บทที่ 415 จำนน
บทที่ 415 จำนน
" ฉื่อหยาน อย่าทำแบบนี้ ข้าเชื่อใจได้ ไม่ต้องโมโห มาคุยกัน " เยว่จางเฟิงอย่างรวดเร็ว ก็ยิ้มพร้อมกับพูดหยุดฉื่อหยาน
หน้าของหลินจือก็ซีดเผือด ไม่มีร่องรอยของเลือด ภายใต้ผลกระทบของแก่นแท้เจตจำนงแห่งความตาย นางเต็มไปด้วยความกลัว ความรู้สึกเหมือนนางเพิ่งกลับมาจากความตาย
โชคดีที่นางได้ฟาดกระดูกมังกรไปครั้งหนึ่ง มันจึงได้ลดลพลังของผนึกแห่งความตายลงครึ่งหนึ่ง แก่นแท้เจตจำนงที่เข้าไปในหัวของนางจึงมีไม่มากนัก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ได้รอดพ้นจากแก่นแท้เจตจำนงแห่งความตาย และบางทีมันอาจจะปลิดชีีพของนางไปแล้ว
หลิน จือ แต่เดิมจะใช้สมบัติลับจากแหวนกระเป๋าของนางเพื่อจัดการกับ ฉื่อหยาน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินสิ่งที่จ้าวเฟิงพูด รวมทั้งได้เห็นถึงพลังของกลุ่มเขา หลินจือความพยายามทั้งหมดของนางก็หมดไป
ไม่ว่าสิ่งที่จ้าวเฟิงพูดนั้น เป็นเรื่องจริง หรือ ไม่ แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของจ้าวเฟิง หลี่เยว่ และชิเสียว พวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะฆ่านางได้นับพันครั้ง
หลินจือ คิดว่าคนพวกนี้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน ดังนั้นดังนั้นนางจึงคิดว่าทำไมนางถึงไม่สามารถเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อจัดการกับกลุ่มอื่นในบึง ? แม้ว่านางไม่อยากยอมจำนน นางก็ได้แต่ก้มศีรษะของนางและเงียบไม่กล้าเอ่ยคำ
หลัวเสี่ยวและหลัวเมิงก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่ได้พูดอะไร พวกเขาแอบชั่งใจกับกลุ่มของจ้าวเฟิง พวกเขากลัวว่าพวกนั้นจะเริ่มกระทำบางอย่าง .
หลัวเสี่ยวและหลัวเมิงแอบ ตั้งใจว่า หากจ้าวเฟิงและ ชิเสี่ยว และคนอื่นตั้งใจจะฆ่าพวกเขาทั้งสองคน พวกเขาทั้งสองจะหลบหนีไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
" ฉื่อหยาน เจ้าไม่ต้องโมโหไป" เยว่จางเฟิงฝืนยิ้มและเก็บมือของเขา . " เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยมีเจตนาร้ายต่อเจ้าไม่ว่าจะเป็นในทะเลไม่มีสิ้นสุด หรือในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เราเพียงเข้าใจกันผิดเล็กน้อยเท่านั้น "
ฉื่อหยานพยักหน้าและบอกว่า " ข้าไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ ถ้านางหุบปากเร็วกว่านี้ ข้าก็คงไม่ต้องลงมือ"
หลินจือก้มหัวให้ ในขณะที่ร่างกายสง่างามจองนางสั่นสะท้านเล็กน้อย นางดูเหมือนพยายามที่จะระงับความโกรธของนาง
" นี่ เจ้ายังไม่สำนึกสินะ ? ! ฉื่อหยาน ให้ข้าสั่งสอนบทเรียนให้นางดีหรือไม่ ? ถ้านางโดนตบอีกสักหน่อย , บางทีนางอาจจะอยู่ในโอวาทและสำนึกมากว่านี้ " ไชอี้ค่อยๆหัวเราะออกมา
เจ็ดสัปประหลาดต้นหวานเห็นนักรบมากมายกระจายกลิ่นอายออกมา พร้อมกับมีพลังของเปลวไฟแก่นแท้นรกและเปลวเหมันเยือกแข็ง พวกมันก็ตระหนักได้ว่าหากพวกมีนยังคงต่อสู้กับกลุ่มของฉื่อหยานพวกมันต้องตายแน่ๆ
ดังนั้น เมื่อจ้าวเฟิงและคนอื่นมา เจ็ดสัปประต้นหวายก็กระจายออกไป เมื่อจ้าวเฟิง หลี่เยว่ และคนอื่นๆ มาถึงสถานที่แห่งนี้ สัปประหลาดต้นหวายและภูติผีก็หายไปจนหมด ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในบึง
" เกิดอะไรขึ้นกับซินหยาน ? " ฉื่อหยานเก็บใบหน้าที่เย็นชาของเขาและยังคงจ้องเยว่จางเฟิง
" อืม เรื่องมันเป็นเช่นนี้ . . . . . . . "
หลังจากที่เยว่จางเฟิง หลินยาฉี , เซี่ยซินหยาน ออกจาก ทะเลเหิงลั่วด้วยกันและเข้าไปในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายเกิดขึ้นในทะเลกว้างใหญ่ เยว่จางเฟิงและหลินยาฉีก็ต้องการรายงานเกี่ยวเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทะเลไม่มีสิ้นสุดให้อาจารย์ของตนฟัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาทั้งสามคนมาถึงที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ สองนักรบระดับพระเจ้าก็ปรากฏตัว โดยอ้างว่าพวกเขาจากดินแดนพิสุทธิ์ และมาหาเซี่ยซินหยานโดยตรง .
เยว่จางเฟิงและหลินยาฉีก็สับสน ในขณะที่เซี่ยซินหยาน เองก็ไม่สบายใจ แต่สองนักรบระดับพระเจ้าของดินแดนพิสุทธิ์ นั้นเคารพต่อเซี่ยซินหยานเป็นอย่างมาก พวกเขาเรียกนางว่านักปราชญ์ และชวนนางให้กลับไปยังดินแดนพิสุทธิ์ และยังบอกว่า พวกเขาต้องการที่จะเปิดตราประทับจิตวิญญานบางอย่าง
เซี่ยซินหยาน เต็มไปด้วยความสงสัยและปฏิเสธโดยตรง สองนักรบระดับพระเจ้าจากดินแดนที่บริสุทธิ์ก็กลายเป็นไม่สุภาพ แล้วจับนางไว้ " โดยไม่สนเยว่จางเฟิง และ หลินหยาฉี
เยว่จางเฟิงและหลินยาฉีก็ตกตะลึงและช่วยไม่ได้ที่จะทำได้เพียงแค่ยืนดูเซี่ยซินหยานถูกเอาตัวไป
หลังจากนั้น พวกเขาสองคนก็คิดสักพัก โดยไม่พูดอะไรดูเหมือนว่านักรบระดับพระเจ้าสองคนนี้จะเข้าใจผิดเซี่ยซินหยานกับผู้อื่น
" เจ้าพูดจริงรึ " ? ฉื่อหยานก็พูดสวยสีหน้าเย็นชา . ทำไมข้าถึงรู้สึกแปลกๆ ทำไมนักรบระดับพระเจ้าของดินแดนพิสุทธิ์ จะต้องพาเซี่ยซินหยาน ไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เท่าที่ข้ารู้ นางไม่เคยมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย แล้วพวกดินแดนพิสุทธิ์จะรู้จักนางได้อย่างไร ? "
"แต่มันคือความจริง " เยว่จางเฟิงยิ้มอย่างบิดเบี้ยว " ฉื่อหยาน ด้วยปัญญาของเรา เจ้าคิดว่าข้าจะบอกเรื่องโกหดกับเจ้างั้นรึ ?
ฉื่อหยาน ก็อึ้ง เขาครุ่นคิดสักพัก เขาส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวด้วยใบหน้าสงสัย " ทำไม ? ทำไมพวกนักรบระดับพระเจ้าสองคนจากดินแดนพิสุทธิ์ ถึงหาตัวเซี่ยซินหยานพบ ? พวกเขารู้จักเซี่ยซินหยานจริงๆรึ ? เป็นไปไม่ได้”
" หลินยาฉี และ ข้าคิดมานานแล้ว และเดาว่าอาจมีอะไรเกี่ยวข้องกับจิตวิญญานจุติของ เซี่ยซินหยาน แน่ "เยว่จางเฟิงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะอธิบาย " ตามความเข้าใจของข้า คนจากตระกูลเซี่ยทั้งหมดมีจิตวิญญานจุติและพวกเขาก็สามารถใช้ความจำและความเข้าใจของตัวเองในชาติที่แล้วได้ ข้าคิดว่ามันเป็นไปได้ที่ตระกูลเซี่ยเป็นนักปราชญ์รุ่นสุดท้ายในดินแดนพิสุทธิ์ ?
" อ๊ะ ดินแดนบริสุทธิ์เองก็มีวิชาเช่นนี้ ตราบใดที่ใครคนหนึ่งเข้าสู่ระดับพระเจ้า ในขณะที่เขากำลังจะตาย เขาเชาจะใช้วิชาลับเพื่อไปเกิดใหม่ ก่อนจะใช้วิิชาลับนี้ บุคคลนั้นจะต้องเก็บวิญญานพระเจ้าไว้ในภาชนะพิเศษ การกลับชาติไปเกิดจะเกิดขึ้นทุกๆ ๕๐ ปี นี้เป็นเทคนิคลับที่ดูเหมือนจะเรียกว่า " เคล็ดวิชาพิธีบูชาวิญญานไพศาล . ' นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์และดินแดนบริสุทธิ์นั้นอยู่ไกลมาก ดังนั้น สิ่งที่ข้าได้ยินมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น . " จ้าวเฟิงพลันหยุดชะงัก
เยว่จางเฟิงร้องออกมาด้วยความตกใจ " . จริงรึ ? "
หลี่เยว่ โก่งคิ้วของนางจ้องมองฉื่อหยาน แล้วกล่าวว่า " ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เด็กคนนั้นก็ตดอยู่ในอันตราย . . . . . . . "
" ทำไมรึ ? " หน้าฉื่อหยานก็เปลี่ยนไปในขณะที่หัวใจของเขาจมลงไป เขารู้สึกไม่ดีกับมัน
" ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีจิตวิญญานจุติจริง เมื่อนางมาถึงดินแดนพิสุทธิ์ นางจะถูกหลอมรวมเข้ากับวิญญานพระเจ้าของรุ่นสุดท้าย และสัมพัสพระเจ้าก็จะตื่นขึ้นมานางจะกลายเป็นนักปราชญ์ของดินแดนพิสุทธิ์ ชีวิตและความทรงจำในชีวิตนี้ของนางจะหายไป . " หลี่เยว่ สูดหายใจลึกๆ " ข้ายังรู้เกี่ยวกับวิชาลับนี้ของดินแดนบริสุทธิ์ ข้ารู้มาว่า กระบวนการเกิดใหม่นี้จำเป็นต้องมีการเตรียมการมากมาย ข้าคิดว่า ถึงแม้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะกลับไปยังดินแดนพิสุทธิ์แล้ว นางก็ยังคงปลอดภัยในช่วงเวลาสั้น ๆ การสัมพัสพระเจ้ารุ่นล่าสุด มันจะใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี เพื่อเตรียมการ ผู้หญิงคนนั้นต้องถูกฝังวิชาลับวิญญานสามชนิดเพื่อให้นางสามารถเป็รภาชนะเก็บวิญญานได้ "
ฉื่อหยานครุ่นคิดด้วยใบหน้าที่ซีด สายตาของเขาเย็นชาและแหลมคมเหมือนมีดในขณะที่เขากระซิบ " ดินแดนพิสุทธิ์ ดินแดนพิสุทธิ์สินะ . . . . . . . "
" ดินแดนบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในเจ็ด กลุ่มโบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามีนักรบประมาณระดับพระเจ้าประมาณสิบคน นอกจากนักรบเหล่านี้ยังมี นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงที่ปกป้องดินแดนแห่งนั้นอยู่ การไปที่ดินแดนพิสุทธิ์และถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลาเพียงห้าปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย . " จ้าวเฟิงมองไปที่ฉื่อหยาน ที่ตอนนี้ใบหน้ากลายเป็นโหดเหี้ยม“ภายในห้าปี ถ้าเจ้าสามารถทำให้นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงยอมรับได้และกลายเป็นผู้อาวุโสของนิกายเทพได้ นั้นก็จะต่างออกไป เจ้าสามารถใช้อำนาจของนิกายพระเจ้า และเป็นไปได้ที่จะขอหญิงสาวคนนั้นกลับมา”
หลี่เยว่ ก็พยักหน้า " นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น "
" ห้าปี . . . . . . . " ฉื่อหยานพูดด้วยเสียงเย็นชา " ข้าไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น ใครจะรู้ ถ้าดินแดนพิสุทธิ์ ทำพิธีเร็วกว่านั้นหละ… รอให้ข้าจัดการเรื่องทะเลไม่มีสิ้นสุดจบเสียก่อน ข้าจะหาวิธี.
" โดยเฉพาะด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขอร้องให้พานางกลับมา " จ้าวเฟิงปลอบโยนเขา . " เจ้าควรตื่นได้แล้ว นอกเสียจากเจ้าจะสามารถเข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริงได้ อย่าแม้แต่จะฝันที่จะเผชิญหน้ากับดินแดนพิสุทธิ์ พวกเขาเป็นขุมพัลงที่ยิ่งใหญ่อยู่มานานนับร้อยปีพันปี พวกเขาปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน ดังนั้น รากฐานของพวกเขาเจ้าไม่อาจจินตนาการได้”
หลังจากรู้สถานการณ์ , หลี่เยว่ , ไช่อี และสองพี่น้องก็ยังชักชวนให้เขาไม่ทำเช่นนั้น และใช้เวลาในการพิจารณาให้ดี
บรรดานักรบจากดินแดนพิสุทธิ์ต่างก็รู้ถึงอำนาจของดินแดนพิสุทธิ์ดี ไม่ต้องพูดถึง ฉื่อหยาน ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนภาเท่านั้น แม้แต่นักรบระดับพระเจ้าสูงสุดก็พินาศ เมื่อเผชิญหน้ากับขุมพลังเช่นนี้ .
ฉื่อหยานเอาแต่เงียบและไม่พูดอะไรเลยสักคำ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขามองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น " พวกเจ้าไปต่อเถอะ ข้ายังคงทำภารกิจของข้าไม่เสร็จ "
แล้วเขาก็จากไปทันที ไปที่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูติผี
กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกก็กระจายออกมาจากร่างของเขา ไม่ว่าเท้าของเขาจะก้าวไปที่ใดในป่ากลิ่นอายเย็นยะเยือกก็จะแช่แข็งทุกสิ่งและ อุณหภูมิรอบๆบึงทั้งหมดก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
ไปตามทาง เขาก็ปลดปล่อยจิตใจและปล่อยวางจิตสำนึกวิญญานของเขาเพื่อหลอกล่อภูติผี
ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูติผี สัปประต้นหวายก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกจากร่างกายของเขา พวกมันจึงรีบอยู่ห่างจากเขาไม่กล้ารบกวนเขา
ภูติผีนั้นไม่กลัวอากาศหนาวเย็น เพราะพวกมันมีแต่วิญญาน หลังจากที่เขาได้เปิดห้วงจิตสำนึกของเขาเหล่าภูติผีก็พุ่งมาที่เขาและ กลายเป็นหลายลำแสงสีเขียวและหายไปในห้วงจิตสำนึกของเขา
ภูติผีทุกตัวที่ตกลงไปในห้วงจิตสำนึกของเขาถูกขังโดยเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานแล้วถูกกลืนกินโดยห้าปิศาจ
ประมาณหนึ่งร้อยภูติผีก็แตกตื่นอยู่ภายในห้วงจิตสำนึกและ อยากจะหนีออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำลายอุปสรรคที่สร้างขึ้นโดยเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ แม้ว่าพวกมันจะดิ้นรนและต่อสู้ไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเขาเช่นไร พวกมันก็ไม่สามารถหนีไปได้
ห้าปีศาจค่อยๆกลืนภูติผีนับร้อยตัว จน จิตใจของเขาเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ