บทที่ 429 เผ่าทมิฬ
บทที่ 429 เผ่าทมิฬ
เมฆดำปกคลุมเต็มท้องฟ้า แสงแดดไม่สามารถทะลุส่องลงบนเกาะเมฆาวายุได้ เกาะที่อบอุ่นกลายเป็นเศร้าหมอง และหนาวเย็นขึ้นมาทันที
เมฆดำค่อยๆลงมาเหนือป่าบนเกาะ ลม เมฆ และกลิ่นอายที่มืดมนปกคลุมไปทั่วทุกที่
ฉื่อหยานขมวดคิ้วขณะมองไปที่กลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้า หัวใจของเขก็าปั่นป่วน เขาแอบปกปิดร่องรอยของตัวเองและลมหายใจ
ตาที่สามในวิญญานหลักของเขาที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขาก็เปิดออก ปลดปล่อยพลังวิญญาณเพื่อป้องกันการตรวจพบจากจิตสำนึกวิญญานหรือพลังวิญญานที่เข้ามาใกล้กับเขา
ซ่อนอยู่ในต้นไม้โบราณเงียบๆ เขามองผ่านช่องว่างเล็ก ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสามร่างก็ปรากฏโผล่จากเมฆดำ
หนึ่งในนั้นคือชายชราผมสีเทา คนที่สองเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นก็ปรากฏ แต่จิตใจภายในดูชั่วร้าย สุดท้ายคือ อีชู่ปีจากเผ่าเสียงอสูร
พวกเขาทั้งสามคนออกมาจากเมฆสีดำและยืนอยู่ในป่าด้วยสีหน้าสงบ ในขณะที่พูดกันด้วยเสียงเบาๆ
มองพวกเขาจากที่ไกลๆ ฉื่อหยานก็รู้สึกว่าร่างของผู้ชายสองคนนั้นมีอากาศหนาวเย็นไหลออกมา พร้อมกับพลังวิญญานที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ . มันชัดเจนว่าพวกเขาเชี่ยวชาญการใช้พลังวิญญาน
เผ่าทมิฬ !
อย่างรวดเร็ว เขาก็สามารถยืนยันตัวตนของผู้ชาย 2 คน ได้ในความมืดมน ร่างกายของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์และเผ่าอสูร สภาพทางร่างกายพวกเขาส่วนมากเต็มไปด้วยพลังหยินที่หนาวเย็น พวกเขาไม่ชื่นชอบการฝึกฝนทางร่างกาย พวกเขากลับใช้เวลาทั้งชีวิตฝึกบ่มเพาะทางวิญญาแนทน เผ่าทมิฬนั้นมีร่างกายอ่อนแอ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูอ่อนแอ พลังวิญญานของพวกเขากลับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
สัมพัสวิญญาณของชายสองคนนั้นเป็นเหมือนกับอีชูปี เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำบางอย่าง
หนุ่มหล่อพูดบางอย่างกับอีชูปี ซึ่งดูเหมือนเขาพยายามจะทำให้นางร่าเริงขึ้น อย่างไรก็ตาม อีชูปีกลับมีใบหน้าเฉยเมย ในขณะที่นางตอบสนองกับเขาพอเป็นพิธี .
ชายชราที่ดูเหมือนจะระมัดระวังก็ปกป้องชายหนุ่ม เขาปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาเพื่อตรวจสอบและป้องกันคนไม่ให้คนแปลกหน้ามาใกล้ๆ
" ชูปีเม่ย ถ้าเราเจอหยกหยินคริสตัลคราวนี้ พ่อของข้าจะกลั่นเม็ดยาหยินทมิฬให้ มันสามารถช่วยขยายห้วงจิตสำนึกของเจ้าได้เป็นสองเท่าและเจ้าก็จะเข้าสู่นภาที่สองระดับนภา วิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหนึ่งขั้น . . . " ชายหนุ่มยิ้มและพูดด้วยใบหน้าที่ปรารถนา“การกลั่นเม็ดยาหยินทมิฬนั้นยากเป็นอย่างมาก ด้วยเม็ดยานี่ข้าหวังว่าจะได้รับการโปรดปรานจากพ่อของเจ้า เผ่าเสียงอสูรเป็นสาขาหลักของเผ่าทมิฬ หลังจากบุกเข้ามายังทะเลและแบ่งปันทรัพยากรแที่หายากจากทะเลเคียร่า เผ่าทมิฬกำลังเห็นได้ชัเลยว่าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พ่อของเจ้าเป็นผู้นำรุ่นที่สามของเผ่าอสูร และนี่เขาจะต้องได้รับผลประโยชน์มากมายในอนาคตแน่นอน”
อีชูปี มองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
" อีชูปีเม่ย เจ้าบอกว่าข้าอ่อนแอไปใช่หรือไม่ ? นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงไม่เห็นด้วยกับงานแต่งของเรา ? "ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างช่วยไม่ได้ " ข้าไม่คู่ควรกับเจ้ารึ ? เจ้าก็รู้ว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอดหนึ่งปี สิ่งที่ข้าทำมันยังไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกรึ ?
" มันไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ดีพอ มันเพียงแค่ว่าข้าไม่ได้ชอบเจ้าเท่านั้นเอง " อีชูปีก็พูด " ข้าจำได้ว่าก่อนที่เจ้าจะเจอข้า เจ้ามีความสัมพันธ์มากมายกับผู้หญิงงาม เจ้าไม่เคยขาดผู้หญิง แล้วทำไมเจ้าถึงมาสนใจข้ากัน ?
" เจ้าแตกต่างจากหญิงสาวนางอื่น . . . " ชายหนุ่มยกมือและพูด " ก่อนที่จะเจอเจ้า ผู้หญิงอื่นเป็นแค่การละเล่น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่หลังจากเจอเจ้า ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะเจ้า ข้าถึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้หญิงเหล่านั้นเพื่อให้เจ้าสนใจข้า มันไม่เพียงพอสำหรับเจ้าอีกรึ ? "
อีชูปียังคงสั่นศีรษะของนางด้วยสีหน้าเย็ฯชา
ชายหนุ่มที่จะยังคงพูดด้วยสีหน้าที่เที่ยงตรงและน้ำเสียงที่จริงใจ ดูเหมือนว่าเขากำลังเปิดเผยความรู้สึกในหัวใจกับนาง
ภายในป่า ฉื่อหยานกระแอมเสียงเย็นชามองพวกเขาและเยาะเย้ยจากในจิตใจของเขา
หลังจากผ่านมาหนึ่งปี คนจากเผ่าเสียงอสูรได้สนิทสนมกับเผ่าทมิฬ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเผ่าพันธุ์ของพวกเขารวมกัน พวกเขาก็สนิทกันมากยิ่งขึ้น
ความจริงที่ว่าชายหนุ่มได้ตามตื้ออีชูปี น่าจะเป็นเพราะตำแหน่งและสถานะของอี้เทียนโหม่ว เขาต้องการที่จะแสวงหาพันธะการแต่งงานกับอีชูปีเพื่อผูกตัวเองกับเผ่าเสียงอสูร หลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่อีเทียนโหม่วจะมีเจตนาชั่วร้าย
มองอีชูปีที่เดินเรียบไปตามป่าด้วยลักษณะที่สง่างาม ฉื่อหยานดวงตาก็ค่อยๆสงบลง
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเจออีชูปีครั้งแรก ในดินที่ถูกทอดทิ้ง หญิงสาวคนนี้ใช้ประโยชน์จาพลังวิญญานที่แข็งแกร่งของนางควบคุมวิญญานของเขาโดยตรง นางควบคุมและพาเขาไปยังเมือของเผ่าเสียงอสูร . เขาและผู้หญิงคนนี้ยังล่าสัตว์อสูรเสียงในหุบเขาด้วยกัน ดังนั้นบางทีพวกเขามีชะตาร่วมกันก็ได้ในเวลานั้น
แต่เวลานั้นได้ผ่านมานานแล้ว เผ่าเสียงอสูรออกมาจากหุบเหวสนามรบ และทำการติดต่อกับเผ่าทมิฬ นี้คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหวังของเขา
คำสาบานของผู้นำทั้งสามนั้นยังคงดังอยู่ในหูของเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับให้เข้าร่วมมือกับเผ่าทมิฬ
แม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดว่าอีเทียนโหมวและผู้นำอีกสองจะเคารำเขาอย่างซื่อสัตว์ แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เขารู้ว่ากลุ่มของอีเทียนโหมวนั้นจำเป็นต้องทำ .
เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬนั้นโหดร้ายเกินไป และเหล่านักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุดเองก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับพวกเขา อีกทั้งพวกเขาต้องตัดสินใจเพื่อเผ่าของตน จึงได้ตกลงเป็นมิตรกับเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ แม้ว่า อีเทียนโหมว และตี่ฮานจะมีระดับการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับราชาอสูรและราชาทมิฬ
สถานการณ์ของพวกเขาเองก็เลวร้ายไม่แพ้กับคนอื่น พวกเขาต้องก้มหัวเพื่อเผ่าพันธ์ของตัวเองในอนาคต พวกเขาต้องยอม และสุดท้ายก็ติดตามเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ
ฉื่อหยาน ไม่แปลกใจ
ถ้าเขามีอำนาจพอที่จะจัดการราชาอสูรและปกป้องเพื่อเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกได้ บางที กลุ่มของตี่ฉานคงจะไม่หักหลังเขาและอาจจะยังคงติดตามเขาในฐานะนายท่าน
แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าเขามีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะรวดเร็วมากก็ตาม เขาก็ไม่สามารถจะเทียบกับราชาอสูรที่ฝึกบ่มเพาะมาเป้นเวลานับร้อยปีได้ ตอนนั้นต่อให้เขาใช้พลังของจิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เปลวเหมันเยือกแข็ง และแกนเพลิง และหลอมรวมพลังของทั้งสามเข้าด้วยกัน เขาก็สามารถรับมือได้เพียงแค่หนึ่งในปรมจารย์อสูรเท่านั้น แทบจะไม่สามารถเทียบได้กับราชาอสูรเลย
แม้แต่ตอนนี้ ถ้าเขาต้องสู้กับโปวชุนและชิหยาน เขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน และเป็นไปได้ยากที่เขาจะหนีรอด
ก่อนหน้านี้ ชิหยานได้ยืมร่างของเสี่ยวฮานยี่ แต่เพียงแค่นีพลังของเขากํ็สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ ตอนนั้น เขาได้อาศัยเยว่จางเฟิงในการช่วยหลบหนี เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยและต้องสูญเสียหลายสิ่งมากมายไป
ตอนนี้ เขาได้เข้าสู่ระดับนภาและสิ่งมีชีวิตทั้งสามเองก็ได้แข็งแกร่งขึ้น ถ้าพวกมีนสามารถผสานเข้าด้วยกัน เขาเองก้ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสู้กับชิหยานได้หรือไม่
เขาไม่มั่นใจเลย
ชายชราที่ตามชายหนุ่มสมควรเป็นนักรบขจากเผ่าทมิฬ ความผันผวนของจิตสำนึกวิญญานของเขาเป็นเหมือนกับลมพายุที่รุนแรง ใบไม้ในป่าหนาแน่นทั้งหมดส่ายขึ้นเมื่อถูกจิตสำนึกวิญญานนี่ลอยผ่าน วิญญานที่รุนแรงนี้เป็นเหมือนกับคมมีดถูกเหวี่ยงออกไป คนที่ปลดปล่อยมันออกมาจะต้องอยู่ในระดับพระเจ้า
เผ่าทมิฬมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญานลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
ฉื่อหยานทันทีก็กลั้นหายใจและซ่อนจิตสำนึกของเขาโดยไใช้พลัง เขามองทั้งสามคนจากเผ่าทมิฬที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ดูเหมือนอีชูปี และอีกสองคนมาที่นี่เพื่อค้นหาทรัพยากรบ่มเพาะบางอย่าง หลังจากเดินรอบเกาะเมฆาวายุสักพัก พวกเขาก็เบื่อ และกลับไปยังเมฆสีดำอีกครั้ง
เค้าไม่รู้ว่าพวกเขาสามคนเก็บเกี่ยวสิ่งใดได้บ้าง ที่จริงแล้ว เขาไม่สนใจเรื่องนั้น หลังจากอยู่บนเกาะเมฆาวายุสักพัก เขาก็ลังเลเล็กน้อย แล้วก็ไปบินไปยังทะเลทมิฬ
เกาะเมฆหมึกดำ.
บนเกาะเล็กๆนี้ มีหินสีดําสนิทมากมายในทะเลทมิฬ เกาะนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น นักรบที่มีระดับแตกต่างกันออกไปเดินทางมาทัี่นี่ รูปแบบแปลกๆที่ขึ้นทั่วเกาะมากมายนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุกรานของเหล่าเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ
แม้กระทั่งก่อนที่จะเข้ามาใกล้ ฉื่อหยานก็ยังเห็นเงาคนมากมายอยู่บนเกาะ
เกาะนี้เป็นเกาะของดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์และนักรบส่วนใหญ่บนเกาะก็เป็นคนของดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์ เกาะนี้อยู่ห่างจากเกาะเมฆาวายุมากกว่าพันลี้ เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬมาที่นี่ไม่บ่อยนัก
เมื่อฉื่อหยานมาถึงรอบนอกของเกาะ นักรบระดับหายนะก็เดินเข้ามาหาเขาและถามถึงตัวตนของเขา
เมื่อเขาตระหนักว่า ฉื่อหยาน เป็นนักรบมนุษย์ เขาก็ไม่หยุดฉื่อหยานและดำเนินการขั้นตอนปกติ
หลังจากฉื่อหยานตอบไปว่า เขาเป็นนักรบพเนจร เขาก็ได้รับอณุญาตให้เข้าไปในเกาะทันที หลังจากลงบนเกาะ ฉื่อหยานก็หินจิตวิญญานขนาดกลางออกมาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์บนเกาะ
เกาะเมฆหมึกดำเป็นของดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีพลเรือนอยู่บนเกาะเท่าใดนัก มีเพียงนักรบที่มีระดับการบ่มเพาะต้ำประมาณร้อยคนประจำการอยู่เท่านั้น . หน้าที่ของพวกเขาคือการสังเกตุทะเลที่อยู่ใกล้ๆอย่างสม่ำเสมอและเก็บเกี่ยวข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬอยู่ . เกาะเมฆหมึกดำอยู่ภายใต้การปกครองของนักรบนภาที่สองระดับรู้แจ้งจากดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์
ในศูนย์กลางของเกาะ มีเส้นทางมากมายที่เชื่อมต่อโดยตรงไปยังกองบัญชาการของดินแดนทะเลสาบเทวาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อนักรบบนเกาะพบเจอเผ่าทมิฬหรือเผ่าอสูร พวกเขาจะไปยังเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังเกาะหลักทันที หลังจากกลับไป พวกเขาก็จะกลับมาเกาะอีกครั้งและสอดแนมทะเลใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ,เพื้อเก็บรวบรวมข้อมูลให้ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์
" ฮ่าๆ หญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์ของเราจะมาเยือนเกาะนี้ เจ้าเคยเห็นหญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
คนที่ฉื่อหยานให้หินวิญญาณก็ยิ้มบางๆ " ถึงแม้ว่าหญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์ของเราจะดูหน้าตาธรรมดา แต่จริงๆแล้วนางนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ยังไงก็ตาม นางมักจะสวมหน้ากาก จึงไม่มีใครได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง ร่างกายของหญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์เราก็งดงาม และพูดได้เลยว่ายอดเยี่ยม ถ้าเจ้าให้หินจิตวิญญานแก่ข้าอีกสักก้อน ข้าจะให้เจ้ามาอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของเกาะที่ๆหญิงพรมจาศักดิ์สิทธิ์ของเราใช้ชีวิตอยู่ บางทีเจ้าอาจจะโชคดีได้พบนาง "
ฉื่อหยานยิ้มและส่ายหัวของเขา " . ลืมเรื่องนั้นเสีย ถ้ามันไม่ใช่ว่าจะนางรูปลักษณ์ที่แท้จริง , มันจะดีกว่าถ้าไม่เจอนางเลย "
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ