บทที่ 408 กลับคืนร่างเดิม
บทที่ 408 กลับคืนร่างเดิม
เมื่อพื้นที่ที่ถูกทำลาย
หายนะทั้งสี่ในเมืองโบราณก็เหมือนจะถูกดึงดูดโดยประตูสวรรค์ พวกมันไหลทะลักอย่างบ้าคลั่งเข้าไปในประตูที่กำลังจะแตกเป็นชิ้นๆ
ฉื่อหยานยืนอยู่ด้านล่าง มองไปยังประตูสวรรค์ แล้วดูพื้นที่ในท้องฟ้า ด้วยใบหน้าที่ดูตกใจ
สวรรค์และโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าปรากฏแสงเจิดจ้าปั่นป่วนไปมาสามารถมองเห็นได้ชัดเลยว่าพื้นที่บนนั้นกำลังเคลื่อนไหว ประตูสวรรค์ก็ระเบิดออกเกิดเป็นเสียงดังสะท้าน ในที่สุดก็กลายเป็นจุดเล็ก ๆของแสงและหายไป เหนือเมือง โบราณ
เมืองโบราณก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
แม้แต่สัตว์อสูรที่รวมตัวกันยังดูเหมือนจะรู้ว่าไม่มีความหมายอะไรที่จะเฝ้าต่อไป , และดังนั้นพวกมันทั้งหมดจึงออกจากเมืองโบราณ
ภูเขาทั้งสี่ที่อยู่รอบๆก็พังทลายในทันทีและพื้นดินก็สั่นสะเทือน จุดบรรจบของสายน้ำจักรวาลในท้องฟ้าก็ค่อยๆจางหายไปเหมือนแม่น้ำที่แห้งเหือด มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ร่างทราสง่างามเหลือบลงมาจากท้องฟ้าแล้วกลายเป็นแสง บินออกไป ฉื่อหยานขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องร่างที่งดงามนั้นด้วยสีหน้ามืดมน
แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างกัน เขาก็ยังจำรูปร่างของอายหยาได้ ก่อนหน้านี้นางได้หายไป เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงอยู่ในท้องฟ้า หรือ เกิดอะไรขึ้นกับนาง นางทิ้งให้ฉื่อหยานไว้ที่เมืองโบราณนี้โดยไม่อาลัยอาวรณ์ใดๆ
ตอนนั่นเอง ที่จุดบรรจบ นักรบก็เริ่มบินออกไป ไม่อยู่ในเมืองโบราณอีกต่อไป
คนเหล่านี้ดูเหมือนจะรู้ว่าเมืองโบราณไม่มีสมบัติลับอีกต่อไป และดังนั้น พวกเขาจะเก็บเกี่ยวอะไรได้ถ้าพวกเขายังคงอยู่
หนังสือ ' เคล็กสำเร็จนักหลอม ในมือของมัมมี่โบราณดูเหมือนจะเป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ของเมืองโบราณนี้ เมื่อฉื่อหยานเอาหนังสือมา สมบัติลัในสถานที่แปลกประหลาดนี้ทั้งหมดก็หายไป ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เมืองโบราณนี้ความลับได้ถูกไขแล้ว
กระดูกของสัตว์อสูรก็ระเบิดเป็นชิ้นๆในประตูสวรรค์ กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของเมืองโบราณ
ร่างต่างๆ ในท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะมองฉื่อหยาน ที่ยืนอยู่ด้านล่าง และ พวกเขาก็ค่อยๆลงมาใกล้เขา
ฉื่อหยานขมวดคิ้วและมองไปที่ท้องฟ้า ตระหนักว่าพวกเขาคือจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ฉื่อหยานก็ถอนหายใจโล่งอกและลดการป้องกันลง
ในขณะที่กระโดดเข้าไปในประตูสวรรค์ เขาได้ใช้พลังไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น สถานะปัจจุบันของเขาไม่ค่อยดี ถ้านักรบในท้องฟ้าเล็งเขาเป็นเป้าหมาย เขาอาจจะถูกฆ่าและอาจได้รับอันตรายได้ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้
จ้าวเฟิง และคนอื่นๆ ก็ค่อยๆลงมา
" นี่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? " จ้าวเฟิงตะโกนด้วยความตกใจ ". เด็กน้อย เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ทำไมสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้จึงคืนสภาพปกติ แม้แต่ท้องฟ้าจักรวาลและศพโบราณในท้องฟ้า ก็หายไป เจ้าทำอะไร ?"
หลี่เยว่ ชิเสี่ยว และคนอื่นๆก็มองเขาด้วยใบหน้างุนงง
ขณะที่พวกเขายังคงต่อสู้กับศพโบราณในท้องฟ้า พวกเขาตระหนักได้ว่าเมืองโบราณมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ศพโบราณเข้าไปพื้นที่ที่เกิดรอยแยกที่ละร่าง
หลังจากสังเกตทุกสิ่งรอบตัว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า เมืองโบราณได้เกิดการเปลี่ยนแปลง และมันก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการกระทําของฉื่อหยาน ทุกคนตกตะลึง และทันทีที่ลงมาที่นี่
นักรบจากกองกำลังอื่น ๆ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองโบราณแห่งนี้ พวกเขารู้ว่ามันไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป และทำให้พวกเขาทั้งหมดทิ้งมุ่งหน้าไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง
" ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น " ฉื่อหยาน ส่ายหน้า เขาไม่อยากจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เคล็ดสำเร็จวิชาหลอม ของนักหลอมอาวุธอาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าในเมืองโบราณ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหนังสือนี่ทำอะไรได้บ้าง แต่เมื่อเขาเก็บไว้ในแหวนกระเป๋าของเขา เมืองโบราณทันทีมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบนี้ ดังนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าของสิ่งนี้สำคัญเช่นไร
ในแผนดินรุ่งเรือง นักหลอมอาวุธนั้นหายากเป็นอย่างมาก เช่นนั้นสมบัติลับชิ้นนี้จะต้องมีค่าเป็นอย่างมากแน่นอน
ถ้าคนรู้ว่าเขาได้หนังสือ ' เคล็ดสำเร็จวิชาหลอม ' มา บางทีเขาจะอาจจะพบเจอกับปัญหามากมายและเหล่านักหลอมอาวุธระดับสูงในแผ่นดินรุ่งเรืองก็มีความสัมพันธุ์ที่ดีกับนักรบระดับพระเจ้า
ถ้าพวกนักหลอมอาวุธรู้ว่าเขามีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้อยู่ พวกเขาจะต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ หนังสือเล่มนี้ไปแน่นอน
หลังจากที่ใช้เวลานานในแผนดินรุ่งเรือง เขาก็ได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของโลกนี้ เขารู้ว่า ตราบใดที่เขามีความแข็งแกร่ง ทรงพลัง เขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำในโลกนี้ ไม่มีศีลธรรมกฎหมาย ไม่มีอะไรควบคุมเขาได้
" เจ้าไม่พบอะไรผิดปกติเลยรึ ? " จ้าวเฟิงถามในขณะที่สายตาของเขาเห็นร่องรอยของความประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจะสงสัยเป็นอย่างมาก เขาคิดมาตลอดทางว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเมืองโบรารเกี่ยวข้องกับ ฉื่อหยานแน่นอน
ไชอี้ ก็สับสุน ดวงตาคู่สวยของนางหลี่ลงส่องประกายประหลาด นางลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดเบาๆ ว่า " ข้ารู้สึกว่าเราตั้งใจต่อสู้เป็นอย่างมากตอนอยู่ด้านบน แต่สิ่งที่เราเก็บเกี่ยวได้นั้นน้อยมาก ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไร แต่เนื่องจากพื้นที่แปลกประหลาดแห่งนี้เปลี่ยนไปทั้งหมด ก็เท่ากับว่าความลับของมันได้ถูกไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็มีบางคนที่ได้รับสมบัติลับค่ามากที่สุดมา "
จ้าวเฟิงและหลี่เยว่ดวงตาก็ส่องประกาย พวกเขาทั้งสองรู้สึกว่าสิ่งที่ไชอี้พูดนั้นถูกต้อง พวกเขามองฉื่อหยาน ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
" เด็กน้อยบอกเรามาเถอะ ข้าอยากรู้จริงๆ. . . " จ้าวเฟิงพูด " ความอยากรู้อยากเห็นนั้นอาจะทำให้ถูกฆ่าตายได้ ข้ารู้ดี แต่ข้าก็ยังต้องการรู้ว่าเจ้าเก็บเกี่ยวสิ่งใดมา ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือ ข้าต้องการรู้ว่าสมบัติใดกันที่มีค่าที่สุดในพื้นที่แห่งนี้”
ฉื่อหยานยังส่ายหัวในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงเย็นชา " พวกเจ้าพูดอะไรรึ ? "
ทุกคนรู้ว่า ฉื่อหยาน ไม่อยากพูดเกี่ยวกับมัน
จ้าวเฟิงและ หลี่เยว่ มองเขาอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของเขา พวกเขาก็คิดว่าไร้ประโยชน์ พวกเขาทั้งสองจึงเลิกถาม พวกเขาถือว่าฉื่อหยาน นั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในอนาคตของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังคงหวังพึ่งฉื่อหยาน เพื้อเพิ่มตำแหน่งของพวกเขาในนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่อยากขัดใจเขาในเวลาแบบนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ถามต่อ
สำหรับชิเสี่ยว ไช่ อี้ และ ซั่วชู , พวกเขาทั้งหมดจะต้องพึ่งฉื่อหยาน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง เมื่ออยู่ต่อหน้าฉื่อหยาน พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นหนี้เขามากมาย ดังนั้น เห็นฉื่อหยานไม่ยอมพูดอะไร พวกเขาเป็นธรรมดาที่จะไม่ถามต่อ
" อืม ข้าคิดว่ามันไม่จำเป็นแล้วที่เราจะอยู่ที่นี่ " ฉื่อหยานยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า . "เราไปจากที่นี่กันเลยหรือไม่ ?"
" ข้าพึางเห็นอายหยาเมื่อกี้ " ไช่อี้กล่าวด้วยใบหน้าที่มืดมน . " นั่นคงอยู่ในการคำนวนของนาง ที่สำคัญ เมื่อตอนนั้นนางต้องการให้เราตาย และต้องการเก็บเกี่ยวสมบัติล้ำค่าของตน ถ้าข้ามีโอกาส ข้าจะให้บทเรียนกับนางแน่ "
สองพี่น้องดวงตาก็ส่องประกายรังเกียจ พวกเขาเองก็ไม่พอใจอายหยา
" นางเป็นคนแรกที่ออกจากสถานที่นี้ ถ้าข้าพูดถูก นางน่าจะไปดินแดนใหม่อีกที่หนึ่งแล้ว บางที เราอาจจะมีโอกาสได้เจอนางอีก " ฉื่อหยานพยักหน้าและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า " ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ชั่วร้าย หล่อนไม่เคยคิดว่าเราเป็นสหาย ถ้าข้ามีโอกาส ข้าจะจัดการเอง "
" ถ้าอย่างนั้น ก็ไปกันเถอะ ! " จ้าวเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . " เด็กน้อย ข้าเองก็มีอยากถามเจ้าหลายเรื่อง อืม ข้าคิดว่าเจ้าต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ของเราในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปกครองพื้นที่ทั้งหมด และเราก็เป็นนิกายที่เก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่ เจ้าจะโดดเด่นมาก ถ้าเจ้าไปยังนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ของเราในดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ?
ฉื่อหยาน ในใจก็ปั่นป่วนในขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตามที่จ้าวเฟิงพูด นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่สามารถปกป้องเขาได้และเขายังได้รับการยกย่องเป็นนักรบที่โดดเด่น นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่
นิกายนี้มีวิธีการลับ ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญานต่อสู้ประเภทต่างๆ พร้อมทั้งยังมีเคล็ดวิชาต่อสู้ต่างๆ วิชาและเคล็ดลับเหล่านี้ต่างก็เหนือกว่าของพรรคสามเทพ
ถ้าเขามีโอกาสได้ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ เขาก็สามารถใช้อำนาของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ . ดังนั้น ดูเหมือนว่าถ้าเขาอยู่ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เขาจะได้รับประโยชน์และความสะดวกมากมาย
ถ้าเป็นไปได้เขาก็จะใช้อำนาจของนิากยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา เพิ่มพูนความรู้ของเขาและช่วยให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับแก่นแท้ต่างๆมากกว่าเดิม นี่นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
" เอ่อ . . ข้าคิดว่าข้า จะ ไป ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ " ฉื่อหยานคิดสักครู่หนึ่ง แล้วคุยกับ จ้าวเฟิงด้วยรอยยิ้ม“ข้ายังคงมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากที่ข้าทำ ภารกิจใจหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเสร็จข้าจะกลับไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด แล้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะไปเยี่ยมนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์”
" มีอะไรที่สำคัญรึ" จ้าวเฟิงพึมพำ " เมื่อเทียบกับการไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นนักรบ หรือ วิชาการต่อสู้ หรือ วิญญาณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราต่างก็เหนือชั้นห่างไกลกว่ามาก ที่นั่นเป็นศูนย์กลางรวบรวมนักรบทั่วแผ่นดินรุ่งเรือง เรามีสิ่งที่ยอดเยี่ยมทุกสิ่งที่เจ้าไม่เคยพบ และเจ้าก็สามารถครอบครองมันได้หากเจ้าต้องการ. "
ฉื่อหยานพยักหน้า " ท่านไม่จำเป็นต้องเหนื่อยชักจูงข้าหลอก หลังจากข้าจัดการเรื่องที่ทะเลไม่มีสิ้นสุดได้แล้ว ข้าจะต้องเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน " .
" เราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกที ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ , และวิธีการที่เจ้าจะมาพบเราในอนาคต " เห็นฉื่อหยาน มุ่งมั่นที่จะไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด จ้าวเฟิงก็พูดกับเขาแล้ว " ข้าสามารถเป็นผู่นำทางให้เจ้าได้ "
" ตกลง " ฉื่อหยานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเฟิงก็ดูสนุกสนาน ทัศนคติของเขาก็ยังเป็นมิตร
ตอนนี้เอง กลุ่มก้อนเปลวไฟก็ลอยมาจากระยะไกล พุ่งมาที่ฉื่อหยาน
เปลวไฟนี้ร้อนเป็นอย่างมาก ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ภายใต้ความร้อนที่แผดเผานี้ นักรบที่อยู่ข้างๆฉื่อหยานก็เริ่มรู้สึกอึดอัดและรีบรวบรวมพลังเพื่อต่อต้าน
ดวงตาของจ้าวเฟิงก็ส่องประกายออกมา จ้องที่แกนเพลิงและก็ตะโกน " นี่คือพลังเผาไหม้ของตะวันกลั่นวิญญาน ! "
หลี่เยว่ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในขณะที่นางแสดงออกอย่างตกใจ
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ