บทที่ 417 การเปลี่ยนแปลงที่น่าสะพรึงกลัวของบึง
บทที่ 417 การเปลี่ยนแปลงที่น่าสะพรึงกลัวของบึง
ในหนองน้ำ ฉื่อหยานได้กลืนกินภูติผีทั้งหมดไป แต่สัปประหลาดต้นหวายยังต่อสู้อยู่กับนักรบคนอื่นๆในบึง , สัปประหลาดต้นหวายไม่ได้น่ากลัวเท่าใดนัก หลังจากการคุกคามของเหล่าภูติผีหายไป นักรบเริ่มแบ่งแยกกันออกไปโจมตีเหล่าต้นหวาย ,
เมื่อใดก็ตามที่สัปประหลาดต้นหวายตนหนึ่งตาย เลือดของมันก็จะไหลลงไปยังบึง
เลือดจากสัปประหลาดต้นหวายเหล่านี้เป็นสีแดงเข้ม และอบอุ่น ให้ความรู้สึกแปลก ๆ
ฉื่อหยานอย่างรวดเร็วก็เข้าว่า สัปประหลาดต้นหวายเหล่านี้ได้ดูด เลือดมนุษย์เป็นอาหาร ดังนั้น เลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของพวกมันย่อมไม่ใช่เลือดของมันแน่นอน แต่เป็นสิ่งที่พวกมันได้ดูดจากนักรบมนุษย์
เมื่อสัปประหลาดต้นหวายถูกฆ่าเลือดก็ไหลหนองบึงน้ำ
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และเวลาก็ผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากภูติผีได้หายไป แสงสว่างภายในบึงจึงกลายเป็นมืดมนลง ; มันมีเพียงแค่ลมสีเขียวปรากฏเป็นแสงสว่างเท่านั้นทำให้เหล่าผู้คนรู้สึกเศร้า
เมื่อสัปประหลาดต้นหวายตายหายไป บรรยากาศภายในบึงก็เย็นขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนครายราวกับหลุดออกจากนรกได้
สัปประหลาดต้นหวายถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมากภายใต้ความแข็งแกร่งของนักรบ นอกจากนี้ เลือดสีแดงมากมายก็ยังคงไหลเข้าไปในบึง
ป่าแห่งนี้กลายเป็นดูโศกเศร้า หนาวเย็น กลิ่นอายชั่วร้ายดูเหมือนจะกระจายออกไปและค่อยๆโฉบเหนือบึง ส่งความรู้สึกที่น่าขนลุกไปยังผู้คน ทำให้รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
ในที่สุด , สัปประหลาดต้นหวายทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างออกไปอย่างสมบูรณ์โดยนักรบ
หลังจากเลือดของพวกมันไหลลงไปในบึง หนองน้ำแต่เดิมที่เป็นสีเขียว ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม อย่างไรก็ตาม แสงสีเขียวที่ส่องออกมาจากบึงไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงลอยอยู่เหนือพื้นที่มีน้ำสีแดงเข้ม ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ
หลังจากสัปประหลาดต้นหวายทั้งหมดถูกล้าง ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นชะงักเงียบสงัด นักรบหลายคนรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ พวกเขาไม่ได้พูดอะไร แค่เตรียมรับมือและอยู่อย่างเงียบๆ
นักรบบางคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำก็สวมเสื้อหนา เพื่อต่อต้านอากาศที่หนาวเย็นและกลิ่นอายชั่วร้ายที่เหมือนมาจากนรก
หลินจือร่างกายของนางดูดเข้ากับกระโปรงหนัง ดูเหมือนนางจะไม่สามารถทนความหนาวเย็นได้ แม้ว่านางจะมีระดับการบ่มเพาะนภาที่สามระดับรู้แจ้ง นางต้องสวมเสื้อคลุมกำมะหยี่หนาอย่างปกปิดร่างกายส่วนโค้งด้วย ใบหน้าของนางที่เริ่มซีด
ลั่วหลัน ลั่วหลี่เองก็อยู่เหมือนกัน พวกเขาต้องใส่เสื้อหนามากขึ้น
เยว่จางเฟิงที่มีระดับการบ่มเพาะนภาแรกระดับนรภา และห้วงจิตสำนึกของเขาก็พึ่งถูกสร้างขึ้น เขาก็ไม่น่าจะสามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นที่ไหลซึมได้ แต่เพราะเขามีเปลวไฟแก่นแท้นรก เยว่จางเฟิง จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เปลวไฟออกมาจากเสื้อของเขาช่วยให้เขาต้านทานอากาศหนาวเย็นได้
ความรู้สึกที่รุนแรงกระจายทั่วหนองน้ำ
ทุกคนในหนองน้ำต่างก็รู้สึกปั่นป่วน พวกเขามองไปรอบๆอย่างระวัง
คลื่นนน คลื่นน !
ในหนองน้ำ ฟองสีแดกเข้มก็ลอยขึ้นมาและแตกออก หลักจากฟองแตกออก , ขนนกสีแดงเลือดก็ค่อยๆกระจายออกไป
ฟูววว ฟูววว !
ฟองอากาศสีแดงโผล่ออกมาจากบึงมากมาย
เมื่อฟองอากาศเหล่านั้นระเบิดพวกมันก็กลายเป็นขวันสีแดง เลือดสีแดงฉานค่อยๆระเหยทั่วบึงและซ่อนเร้นนักรบที่เหลือทั้งหมด
ตึกตัก !
เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของพื้นดิน
ใบหน้าของทั้งสี่คน กลุ่มเยว่จางเฟิงก็เปลี่ยนไป
" ไม่ดีแล้ว " หลิน จือ ไม่สามารถช่วยอะได้ที่จะร้องออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าตกใจ " แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ดูเหมือนจะมาเร็วกว่าที่คาด ใช่ไหม ? "
พวกเขาทั้งสี่คง ดูเหมือนจะรู้เวลาที่แน่นอนถูกต้องของการสั่นสะเทือนในบึง ดังนั้นหลังจากที่สัปประหลาดต้นหวายถูกกวาดล้างหมด พวกเขาจึงไม่ได้รีบออกไป
อย่างไรก็ตาม แรงสั่นสะเทือนที่มาจากบึง ครั้งนี้เกินความคาดหมายของพวกเขา เมื่อสัปประหลาดต้นหวาถูกกวาดล้างออกไปแล้ว , การสั่นสะเทือนดูเหมือนเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ
กลุ่มของเยว่จางเฟิงทั้งสี่คนอยู่ในระดับรู้แจ้งแต่ยังอยู่ในบึงนี้เพราะคิดว่า อาการสั่นจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะมีหวัง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่แรงสั่นสะเทือนตอนนี้เกิดขึ้น พวกเขาทั้งสี่คนทันทีก็เป็นกังวล พวกเขาพยักหน้าให้ฉื่อหยาน เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาต้องการที่จะออกไปและกลับไปยังพื้นดินอย่างเร็วที่สุด
" ลั่วหลัน ลั่วหลี่ พวกเจ้าสองคนก็ออกไปด้วย" เห็นตกใจบนใบหน้าของกลุ่มเยว่จางเฟิงทั้งสี่คน ฉื่อหยาน ก็รู้สึกหนาวเย็นอยู่ข้างใน เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
สองพี่น้องไม่ประมาท พวกเขามองกันและกัน พยักหน้าให้กับฉื่อหยาน พวกเขาไม่กล้าที่จะลังเล และรีบวิ่งไปทางออกร่วมพร้อมกับกลุ่มของเยว่จางเฟิง !
ใบหน้าของนักรบระดับรู้แจ้งของกลุ่มอื่นๆในบึงก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนพวกเขาจะรู้สึกถึงสิ่งเลวร้ายและ ก็วิ่งออกทางออกเหมือนเยว่จางเฟิง และกลุ่มของเขา
บึงที่ก่อนหน้าเงียบสงบตอนนี้ก็กลายเป็นวุ่นวาย
นักรบระดับรู้แจ้งแต่ละคนรีบวิ่งไปที่ประตู ท่ามกลางเสียงที่ดังวุ่นวาย เยว่จางเฟิงเขาพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนแรกที่ออกตัววิ่ง
บูม !
เสียงหนักดังสนั่นผ่านพื้นที่ป่าทั้งหมด เสียงที่เกิดขึ้นดังมาจากทิศทางของทางออก
ควันหนาสีแดงเขียวก็ประกายออกมาและก็กลายเป็นรุปแบบป้องกันไม่ให้ออกไป
เยว่จางเฟิงที่พุ่งไปข้างหน้า นอกจากเขาจะทำลายมันไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกกดลงด้วยแรงมหาศาล ร่างกายของเขาเป็นเหมือนเปลือกหอยที่ตกลงไปในบึง จู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
เปลวไฟแก่นแท้นรกก็ออกมาจากร่างของเขา เปลวไฟนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก , หมันเผาไหม้หมอกควันสีแดง
นักรบนภาแรกระดับนภากลุ่มอื่นเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เมื่อพวกเขาไปถึงทางออก พลังที่รุนแรงก็กดทับพวกเขา ทำให้เขาตกลงไปในบึงในขณะที่ถูกปกคลุมด้วยเลือด
นักรบที่ไม่ได้มีเปลวไฟนภาเหมือนเยว่จางเฟิง ร่างของเขาก็โชกไปด้วยเลือด พวกเขาร้องออกมาอย่างเศร้าสร้อยด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาถูกปลุมด้วยหมอกสีแดงจางๆ และภายใต้การจ้องมองของทุกคน ผิวของเขาอย่างรวดเร็วก็หายไปทีละน้อย เปิดเผยกระดูกสีขาวของเขา
พิษกัดกร่อนรุนแรง !
ใบหน้าของนักรบทุกคนในบึงก็เปลี่ยนไป เหล่านักรบที่เท้าอยู่ในหนองน้ำ ก็รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเลือดซึ่งเริ่มกีดกร่อนพลังปราณลึกลับของพวกเขา
แม้แต่ฉื่อหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาเองก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของพิษกัดกร่อน
อย่างไรก็ตาม พิษกัดกร่อนนี้ดูเหมือนจะช้ามาก และพิษตรงนี้ก็มีน้อยมากต่างจากพื้นที่อื่น นักรบหลายคนที่อยู่รอบๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก็ไม่ได้กรี๊ดด้วยความเศร้าทันที ูเหมือนเลือดจะไม่ละลายร่างกายของพวกเขาทันที
ดูเหมือนว่ามีเพียงพื้นที่นอกป่าเท่านั้นที่ผลกระทบจากพิษกัดกร่อนอย่างรุนแรง
เห็นนักรบถูกกัดกินและละลาย หลิงจือ หลัวดเสี่ยว หลัวเมิงก็อยากบินออกไปจากสถานที่นี้แห่งนี้ทันที สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป พวกเขาไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือถอยดี
ในช่วงเวลานี้ ถ้าพวกเขาไปแล้ว พวกเขาจะต้องพบรูปแบบป้องกันที่แข็งแกร่ง และอาจจะถูกกดลงด้วยแรงบางอย่าง และร่างกายของพวกเขาก็จะจมลงไปในน้ำเลือดและ ถูกกัดเซาะ และละลายไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาไม่ไป , เมื่อการสั่นสะเทือนเริ่มขึ้น , วิญญานของพวกเขาก็จะกลายเป็นปั่นป่วนและไม่สามารถต้านทานได้เนื่องจากพวกเขามีระดับการบ่มเพาะต่ำ ดังนั้น ไม่ว่า จะไป หรือ ไม่ ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแต่ทางตันอยู่ข้างหน้าพวกเขา
กลุ่มของหลินจือ ลั่วหลัน ลั่วหลี่ ทั้งหมดก็ดูสิ้นหวัง
" ลั่วหลัน ลั่วหลี กลับมาที่นี่ เราก็จะช่วยเจ้าเอง " ฉื่อหยานคิดสักพักก็ตะโกน " เยว่จางเฟิง เจ้าเองก็ควรกลับมาเดี๋ยวนี้ สถานที่ตรงนั้นไม่ปลอดภัย บางที มันอาจเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด "
เยว่จางเฟิงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจทันที พูดกับกลุ่มของเขาอีกสามคน" เรากลับไปที่นั่นกันก่อนเถอะ ! "
สองพี่น้องลั่วหลัยและลั่วหลี่ก็พุ่งกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด พวกเขาพุ่งมาด้วยความเร็วที่เท้าเกือบจะไม่ได้แตะพื้นมาที่จุดฉื่อหยาน
เยว่จางเฟิง , หลินจือ และอีกสองคนก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะสามารถบินได้เหมือนนักรบระดับนภา แต่พวกเขาก็ใช้ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในการพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด , จนพวกเขาเกือบจะสามารถบินได้
กลุ่มของฉื่อหยานทั้งหมดนั้นล้วนอยู่แต่ในระดับนภา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบินเหนือผิวน้ำและลอยไปมาได้
เห็นเหล่าพี่น้องและกลุ่มของเยว่จางเฟิงกลับมาด้วยใบหน้าตกใจ ฉื่อหยานดวงตาก็ส่องประกาย พลังที่เย็นยะเยือกถึงกระดูกก็ไหลลงไปยังบึงใต้เท้าของเขา
ภายใต้พลังที่เย็นยะเยือกในป่ก็กลายเป็นถูกแช่แข็งและเกิดเป็นภูเขาน้ำแข็ง ประมาณ 10 ตารางเมตร ขนาดใหญ่พอสำหรับเหล่าให้กลุ่มของเยว่จางเฟิงและสองพี่น้องยืนได้
ขณะที่สองพี่น้องกลุ่มของเยว่จางเฟิงมากำลังจะถึง พวกเขานั้นกังวลเป็นอย่างมากเรื่องที่ไม่สามารถลอยได้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นภูเขาน้ำแข็งที่ฉื่อหยานเพิ่งสร้างขึ้น พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมากและมุ่งไปยังพื้นที่น้ำแข็งตรงนั้น
" สหายช่วยพวกเราด้วย . . . " นักรบระดับรู้แจ้งคนอื่นๆก็เห็น พวกเขาขอร้องฉื่อหยาน และรีบมาในเวลาเดียวกัน พวกเขายืนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งพร้อมกับลั่วหลันและลั่วหลี่
นักรบระดับรู้แจ้งนั้นไม่ต้องการที่จะออกจากพื้นที่แห่งนี้ พวกเขานั้นเห็นนักรบคนหนึ่งถูกฆ่าด้วยบึงเลือดนั่น พวกเขาจึงกลายมากเชื่อฟังมากขึ้น และยืนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งที่ฉื่อหยานใช้พลังของเปลวเหมันเยือกแข็งสร้างขึ้น
นักรบกลุ่มอื่นๆเองที่ยังอยู่รอบๆต่างก็เป็นนักรบระดับนภา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบินได้ และจ้องมองสหายของพวกเขาทั้งหมดมารวมที่ฉื่อหยาน, นักรบเหล่านั้นก็ลังเลอยู่สักพักก่อนจะบินไป
ขึก ขึก . . . . . . .
การสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและดูเหมือนมันจะแทงทะลุหัวใจของผู้คน ทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้าน
ใบหน้าของนักรบระดับรู้แจ้งที่ยืนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งก็กลายเป็นสีแดง สายตาของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากสับสนเป็นบ้าคลั่ง และ เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ฉื่อหยานอย่างรวดเร็วก็สัมพัสถึงการเปลี่ยนแปลงของนักรบเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถทนต่อการสั่นสะเทือนนี้ได้ และ พวกเขาก็สูญเสียสติอย่างรวดเร็ว
" เราควรจะฆ่าพวกเขาซะ " จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว มองเยว่จางเฟิงและคนอื่น ๆและพูดอย่างโหดเหี้ยม " ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ระดับรู้แจ้งจะสูญเสียจิตใจของพวก เพียงเวลาไม่นานพวกเขาจะทำลายทุกคนที่พวกเขาเห็น เราควรจะใช้โอกาสที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นในขณะที่พวกเขายังมีสติอยู่ครึ่งหนึ่ง "
สมาชิกบางคนของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ก้พยักหน้า
" ใช่แล้ว "นักรบระดับนภาที่รวมกันอยู่อีกที่หนึ่งก็เห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวเฟิง
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ