันทีที่คำพูดของเขาดังออกมา ใบหน้าของทุกคนจากกตระกูลหยาง ก็เปลี่ยนพร้อมกัน
ในเมืองใต้บาดาล เมื่อตระกูลหยางยังสามารถออกคำสั่งกับกองกำลังแต่ละที่ได้ นักรบในเมืองก็อยู่กันอย่างสงบ หลังจากตระกูลหยางตกต่ำลง นักรบระดับสูงบางคนในเมืองใต้บาดาลเริ่มคิดชั่ว เริ่มที่จะต่อสู้เพื่อยึดครองอำนาจในเมือง
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี กองกำลังขนาดเล็กหลายที่ปรากฏอยู่ในเมืองใต้บาดาล เหล่านักรบระดับสูงได้รวบรวมนักรบจำนวนมากเพื่อฝ่าฝืนและยึดอำนาจในเทมือง . พวกเขาแอบท้าทายตระกูลหยาง และปฏิเสธที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมใด ๆ
จณะที่กลำงัท้าทายอำนาจของตระกูลหยาง กองกำลังก็ยังต่อสู้กันเองไปด้วย เพื่อควบคุมกองกำลังทั้งสี่ทิศของเมือง
หลังจากส่งครามนี้ได้เกิดขึ้นมาหลายปี ตอนนี้สี่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองใต้บาดาน ซึ่งอยู่ทางตะวันออก ตะวันตก ใต้ และพื้นที่ภาคเหนือ ตามลำดับ พวกเขาได้ครอบครองพื้นที่เหล่านี้ เอาเก็บภาษีจากคนค้าขายเป็นค่าปกครองพวกเขา
กองกำลังทั้งสี่ต้องการจะยึดตำแหน่งของตระกูลหยางที่ตั้งอยู่กลางเมือง และกองกำลังเหล่านี้ก็ต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องเพื่อครอบครองพื้นที่แต่ละภูมิภาค
ดังนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้เมืองแห่งนี้จึงกลายเป็นวุ่นวาย การต่อสู้ที่เกิดขึ้นแม้ในพื้นที่การค้าบางแห่ง หลังจากสงครามที่ยาวนาน ทำให้กองกำลังทั้งสี่เกลียดชังกันมีความเกลียดชังที่มีต่อแต่ละอื่น ๆและดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะจับมือกันแมบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้ พวกเขากลัวหยุดต่อสู้กันได้ มันเพียงความเป็นไปได้เดียวคือ ตอนนี้พวกเขามีบางสิ่งที่สนใจร่วมกัน ซึ่งก็คือทรัพยากรมหาศาลที่ตระกูลหยางเก็บไว้
ใบหน้าของหยางจั่วและคนอื่น ๆทั้งหมดก็ซีด . จากข่าวที่ว่า กองกำลังทั้งสี้ได้หยุดต่อสู้กัน ทำให้คนจากตระกูลหยางรู้ดีว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
"มีเพียงเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้นที่จะทำให้กองกำลังทั้งสี่หยุดต่อสู้กันเองและตกลงที่จะร่วมมือกัน แน่นอนว่าเป้าหมายจะต้องเป็นทรัพยากรของพวกเราแน่ " หยางจั๋วสูดหายใจเข้าลึกๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วสั่งทันที " จัดการทุกอย่างเพื่อปกป้อง จากนี้ไป ใครไม่ได้ได้รับอนุญาตห้ามออกไปเด็ดขาด เราต้องเปิดใช้รูปแบบและอุปสรรคทุกอย่างที่มีเพื่อป้องกันสถานที่แห่งนี้ ถ้าพวกมันกล้าเข้ามา ต่อให้เราไม่สามารถรับมือกับพวกมันได้จริงๆ อย่างน้องเราก็จะทำให้มันรู้ถึงความสูญเสีย "
ใบหน้าของทุกคนก็โหดร้าย
ตระกูลหยางนั้นไม่เคยกลัวความตาย ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ พวกเขาก็จะยิ่งสามัคคี
หลังจากการออกคำสั่งไป หยางจั่วทันทีเริ่มก็เตรียมการ ด้านหนึ่ง เขาเรียกนักรบทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกหลับมา อีกด้านหนึ่งเขก็เปิดใช้งานอุปสรรคและรูปแบบป้องกันทั้งหมดในอาคาร พร้อมที่จะรับมือกับสงครามเข้ามา
" แม้ว่าเหล่ากองกำลังทั้งสีจะมีนักรบระดับนภา ถ้าต่อสู้กับเราจริงๆ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ! " หยางจั๋วคำราม แสยะยิ้มอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า " . พวกเราตระกูลหยางนั้นสามารถจัดการกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ ด้วยจิตวิญญานอมตะของเรา ทำให้ความแข็งแกร่งของเราเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติลับหรือวิชาใดที่มีอยู่ เราต่างก็รู้วิธีรับมือกับมัน อีกทั้งเรายังมีวิชาและสมบัติลับที่เหนือกว่าพวกมัน ดังนั้น การเอาชนะพวกมัน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ! "
หยางจั่วพูดอย่างต่อเนื่อง ปลุกระดมทุกคน
ไม่มีนักรบตระกูลหยางคนใดที่หวาดกลัว พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพร้อมสำหรับสงครามเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้น
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ