บทที่ 403 จิตวิญญานเพชร
บทที่ 403 จิตวิญญานเพชร
แค่ชำเลืองมองฉื่อหยานทันที ชายคนนั้นก็ตกใจ ห้วงจิตสำนึกของเขาก็รุนแรงสั่นสะท้าน ความปรารถนาในการฆ่าเพิ่มขึ้นขึ้นในจิตใจของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ เกิดเป็นความปรารถนาที่จะสังหารทุกสิ่งมีชีวิต
ไม่ดีแล้ว !
สั่นอยู่ข้างใน เขาก็รีบหยุดยิ้ม และเริ่มควบคุมพลังเพื่อโจมตีฉื่อหยาน
คนที่อยู่ภายใต้สภาวะ ถูกควบคุมโดยปีศาจ เขานั้นแทบจะไม่มีสติ หากเขาได้เล็งใครเป็นเป้าหมายแล้ว สิ่งอื่นภายนอกก็แทบจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย สิ่งเดียวที่ทำได้คือฆ่าคนที่อยู่ในสภาวะ ถูกควบคุมโดยปีศาจ ไม่งั้นเขาจะไล่ฆ่าคนอื่น
ที่นักรบจิตใจยังคงปกติ เขารู้ว่าฉื่อหยานตกอยู่ในสภาพอะไร และควรทำเช่นไร
" หยุด พวกเราควรจัดการเจ้าประหลาดนี้ก่อน การดำรงอยู่ของมันสร้างปัญหาให้กับเรา และเป็นภัยคุกคามต่อทุกคน นักรบหันศีรษะของเขาและกระแอมอย่างเย็นชาหยุดนักรบคนอื่นๆ ที่กำลังต่อสุ้กับศพโบราณ และบอกพวกเขาเพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมาย
กลุ่มที่มาจากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มโบราณในดินแดนพระเจ้า พวกเขามีประวัติที่ยาวนาน นิกายนี้คือผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานับหมื่นปี ในนิกายแห่งนี้มีจิตวิญญานต่อสู้ทุกชนิด นักรบเกือบทั้งหมดต่างก็มีพลังพิเศษจากจิตวิญญานต่อสู้
ด้วยคำพูดของเสี่ยวหลิงที่เป็นหัวหน้าทีม เขาเป็นผู้ปกป้องนอกพระราวังจิตวิญญานต่อสู้และถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้อาวุโสในอนาคต
ตราบใดที่เสี่ยวหลิงเข้าสู่ระดับพระเจ้าและผ่านการประเมินจากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ เขาจะต้องมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้อาวุโสของพระราขวังจิตวิญญานต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งของเขาในพระราขวังจิตวิญญานต่อสู้ หรือความมั่งคั่งที่เขาจะได้รับ มันอยู่เหนื่อกว่าผู้ปกป้องภายนอกของเขาในตอนนี้เป็นอย่างมาก
เขามาที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเพื่อหาสมบัติลับศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินระดับจากพระราขวังจิตวิญญานต่อสู้
เจ็ดกลุ่มโบราณในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ค่อยถูกกันนัก . พวกเขายังคงต่อสู้กันเองอย่างรุนแรง เสี่ยวหลิงเองก็ได้ฆ่านักรบจากกองกำลังอื่นไปเป็นจำนวนมากในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬในครั้งนี้ ตลอดทางในการเดินทางของเขา เขาแทบจะไม่พบอุปสรรคใด ๆเลย .
ฉื่อหยานจะไม่พบเขา บางทีอาจเป็นเพราะสมบัติลับของกลุ่มฉื่อหยาน ถ้าเขาพบกับกลุ่มฉื่อหยานเขาคงจะฆ่าแน่นอน
ความจริงแล้วการที่ให้จ้าวเฟิงและ หลี่เยว่ สู้กับถูเค่อ นั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้น เมื่อคนของกลุ่มจ้าวเฟิง และชิเสี่ยวกลุ่มต่อสู้กับนักรบจากดินแดนพิสุทธิ์ เขาก็วางใจ และจ้องไปที่ศพโบราณ และฆ่าพวกมัน ใช้โอกาสนี้เพื่อเก็บสมบัติลับเพิ่มเติม
จริงๆแล้วนี้อยู่ในการคำนวนของเขา เขาต้องการที่จะรอจ้าวเฟิง หลี่เยว่ และ ถูเค่อ สู้จนกว่าทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง แล้วเขาจะฉวยโอกาสนั้นกวาดล้างพวกเขาให้หมด เอาชนะ จ้าวเฟิงกับ ถูเค่อ และฉกฉวยผลประโยชน์ทั้งหมด
เมื่อฉื่อหยานวิ่งมาที่เขา เขาก็สังเกตไปรอบ ๆเล็กน้อย และตระหนักว่า ถูเค่อได้ตายไปแล้ว ผู้คนของจ้าวเฟิงและ หลี่เยว่ก็ดูเหมือนจะได้เปรียบเป็นอย่างมาก
ถึงนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้
การที่ฉื่อหยานมหาเขาก็ไม่นับว่าเป็นปัญหามากนัก หลังจากคำรามเสียงดัง นักรบคนอื่นๆ จากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ก็เข้าใจความคิดของเขา พวกเขาทั้งหมดแสยะยิ้มอย่างเย็นชา และมองฉื่อหยาน อยากจะใช้โอกาสนี้กำจัดฉื่อหยานที่ตกอยู่ภายใต้สภาวะถูกควบคุมโดยปีศาจ
มีเจ็ดนักรบจากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ รวมถึง เสี่ยวหลิง ในหมู่พวกเขา เสี่ยวหลิง และนักรบอีกคนชื่อ เสี่ยวไห่ อยู่ในนภาที่สามระดับนภา ส่วนนักรบที่เหลืออีกห้าคน สามคนอยู่ในนภาที่สองระดับนภา กลุ่มนี้แข็งแกร่งที่สุดในทะเลสาบ พวกเขาทั้งเจ็ดคนมีเป้าหมายเดียวกันคือฉื่อหยาน และพวกเขาก็มั่นใจเป็นอย่างมาก
" ไม่นะ ! " ซั่วฉือไม่สามารถช่วยอะไรได้แต่กรีดร้องออกมา " ท่านปู่ ฉื่อหยานกำลังอยู่ในอันตราย 7 คนนี้อันตรายเป็นอย่างมาก ข้าเกรงว่าฉื่อหยานจะไม่สามารถรับมือได้ .
หน้าซั่วชูก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นซีดเซียว เขาพยักหน้าและบอกว่า "สองนักรบนภาที่สามระดับนภา สามนักรบนภาที่สามระดับนภา และอีกสองคนนภาแรกระดับนภา . . . . . . .กลุ่มนักรบระดับนภานี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแข็งแกร่งกว่ากลุ่มของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิและดินแดนพิสุทธิ์เสียอีก . ฉื่อหยานเห็นได้ชัดว่าต้องลำบากกว่าเดิมแล้ว "
" เช่นนั้นเราควรทำเช่นไรดี ?" ซั่วฉือรอ และกล่าวว่า " ข้านั้นอยู่เพียงระดับปฐพี ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถช่วยเขาได้ "
" อย่าคิดเข้าไปยุ่งเด็ดขาด " ซ้วชูส่ายหัวและจับนางไว้ " . ถ้าเจ้าไป , เจ้าจะถูกฆ่าทันที ถ้าข้าไปที่นั่น ข้าเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ .
ซั่วฉือสีหน้าก็เป็นกังวล แล้วหันไปทางจ้าวเฟิงและ หลี่เยว่ , ตะโกน , " ฉื่อหยานกำลังตกอยู่ในอันตราย "
ในขณะที่จ้าวเฟิงและ หลี่เยว่ ได้จัดการกับนักรบระดับรู้แจ้งที่เหลือ พวกเขาก็ได้ยิน ซั่วฉือ พวกเขาทั้งสองหันหัวของพวกเขาไป จ้าวเฟิงตะโกนออกมา " เสี่ยวหลิงเศษสวะอย่างพวกเจ้า ช่างไร้ยางอายนัก เจ้ากล้าลงมือกับรุ่นเยาวของเรา ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าเจ้าไม่ละอายใจมั่งเลยรึไง ? "
" เขามาที่นี่เพื่อตายเอง อย่าได้โทษเรา . " เสี่ยวหลิงยิ้มจนเห็นฟัน ในขณะที่แขนซ้ายของเขากลายเป็นสีทองเล็กน้อย จิตวิญญานเพชรของเขาปกคลุมทั่ว ทั้งร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว มันดูราวกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำลายมันได้ ดูเหมือนว่าเพียงแขนซ้ายของเขา เขาก็สามารถทำลายอุปสรรคทั้งหมดบนโลกได้
พระราชวังจิตวิญญาต่อสู้ที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้ค้นพบพื้นที่โลหะที่มีองค์ประกอบของธาตุโลหะมากมายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยวหลิงการฝึกบ่มเพาะจิตวิญญานต่อสู้นี้ของเขาได้ไปถึงจุดสูงสุดแล้ว เขาได้ฝึกบ่มเพาะอย่างลำบากในพื้นที่โลหะเป็นเวลาสามสิบปี สิ่งนี้ได้ช่วยให้จิตวิญญานเพชรของเขาดูดซับโลหะได้มากกว่าสิบชนิดจากพื้นที่โลหะ ร่างกายทั้งหมดของเขาถูกเคลิแบทั้งหมด เปลี่ยนเป็นสมบัติโลหะที่ล้ำค่า
จิตวิญญานเพชรนั้นอยูในระดับศักดิ์สิทธิ์ จิตวิญญานต่อสู้นี้ได้รับการสืบทอดมามากกวาแสนปี เมื่อมันถูกเปิดใช้งาน ร่างกายของผู้ใช้จะถูกเคลือบ . ไม่เพียงทำให้ร่างกายมีการป้องกันแข็งเหมือนเพชร แต่แขนและขาก็จะกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง สร้างความหวาดเกรงให้กับผู้คน
ตอนนี้ เสี่ยวหลิงได้เคลือบแขนซ้ายของเขาเท่านั้น เค้ามองฉื่อหยาน และพุ่งไปพร้อมกับพลังโลหะนับสิบชนิดและพลังในร่างกายของเขาโดยไม่ต้องใดๆ เขาก็ชกหมัดออกไปที่ฉื่อหยาน
ประกายไฟของโลหะประทะกันก็ส่องประกายระเบิดออกมา
แขนของเขากลายเป็นเหมือนเหล็กเคลือบ ส่องแสงสีทองแทงตรงมาเหมือนดาบไปที่หน้าอกของฉื่อหยานจนเกิดเป็นเสียงดังลั่น
ฉื่อหยานอย่างบ้าคลั่งก็วิ่งไปข้างหน้ประทะกันจนเกิดเป็นเสียงโลหะขึ้นมาจากหน้าอก ในขณะที่พุ่งไปข้างหน้า เขาถไลออกไปเล็กน้อยจากการระเบิดนี้ เขาลังเลอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า
พลังของโลหะสิบชนิดแปลกประนี้ทะลุหน้าอกของเขาผ่านหมัด
พลังลึกลับในหน้าอกของเขาทันที ก็รวมตัวกันและกลายเป็นก้อนแสงนับไม่ถ้วน ทำลายพลังจากโลหะสิบประเภทและป้องกันพวกมันไม่ให้ทำร้ายร่างกายของเขา
ปลอดภัยและแข็งแกร่งเช่นเดิม
เขาลอยอยู่ในอากาศสักพัก แล้วจู่ๆ ก็ส่งเสียงคำรามออกมา กลุ่มก้อนแสงสีแดงเหมือนเลือดก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา
สองเส้นแสงซึ่งเต็มไปด้วยความกระหายเลือด , โหดเหี้ยม , เลวร้าย และความรู้สึกที่เป็นลบ ทันทีก็พุ่งไปที่เสี่ยวหลิง ทะลุผ่านคอเจาะเข้าไปในร่างกายของเขา
" บ้าเอ๊ย ! ! ! เจ้าสัปประหลาด !" เสี่ยวหลิงสาปแช่งออกมา ร่างกายของเขาทันทีก็ กลายเป็นสีทอง แสงสีทองและแสงสีเงินทั้งสองที่เกิดจากร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วก็ครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของเขา
ในเสี้ยววินาที , พลังโลหะแปลกประหลาดในเลือดของเสี่ยวหลิงก็ไหลออกมาจากร่างกายและปกคลุมเขาเปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนเหล็ก
ฉื่อหยานพลังวิญญานของเขาอยู่ในร่างของเสี่ยวหลิงผ่านคอของเขาแล้ววิ่งไปตามเส้นประสาทของเขาและมุ่งไปยังหัวของเขา
เสี่ยวหลิง แสยะยิ้ม อย่างเย็นชา ตาของเขากลายเป็นสีเงินและทองตามลำดับ ปกคลุมแก้มของเขา ทำให้ร่างกายของเขาดูแปลกๆ ซึ่งให้ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่น
ลบล้างความบ้าคลั่งที่ไหลเข้าไปในร่างกายของเสี่ยวหลิงด้วยพลังโลหพแปลกประหลาด , และดังนั้นมันจึงไม่สามารถเข้าไปที่หัวของเขา
" เจ้าเด็กนั่นต้องมีเคล็ดวิชาบางอย่างแน่นอน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมแม้แต่ ถูเค่อ ถึงตายในมือของเขา ถึงแม้ถูเค่อจะถูกฆ่า แต่ก็ใช่ว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้ " เสี่ยวหลิงสแยะยิ้มและกล่าวว่า , " ถูเค่อ ไม่แม้แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า เมื่อข้าเคลือบร่างกายของข้านักรบที่อยู่ในขอบเขตเดียวกับข้าจะไม่สามารถทำอะไรข้าได้ "
เสี่ยวหลิงเป็นคนที่หยิ่ง และเขาไม่แม้แต่จะเหลือบตาไปมองฉื่อหยาน
นักรบหกคนจากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ พวกเขาไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก พวกเขากระจัดกระจายไปยังนักรบคนอื่นๆที่ตามฉื่อหยานมา [TL.พวกที่โดนบ้าคลั่ง]
เหล่านักรบผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยฉื่อหยานและกลายเป็นบ้าคลั่งล้วนอยู่ในนภาแรกระดับนภา พวกเขามีตาสีแดงและดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยฉื่อหยาน ทันทีที่เห็นเขาสู้กับใคร พวกเขจะรีบวิ่งไปต่อสู้ทันทีโดยไม่สนใจชีวิตของตน
เป็นนักรบหกคนจากพระราชวังจิตวิญญานต่อส้ เมื่อเห็นนักรบเหล่านั้นอยู่เพียงนภาแรกระดับนภา พวกเขาก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น หัวเราะ และลงมืออย่างมั่นใจ ทุกเคล็ดวิชาหายากถูกโยนออกมาจากร่างกายของพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นเคลือบร่างด้วยดินหรือน้ำ
นักรบเหล่านี้จากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้มากกว่านักรบคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาเปิดใช้จิตวิญญานต่อสู้ของพวกเขา , พวกเขาก็ดูเหมือนจะกลายเป็นอีกคน หายนะมาเยือนแก่นักรบที่ถูกผลกระทบจากอารมณ์เชิงลบของฉื่อหยาน
" เจ้าจัดการเขาไป ข้าจะไปช่วยไอ้เด็กบ้านั่น " จ้าวเฟิงบอก หลี่เยว่ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " เด็กคนนี้พิเศษ ถ้าเราแนะนำเขาให้รู้จักกับนิกายเทพได้ พวกเขาจะต้องตอบแทนเราแน่นอน เด็กคนนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อนเขานั้นเคยอยู่เพียงบ่อเล็กๆ ถ้าเราช่วยเขา เขาจะนำประโยชน์ที่คาดไม่ถึงมาสู่เรา "
หลี่เยว่ ดวงตาก็สดใส นางเข้าใจทันที นางพยักหน้าและบอกว่า " ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะจัดการเจ้านี้แล้วไปช่วยเจ้า."
นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์มีหลักคำสอน เกี่ยวกับการตอบแทนอย่างเข้มงวด ถ้าใครรู้จักคนเก่งและแนะนำเข้าสู่นิกายได้จะได้เลือดนตพแหน่ง เห็นฉื่อหยานฆ่า ถูเค่อได้ แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงนภาที่สามระดับรู้แจ้ง สำหรับจ้าวเฟิง ตอนนี้ถือว่าเขาเป็นนักรบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าจ้าวเฟิงดูเหมือนจะใจดี แต่เขาก็มีความใน. เขารู้ว่า ถ้าเขาสามารถทำให้ฉื่อหยานเข้าร่วมนิกายเทพได้ และกลายเป็นดวงดาวที่ยอดเยี่ยมของพวกเข่ เขาก็จะได้เลื่อนขั้นตาม เขาจะมีอำนาจและความมั่งคั่งมากขึ้น
ผ่านฉื่อหยาน บางทีเขาอาจจะได้เรียนรู้เคล็ดวิชาลับที่สืบทอดกันมาในนิกายเทพก็เป็นได้ และก็จะเข้าสู่ระดับพระเจ้า
ดังนั้น ทันทีที่เสี่ยวหลิงต้องการทำลาย ฉื่อหยาน , ทันทีที่เขารู้สึกเป็นกังวล เขาไม่ได้สนใจตัวเองละรีบจัดการกับศัตรูของเขาเพื่อรีบมาช่วยเหลือฉื่อหยาน
" เสี่ยวไห่ จัดการกับจ้าวเฟิง " เห็นจ้าวเฟิงมา เสี่ยวหลิงเผยรอยยิ้มเย็นและพูดกับเพื่อนของเขา
เสี่ยวไห่พยักหน้าแสดงว่าออกว่าเข้าใจ จากนั้นเขาก็กลายเป็นเงาพร่ามัว คดเคี้ยวไปมาพุ่งไปยังจ้าวเฟิง
เสี่ยวไห่ ได้ประทะกับจ้าวเฟิง ก่อนที่เขาได้เข้าใกล้ ฉื่อหยาน ทั้งคู่นั้นต่างก็อยู่ในนภาที่สามระดับนภา จ้าวเฟิงจึงไม่กล้าที่จะประมาทและโคจรพลังเพื่อรับมือกับเสี่ยวไห่อย่างรวดเร็ว
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ