บทที่ 432 ก้นทะเล
บทที่ 432 ก้นทะเล
" เจ้าต้องการที่จไปะเยี่ยมชมเมืองบาดาลก้นทะเลรึ ? "
ซูหยานซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายศีรษะ " ในเมืองบาดาลนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก ที่นั่นมีตั้งเผ่าทะเล เผ่าปีศาจ และมนุษย์ . . . . . . . พื้นที่แห่งนั้นมีหลายเชื้อชาติ . การต่อสู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และดูเหมือนจะไม่มีวันสงบ ปีนั้น เมื่อตระกูลหยางยังคงแข็งแกร่งอยู่ พวกเขาได้รับการนับถือจากเผ่าทะเล แต่ตอนนี้ จักพรรดิ์หยางเทียนถูกจับ และอาจจะไม่สามารถออกมาจากพันธนาการได้ เผ่าทะเลจึงไม่ได้เคารพพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ข้าคิดว่าหยางมู่และกลุ่มของพวกเจ้าจะต้องกำลังลำบากอยู่แน่ในเมืองบาดาล ต่อให้เจ้าไปที่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ "
ฉื่อหยานคิดและรอยยิ้มบางๆก็ปรากฏ เขาไม่สนสิ่งที่นางพูด
"เจ้าควรอยู่ให้ห่างจากทะเลไม่มีสิ้นสุดซะ . " ซูหยานซิงดวงตาสดใส ในขณะที่นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ " . เจ้านั้นแตกต่างจากพวกตระกูลหยางคนอื่น แม้ว่ากองกำลังต่างๆจะรู้เรื่องหยางมู่ และกลุ่มของเขาว่าอยู่ในเมืองบาดาล , พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าเกรงว่า . . . "
" อะไร ? " ฉื่อหยานขมวดคิ้ว " เจ้าจะพูดอะไรรึ ?
" แม้ว่าหยางมู่ และคนอื่น ๆจะยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะฟื้นฟูตระกูลหยางได้ พวกเขาไม่สามารถทำให้ตระกูลหยางกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้ในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังอื่นได้ . " ซูหยานซิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " ส่วนเจ้านั้นค่างออกไป เจ้าได้ทำให้ผู้นำของกองกำลังต่างๆในทะเลไม่มีสิ้นสุดหวาดกลัว พวกเขารู้ว่าเจ้ามีศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ผลงานของเจ้านั้นมีมากกว่าจักรพรรดิ์หยางเทียนตอนยังหนุ่มนัก ถ้าเจ้ามีเวลาที่จะฝึกฝน ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะต้องอยู่เหนือจักพรรดิ์หยางเทียนแน่นอนและตอนนั้นก็จะสามารถฟื้นฟูตระกูลหยางและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในทะเลไม่มีสิ้นสุด . . .
ฉื่อหยานสแยะยิ้มเผยให้เห็นถึงความยินดี“ขอบคุณ , ขอบคุณ”
" พวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ เมื่อข่าวของเจ้าปรากฏอยู่ในเมืองบาดาลกระจายออกไป คนทะเลไม่มีที่สิ้นสุดหาวิธีการจัดการกับเจ้า เจ้าจะถูกคุกคามจากองกำลังเหล่านั้น หลายคนหวาดกลัวเจ้า ดังนั้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าเติบโต และกลายเป็นเช่นเดียวกันกับจักพรรดิ์หยางเทียน " ซูหยานซิงพูดอย่างจริงจัง
" ข้าไปที่เมืองบาดาลใต้ทะเลไม่ได้งั้นรึ ?" ฉื่อหยานไม่สนใจคำแนะนำของนาง และถามด้วยรอยยิ้ม " ข้าต้องไปที่นั่น ถ้าคนเหล่านั้นอยากจะทำอะไรบางอย่างกับข้า ก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามต้องการไป มาดูกันว่าข้าจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ ! "
เขาได้ฝึกฝนอยากหนักในหมอกแม่เหล็กทมิฬเป็นเวลานาน และได้เข้าสู่ระดับนภา นอกจากนี้เขาได้ช่วยเปลวเหมันเืยอกแข็ง จิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ แลแกนเพลิงฟื้นพลังของพวกเขา ถ้าสามรูปแบบชีวิตสามารถหลอมรวมกันได้ และใช้ดาบยักษ์ลึกลับ เขามั่นใจว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้ นอกเสียจากฉาวเชี่ยวเต้าหรือหยางอี้เทียนจะปรากฏตัว
สถานการณ์ตอนนี้ในทะเลไม่มีสิ้นสุดน่ากลัวเป็นอย่างมากในตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าคนอย่างฉาวเชี่ยวเต้า และหยางอี้เทียนจะไปเมืองบาดาลเพื่อฆ่าเขาแน่
ส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนของกู่เฉาหรือยูชิงที่จะมา แต่แน่นอน เขาไม่กลัวพวกเขา
" เจ้าต้องการที่จะไปจริงรึ ?" หน้าซูหยานซิงก็กลายเป็นเย็นชา นางโกรธเล็กน้อยเพราะความดื้อรั้นของเขา“ถ้าเจ้าไปที่นั่น เจ้าจะเปลี่ยนอะไรได้? สถานการณ์ของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมากในตอนนี้ และตระกูลหยางก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ . แล้วทำไมเจ้าต้องการไปที่นั่น ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เพียงเวลาสิบปีเจ้าก็จะอยู่บนจุดสูงสุด เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าค่อยกลับมาที่ทะเลกว้างใหญ่และจัดการพวกเขาก็ได้หนิ ?”
" ข้าตัดสินใจแล้ว " ฉื่อหยานยิ้มจ้องมองนาง " . เจ้าดูเป็นห่วงข้ามากนะ เอ๋ ?
หน้าซูหยานซิงก็แข็งตึง . นางอุทานออกมา" ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้าตายก่อน ถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ บางทีเจ้าอาจจะทำบางอย่างเพื่อทะเลไม่มีที่สิ้นสุดในอนาคตได้ บางทีโอหยางลู่ซวง และเซี่ยจิงโหวจะสามารถฆ่าราชาอสูรและราชาทมิฬได้ และปกป้องทะเลไม่มีที่สิ้นสุดจากการตกอยู่ในมือของพวกชนเผ่าพวกนั้น . "
" ข้าไม่สนว่าทะเลไม่มีสิ้นสุดจะเป็นเช่นไร " ฉื่อหยานกล่าวด้วยเสียงเย็นชา " . บอกข้ามาว่าจะไปเมืองใต้บาดาลได้อย่างไร ?
ซูหยานซิงครุ่นคิดเล็กน้อย นางกัดฟัน และไม่ได้มองเข นางดูเหมือนกำลังโกรธอยู่
ฉื่อหยานสับสน " หญิงสาวคนนี้มีความรู้สึกกับข้ารึ ? " ฉื่อหยานแปลกใจ
หยางซิงนั้นโกรธมาก และสุดท้าย ก็พูดว่า " ตระกูลหยางมีรูปแบบเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อกับเมืองบาดาล มัน อยู่บนเกาะอมตะ ปัจจุบันเกาะอมตะได้กลายที่อยู่ของราชาทมิฬทั้งสาม . ถ้าเจ้าไปที่นั่น เจ้าจะตาย จริงๆเจ้าสามารถดำน้ำในทะเลไปได้ เมืองบาดาลอยู่ต้านใต้ทางขวาของทะเลเคียร่า เจ้าเพียงแค่ต้องไปพื้นที่มหาสมุทรระแวกนั้นเพื่อหามัน ถ้าเจ้าพบมันนั่นก็หมายความว่าเจ้าเจอที่ตายแล้ว ข้าจะไม่แนะนำเจ้าอะไรอีกแล้ว . "
ฉื่อหยาน ก็ไม่ได้โกรธ แต่ยิ้มแทน " ดีจัง ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอเจ้าตอนที่ข้ามาที่นี่ ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็ใจดีเป็นอย่างมาก ถ้าวันหนึ่งข้ากวาดล้างทะเลไม่มีสิ้นสุดหละก็ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า "
" หยิ่งพยอง ! "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ามักจะหยิ่งเช่นนี้อยู่แล้ว ลาก่อน , คนสวย . เจ้าจะรายงานหรือไม่ว่ารายงานข้าเจอกับเจ้าที่นี่ก็ได้นะ ข้าไม่กลัวคนในทะเลไม่มีสิ้นสุดที่จะมาฆ่าข้าหลอก "
" ถ้าข้าเบื่อหละนะ "
" แล้วเจอกัน "
ฉื่อหยานไม่รอช้า เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของนาง แม้ว่าเขาจะไป เขาก็ต้องการชมเชยนางก่อน
ออกมาจากบ้านสามชั้น ฉื่อหยานกลายเป็นพวงแสง บินจากไป
ซูหยานซิงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยของนางส่องประกายสับสน ใบหน้าค่อยๆ กลายเป็นสีแดง
ครึ่งวันต่อมา นางก็ส่ายหัวของนางในขณะที่มือของนางจับแก้มที่ฉื่อหยาน ได้สัมผัส แล้วนางก็พูดว่า " จงมีชีวิตรอดให้ได้หละ ข้ายังติดสินเรื่องของเจ้าไม่ได้ . . . . . . . เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญนัก !
หลังจากออกจากทะเลทมิฬ ฉื่อหยานก็ไปที่ทะเลเคียร่าคนเดียว เมื่อเขาเดินทางมาถึงชายแดนของทะเลเคียร่า เขาก็เห็นกลิ่นอายที่หนาแน่นลอยอยู๋บนท้องฟ้า และใบหน้าของเขาก็กลายเป็นเศร้าหมอง
หลังจากที่เขาได้ดูสักครู่ ร่างของเขาพลันส่องแสง เขาใช้โล่ดารา และโล่แสงทมิฬทครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของเขา จากนั้นเขาก็แอบเข้าไปในทะเล
น้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินสดใส ปลาว่ายน้ำไปมาตลอดเวลา และสาหร่ายก็ส่องแสงสีเขียว โลกใต้น้ำมีสีสันสวยงามและน่าหลงใหล
ขณะที่เขากำลังดำน้ำด้วยทุกวิธร แรงดันของน้ำก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดทับโล่แสงทมิฬของเขา
โล่แสงทมิฬส่องประกายด้วยแสงที่มืดมิดและไม่เปลียนแปลงไปภายใต้แรงดันใต้ทะเล พลังปราณลึกลับจำนวนมากค่อยๆไหลลงไปในม่านโล่แสงทมิฬ ม่านของโล่แสงทมิฬก็ค่อยๆกระจายออกไป ทำให้ให้เขาขยับแขนขา และใช้ร่างกายส่วนต่างๆได้อย่างสบาย
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในทะเล แสงจากดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงสามารถเจาะเข้ามาร่างกายของเขาได้
ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยโล่แสงทมิฬ แต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังดวงดาวที่ไหลเข้ามา . ฉื่อหยานหลับตาแช่จิตใจไปในจิตวิญญานต่อสู้
หลังจากจิตใจของเขาจมลงไป มันเหมือนกับเขาได้เข้าไปยังทะเลแห่งดวงดาวที่ไม่มีสิ้นสุด และค่อยๆลอยอย่างช้าๆในอาณาจักรแห่งดวงดาว ดูเหมือนจะมีดวงดาวมากมายลอยอยู่รอบๆ มันประกายแสงกระพริบและปลดปล่อยพลังแห่งดวงดาวที่เป็นนิรันดร์ออกมา
เขาดูราวกับว่าได้กลายเป็นดวงดาวดวงหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในอาณาจักรดวงดาว เพียงไม่กี่นาที เมื่อเขาตระหนักได้ถึงความลึกลับของทะเลแห่งดวงดาว เขาก็ลืมเรือนร่างกายของตัวเองและปล่อยตัวเองให้จมไปกับอาณาจักรแห่งนี้อย่างสมบูรณ์
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานแห่งดวงดาวนั้นต้องทำอย่างช้าๆและเขาต้องพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะสังเกตมันและฝึกบ่มเพาะ เพื่อที่เขาจะสามารถเข้าใจอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
ที่ระดับนภา เขาจะต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของสวรรค์และแผ่นดินโลก เพื่อที่เขาจะสามารถทะลวงระดับของเขาและเข้าสู่ระดับใหม่
ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เพียงระยะไม่นาน เขาก็เข้าใจความแตกต่างระหว่างนักระดับนภาและระดับรู้แจ้ง ทั้งหมดล้วนต้องใช้ความเข้าใจและการควบคุมแก่นแท้เจตจำนง
ด้วยจิตวิญญานต่อสู้ทั้งสาม จิตวิญญานอมตะ , จิตวิญญานกายาแข็งและจิตวิญญานแห่งดวงดาว ตราบเท่าที่เขาสามารถเข้าใจพวกมันอย่างลึกซึ้งได้แม้เพียงหนึ่งในสาม วิญญาณของเขาจะบรรลุ และเขาก็จะก้าวเข้าสู่ระดับใหม่
ด้วยความเข้าใจนี่ เขาถือว่าการค้นหาแก่นแท้เจตจำนงที่แท้จริงของจิตวิญญานต่อสู้ทั้งสามนี้เป็นเป้าหมายหลักของเขาต่อไป
จากคำพูดของไชอี้ และ คนอื่น ๆที่บอก เขารู้ว่าเพราะจิตวิญญานต่อสู้ของเขาไม่ได้ผ่านการฝึกบ่มเพาะที่ยากทำบาก มันจึงยากสำหรับเขาเที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของแก่นแท้เจตจำนงเมื่อเทียบกับคนทั่วไป
นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่กล้าที่จะขี้เกียจ เมื่อใดก็ตามที่เขามีเวลาว่าง เขาจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับความลึกลับของแก่นแท้เจตจำนง
ตั้งแต่เขากลับมาจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เขาศึกษาจิตวิญญาณอมตะมากขึ้นและมักจะใช้เครื่องมือที่คมตัดนิ้วมือของเขา ใช้ความคิดของเขาจมลงไปยังบาดแผลที่กำลังฟื้นฟู เพื่อทำความเข้าใจจิตวิญญาณอมตะและเข้าใจความลึกลับของมัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขามีความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญานอมตะไม่มากนัก เขาจึงเข้าใจได้ไม่มาก และดูเหมือนจะยากเป็นอย่างมากที่เข้าจะเข้าใจแก่นแท้ของมัน
เขาจะไม่รู้ว่าพลังของโลหิตอมตะทำสิ่งใดได้บ้าง คราวนี้ เมื่อเขากลับมาที่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเขาต้องหาผู้อาวุโสของตระกูลหยาง วัตถุประสงค์หลักของเขาคือการถามเกี่ยวกับความลึกลับที่แท้จริงของจิตวิญญานอมตะ
ตั้งแต่เขากลับมาที่ทะเลกว้างใหญ่ จักพรรดิ์หยางเทียนดูเหมือนจะเป็นคนเดียวสามารถแก้ความกังวลนี้ของเขาได้ และก็สามารถช่วยเขาได้เยอะ
ด้วยโอกาสเช่นนี้นี้ เขารู้สึกว่า เขาควรจะอยู่กับคนในตระกูลหย่าง สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยเหลือตระกูล นอกจากนี้ เขายังชื่นชม จักพรรดิ์หยางเทียนมานาน แต่ไม่เคยเห็นเขากับตามาก่อน ซึ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสียใจ
เขารู้ว่าเขาต้องการพบจักพรรดิหยางเทียนเพื่อถามเขาเกี่ยวกับพลังของโลหิตอมตะ
จมลึกเทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานอมตะในโล่แสงทมิฬ เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใดแล้วและเขาก็ยังคงจมลงไปในทะเลอย่างช้าๆ
ฉื่อหยานก็ตื่นขึ้นมา
ภายในโล่แสงทมิฬ เขาเปิดตาและขมวดคิ้ว . เขาจ้องมองประหลาดใจก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไป
กลุ่มของเผ่าพันธ์ที่เขาเห็นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ครึ่งบนเป็นมนุษย์และครึ่งล่างเป็นงู ในมือถือสามง้ามและคาด
มีหญิงสาวเป็นผู้นำ นร่างกายของนางขยับอย่างสง่างาม เปิดเผยให้เห็นส่วนโค้งที่น่าหลงใหล ดวงตาของนางเป็นสีเขียวมรกต และใบหน้าละเอียดอ่อน ร่างกายส่วนล่างของนางเป็นหางงูสีเทากับลายวงกลมที่เป็นสีฟ้า นางกำลังแกว่งหางของนางไปมาด้านข้างด้วยความเร็วที่รวดเร็ว ซึ่งทำให้นางดูเหมือนพวงแสงสีเขียวลอยไปมาในทะเล
ผู้ชายเผ่าพันธ์ประหลาดห้าคนด้วยร่างที่เหมือนงู พวกเขาอยู่ข้างหลังนาง พวกเขาเป็นนักรบที่รู้วิธีการใช้พลังของกลิ่นอายธรรมชาติ พวกเขาทั้งหมดมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับปฐพี ถือสามง้ามและคาด พร้อมกับดวงตาที่ดูโหดเหี้ยม
เผ่าเงือก !
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ