บทที่ 431 อิทธิพลของฉื่อหยาน
บทที่ 431 อิทธิพลของฉื่อหยาน
ดวงตาทั้งสี่ดวงก็จ้องกัน และทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
บรรยากาศก็ดูเหมือนจะแปลกประหลาด
" เจ้าเป็นหญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่ดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์ไม่ล่มสลาย เจ้ายังคงสามารถรักษาตำแหน่งสูที่งส่งและได้รับการบูชาจากคนเหล่านี้ " ฉื่อหยานคิดสักพักแล้วกล่าวอย่างใจเย็น " เหตุผลที่ข้ามาที่นี่อยู่ตรงหน้าเจ้าเช่นนี้ ก็เพราะข้าแน่ใจว่าเจ้าไม่ได้ใจแคบ และบางทีเจ้าอาจจะสามารถบอกข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลไม่มีสิ้นสุดได้ "
" เจ้าต้องการจะรู้อะไร ?" ซูหยานซิงขมวดคิ้ว แล้วถาม
" ข้ารู้แค่ว่าทะเลเหิงลั่วแลทะเลเคียร่าเป็นที่อยู๋ของเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ แต่ข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพรรคสามเทพ ตระกูลกู่ และตระกูลตงฟาง ข้าสงสัยว่าทั้งสามกองกำลัง ทำอะไรอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากเผ่าอสูรได้ครอบครองทะเลเหิงลั่วไป พวกเขาอย่างเห็นได้ชัดว่าต้องการสถานที่ฝึกฝน "
" ตระกูลตงฟาง ได้อาศัยอยู่ในทะลทมิฬชั่วคราว ส่วนตระกูลกู่ไปยังทะเลตูต้าเพื่อพึ่งพาตระกูลฉาว . ส่วนพรรคสามเทพ . . . . . . . "
ซูหยานซิงลังเลเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า " พรรคสามเทพสาวกไม่ได้อยู่ในทะเลไม่มีสิ้นสุด ตามการคาดการณ์ของเรา พวกเขาอาจจะซ่อนอยู่ที่ก้นทะเลและสังเกตสถานการณ์อย่างสุขุมรอบคอบ รอเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬและเราตาย ถึงตอนนั้นพวกเขาคงจะออกมาจากก้นทะเล”
" บอกข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา "
ซูหยานซิงค่อยๆ พยักหน้า และบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นางรู้
ฉื่อหยาน ได้อยู่ในที่หมอกแม่เหล็กพิษเป็นเวลาหนึ่งปี ทำให้เขาเสียการเชื่อมต่อกับทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่แห่งนี้
เมื่อหนึ่งปีก่อน ไม่นานหลังจากที่เขาได้จากทะเลไม่มีสิ้นสุดไป ประตูสวรรค์ที่อยู่ในทะเลเคียร่าได้เปิดออก ในขณะเดียวกัน ,สะพานวิญญานก็ได้ขยายมายังทะเลเคียร่า
ร่างจริงของราชาอสูรโปวชุน ปรากฏในในทะเลเคียร่า พวกเขายังนำนักรบยอดฝีมือนับพันบุกเข้าไปมา ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ เผ่าอสูรได้บุกไปยังทะเลเหิงลั่วและหวาดล้างทุกสิ่งอย่าง
ในระหว่างนี้โอหยางลู่ซวงของะรคสามเทพ ด้วยความสามารถของนาง นางได้ใช้จิตวิญญานจันทราดูดซับพลังแห่งดวงจันทร์ที่สั่งสมมานับพันปีสู้กับโปวชุนหลังการต่อสู้ผ่านไปครึ่งวัน นางไม่อาจต้านทานราชาอสูรได้อีกต่อไป นางก็พ่ายแพ้
นั่นคือเหตุผลที่พรรคสามเทพถอนตัวออกจากทะเลเหิงลั่ว พวกเขาส่วนหนึ่งได้ไปหลบซ่อนอยู่ที่ก้นทะเล ขณะที่อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเหนือทะเลอีกเลย
แม้แต่โอหยางลู่ซวงกยังพ่ายแพ้ กู่ฉาว และ ตงฟางจื้อสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของเผ่าอสูรได้ และได้แบ่งกองกำลังของพวกเขาออกไปยังทะเลตูต้าและทะเลทมิฬ
พลเรือนจำนวนมากกลายเป็นเครื่องสังเวย พวกเขาถูกตัดหัวอย่างอนาถโดยเผ่าอสูร . ศพของพวกเขากระจายอยู่ทุกที่
ฉาวเชี่ยวเต้าและหยางอี้เทียนต้องออกมาปกป้องทะเลทมิฬและทะเลตูต้า พวกเขารวบรวมกองกำลังในทะเลไม่มีสิ้นสุด เพื่อรับมือกับการรุกรานของเผ่าอสูร .
โอหยางลู่ซวง มักปรากฏบ่อยๆในช่วงนี้ ความสามารถในการต่อสู้ของนางก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และพลังของนางก็ยิ่งน่ากลัว ความแข็งแกร่งของนางเทียบได้กับฉาวเชี่ยวเต้าและหยางอี้เทียน
ใน ทะเลตูต้า ขณะที่เผ่าอสูรกำลังเตรียมการรุกราน , กลุ่มของเผ่าอสูรก็ถูกตัดหัวอย่างลึกลับ
หลังจากนั้นเผ่าอสูรก็ส่งปรมจารย์อสูร หม่าฉีเจี่ย เพื่อทำการตรวจสอบ พื้นที่นิกายซากศพในทะเลตูต้า หมาฉีเจี่ยได้รับบาดเจ็บและเกือบจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป
โปวชุนกำลังโกรธ ก็มุ่งไปยังที่นั่น ไปพื้นที่ของนิกายซากศพคนเดียวเพื่อแก้แค้น
ในนิกายซากศพ ศพของราชายักษ์สองหมื่นปีด้วยความเชี่ยวชาญในการใช้พลังธาตุทั้งห้าของสวรรค์และแผ่นดินโลก จึงจัดการกับโปวชุนได้ ทำให้เขากลับไปโดยไม่ได้อะไรเลย ภายใต้การครอบคลุมจากตาข่ายนภาห้าธาตุ นิกายซากศพจึงปลอดภัย และแม้แต่โปวชุนชุนเองวิญญานก็แทบหลุดออกจากร่าง
หลังจากสงครามนี้ นิกายซากศพได้ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าชิงหมิงจะเป็นประมุขของนิกายซากศพเขากลับไม่ได้มีส่วนร่วมในที่สงครามที่สั่นสะเทือนนี้
หลังจากสงครามนี้ นิกายซากศพเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง สองศพราชันย์หลุดออกจากการควบคุมขิงชิงหมิงและกลายเป็นประมุขของนิกายที่แท้จริง ทาสศพที่ถูกกักขังในตอนแรกกลายเป็นสาวกเสาหลักของนิกายซากศพ และสาวกของเดิมก็กลายเป็นทาสของศพเหล่านี้
สองศพราชันย์ได้ก่อกบฏ และเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของนิกายซากศพ ศพราชันย์และเหล่าทาสศพกลายเป็นเจ้านายของพวกชิงหมิง
ศพราชันย์มีภูมิปัญญาเก่าแก่นับหมื่นปี และตอนนี้ก็ได้ปกครองนิกายซากศพ ทำให้นิกายแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
แม้ราชาอสูรโปวชุน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ด้วยความร่วมมือกันของสองศพราชันย์ นี้ทำให้นักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุดได้รู้ถึงพลังของศพราชันย์เป็นครั้งแรก
ตระกูลเซียตกต่ำลง ; ประมุขเก่าของตระกูงเซี่ยจิงโฮวได้ละทิ้งชีวิตที่เงียบเหงาของเขาไปยังพื้นที่ทะเลสวรรค์และต่อสู้กับเผ่าทมิฬที่ชายแดนทะเลเคียร่า
สามราชาทมิฬ ของดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้นได้สู้กับเซี่ยจิงโหว แต่ไม่สามารถฆ่าเขาได้
เซี่ยจิงโหวจึงกลายเป็นโด่งดังหลังจากการต่อสู้นี้ เขารวบรวมเหล่าคนจากตระกูลเซี่ย แล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้งในพื้นที่ทะเลสวรรค์ สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่บนภูเขาอสูรสวรรค์ . หลังจากสงครามนี้ ทุกคนก็ตระหนักว่าเวี่ยจิงโหวได้เข้าเข้าสู่นภาที่สองระดับพระเจ้า การบ่มเพาะของเขานั้นลึกซึ้งเป็นอย่างมาก แม้แต่หยางอี้เทียน ก็ยอมรับว่า ความสามารถทางด้านวิญญานของเขาไม่อาจเทียบได้กับเซี่ยจิงโหว
และตระกูลเซี่ยก็เริ่มรุ่งเรืองอีกครั้งและเจิดจ้ายิ่งกว่าที่เคย
หยางอี้เทียนที่อยู่ในพื้นที่ทะเลสวรรค์ได้รับรู้พลังของเซียจิงฮัว ก็มองพื้นที่ในทะเลให้เขาปกครองและพานักรบระดับสูงต่อสู้กับสามราชาทมิฬที่ทะเลเคียร่า
ศพราชันย์ในทะเลตูต้า โอวหยางลู่ซวงของพรรคสามเทพ และเซี่ยจิงโหวพวกเขาทำให้ทะเลไม่มีสิ้นสุดกลายเป็นตื่นตัว เหล่ายอดฝีมือทั้งสี่ได้ปรากฏ และทำลายแผนการของเผ่าอสูร และเผ่าทมิฬ นอกจากนี้ ฉาวเชี่ยวเต้าและหยางอี้เทียนยังติดต่อและรวบรวมกองกำลังต่อต้านและปราบปรามเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬอย่างต่อเนื่อง
เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬถูกตามล่าและกวาดล้างเพียงเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นยอดฝีมือสี่คนที่น่ากลัวปรากฏตัว พวกมันจึงต้องพิจารณาและทำสิ่งต่างๆอย่างรอบคอบ และไม่กล้าที่จะทำตามแผนการของพวกเขาโดยไม่ไตร่ตรอง พวกมันค่อยๆบุกทะเลทั้งสามอย่างช้าๆ
ปีที่ผ่านมา สองราชาอสูรและ สามราชาทมิฬได้สู้กับฉาวเชี่ยวเต้า หยางอี้เทียน ศพราชันย์ โอหยางลู่ซวง และเซี่ยจิงโหว แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำอะรได้ ด้วยการร่วมมือกันของยอดฝีมือเหล่านี้ พวกมันทั้งหมดได้รับบาดเจ็บหลายครั้งและเริ่มอ่อนแอลง
หลังจากนั้น เหล่านักรบระดับต่ำก็เริ่มลุกขึ้นสู้ ตอนนี้สงครามๆเล็กได้เกิดขึ้นทุกสามวัน และสงครามใหญ่เกิดขึ้นทุกๆ 7 วัน
ปีต่อมาภายใต้การรีบมือของฉาวเชี่ยวเต้าและหยางอี้เทียน เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬยังไม่สามารถพิชิตทะเลไม่มีที่สิ้นสุดได้ ทั้งสองฝ่ายค่อยๆตกลงไปในสงครามที่แข่งขันด้านกันด้านทรัพยากรและกำลังคน
ซูหยานซิงนั่งบนเก้าอี้ของนาง จิบชาเขียว แล้วกล่าวว่า " ปีที่ผ่านมาพวกชาวเผ่าได้ต่อสู้กับเราตลอดเวลา สิ่งที่ข้าบอกเจ้าคือเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากสิ่งเหล่านี้ ก็มีแต่เรื่องเล็กๆๆ และคิดว่าเจ้าคงไม่สนใจ เช่นนั้นข้าขอไม่พูด "
" ศพราชันย์ โอหยางลู่ซวง เชี่ยจิงโหว . . . . . . . " ฉื่อหยานพึมพำ เผยให้เห็นใบหน้าที่แปลก และส่งยิ้มให้
จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า คนพวกนั้นต่างก็มีความสัมพันธ์กับเขา
ถ้ามันไม่ใช่เพราะผนึกแห่งชวีิตของเขาที่ใช้กับศพราชันย์ พวกเขาก็คงยังไม่มีจิตสำนึกและสติปัญญาที่จะหักหลังชิงหมิงหรือต่อต้านราชาอสูรโปวชุนและขึ้นปกครองนิกายซากศพ ทำให้เหล่าทาสศพกลายเป็นสาวกหลัก
อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกับศพราชันย์
ส่วน โอหยางลู่ซวง ก็เช่นเดียวกัน
ปีนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีมรดกแห่งดวงดาวและไปทกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของอุกกาบาต , โอหยางลู่ซวง ก็คงยังไม่ได้ออกมาจากในอุกกาบาต
เพราะการปรากฏตัวของเขา โอหยางลู่ซวง จึงตื่นขึ้นมาเร็วยิ่งขึ้นจากนั้นนางก็เข้าไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นนักรบของของพรรคสามเทพ
กรณีของเซียจิงโหวก็เช่นกัน
ฉื่อหยานรู้ว่าเหตุผลที่เซี่ยจิงโหวสามารถฟื้นสภาพได้เร็ว เป็นเพราะเขาได้ประโยชน์จากเม็ดยาเส้นเลือดจิตวิญญาน ของเยว่จางเฟิง เยว่จางเฟิงบอกว่าเซี่ยจิงโหวได้เดินทางมาถึงหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ และติดอยู่ภายในเป็นเวลาหลายปี นั่นเป็นเหตุผลที่วิญญานของเขาได้รับความเสียหาย
หลังจากได้ดูดซับเม็ดยาเส้นเลือดจิตวิญญานเสร็จสิ้น เขาก็ค่อยๆฟื้นคืนและหลอมรวมวิญญานที่ปั่นป่วนของจิตวิญญานจุติ นี่ทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้นเข้าสู่นภาที่สองระดับพระเจ้าและได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้ลึกลับที่สืบทอดมาจากชาติก่อน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับราชาทมิฬทั้งสาม
ศพราชันย์ โอหยางลู่ซวง และเซี่ยจิง โหว . . . . . . .
ฉื่อหยานยิ้มจนเห็นฟัน ด้วยใบหน้าเบิกบานของเขา
กว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในทะเลกว้างใหญ่ ทั้งโดยเจตนาและความบังเอิย เขากลับทำให้ทั้งสามคนแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาสามารถแทนที่เขาและมีส่วนรวมในการรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทะเลไม่มีสิ้นสุก
ด้วยความรู้สึกภูมิใจ อย่างเงียบๆเขาก็แอบหัวเราะ การกระทำของเขามีผลต่อสถานการณ์ของทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ตาม
" หัวเราะอะไรของเจ้า ? " ซูหยานซิงก็ประหลาดใจ
" ไม่มีอะไร " ฉื่อหยานส่ายหัว ลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดต่อ " เจ้าได้ข่าวของตระกูลหยางบ้างหรือไม่ ?มีคนจากตระกูลหยางปรากฏตัวบ้างหรือไม่ตลอดปีที่ผ่านมา ?
" ตระกูลหยางส่วนหนึ่งสมควรอยู่ที่ก้นทะเล ในครั้งนี้ เราได้รับข่าวว่าหยางมู่ และสหายของเขาที่เข้าไปในหุบเหวสนามรบด้วยกันได้ปรากฏตัวที่เมืองบาดาล อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในทะเลกว้างใหญ่นั้นน่าหวาดกลัว จึงไม่มีใครอยากไปหาพวกเขาเพื่อสร้างปัญหามากขึ้น เท่าที่เราเห็น หยางมู่ และคนอื่น ๆสมควรจะออกมาจากหุบเหวสนามรบมาได้แล้ว และอยู่เมืองบาดาล " ซูหยานซิงกล่าว
" เมืองบาดาล ? " ฉื่อหยานดูแปลกใจ
" ใช่ เมืองบาดาลในมหาสมุทรจะถูกเปิดโดยเผ่าทะเล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากับมนุษย์ แม้ว่าทรัพยาในก้นทะเลจะมีมากมาย แต่ทรัพยากรบางอย่างก็ทีเพียงบนพื้นดินเท่านั้น เผ่าทะเลได้เปิดเมืองบาดาลเพื่อให้นักรบบนพื้นผิว สามารถแลกเปลี่ยนทรัพยาบนพื้นดินกับทรัพยาในทะเลกับพวกเขาได้ " .
" หยางมู่ปรากฏตัวที่เมืองบาดาลจริงๆรึ ? " ฉื่อหยานพึมพำขณะที่สายตาของเขาพลันสว่างขึ้น
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ