บทที่ 395 เหตุการณ์ที่ทำให้อ้าปากค้างและลืมหายใจ.
บทที่ 395 เหตุการณ์ที่ทำให้อ้าปากค้างและลืมหายใจ.
สัตว์อสูรนอกเมืองโบราณวิ่งเข้าไปในพื้นที่ทะเลสาบ นักรบที่ยังอยู่นอกทะเลสาบเห็นสัตว์อสูรมาก็รู้ว่า สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต พวกเขาไม่รออีกต่อไป พวกเขาพุ่งไปยังกลุ่มนักรบในทะเลสาบเพื่อบุกโจมตีครั้งสุดท้าย
ทันที , สมบัติลับทุกชนิดก็ส่องแสงสาดประกายอย่างบ้าคลั่งในทะเลสาบ เกิดเป็นพลังมากมายปั่นป่วนอย่างรุนแรงระเบิดแรงกดดันออกมา
ฉื่อหยานนั่งอยู่ในทะเลสาบกับหลุมแรงโน้มถ่วงที่ด้านหน้ากลุ่มของเขา ทำให้นักรบคนอื่นๆกลัว ไม่มีใครกล้าพอที่จะเลือกกลุ่มฉื่อหยานเป็นเป้าหมาย
อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ และลั่วหลัน ,ต่างก็วางใจในพลังของฉื่อหยาน พวกเขาพักหายใจและหยิบผลึกอสูรออกมาเพื่อฟื้นฟูพลัง
ชิเสี่ยว ซั่วชู และซั่วฉือเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องขอบคุณฉื่อหยาน ที่ทำให้พวกเขาสามคนตอนนี้มีผลึกอสูรอยู่ในมือและฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของเขา และยังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตกเป็นเป้าหมายของนักรบคนอื่นๆที่อยู่ด้านหน้า
เมื่อมองกลุ่มฉื่อหยานเข้าไปในในทะเลสาบ สามกลุ่มที่มีแข็งแกร่งที่สุดในศูนย์ของทะเลสาบก็มีปฏิกิริยา พวกเขาค่อยๆคลายความระมัดระวังของตนแล้วนั่งลงอีกครั้ง
ทั้งสามกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในศูนย์ของทะเลสาบมีนักรบนภาที่สามระดับนภานั่งอยู่ด้านหน้าเพื่อปกป้องพวกเขา ดังนั้น นักรบคนอื่น ๆที่อยู่รอบๆทะเลสายจึงไม่กล้ายุ่งกับพวกเขา และพยายามจะจัดการกับอีก 5 กลุ่มเท่านั้น
นั่งอยู่ในทะเลสาบ ฉื่อหยานขมวดคิ้ว และสังเกตด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขามองดูนักรบอื่น ๆที่กำลังต่อสู้และฆ่ากันในขณะที่เขาควบคุมหลุมแรงโน้มถ่วงอย่างเงียบๆ หลุมแรงโน้มถ่วงแต่เดิมก็แยกออกเป็นหลุมแรงโน้มถ่วงเล็กๆอย่างเงียบๆ . หลุมแรงโน้มถ่วงเล็กค่อยๆเก็บศพของนักรบที่เกิดจากการต่อสู้
นักรบมากกว่าสิบคนที่ตายถูกดึงเข้าสู่หลุมแรงโน้มถ่วงขนาดเล็ก กลิ่นอายพลังมากมายจากร่างก็ไหลทะลักเข้ามาในจุดชีพจรของฉื่อหยาน
ในขณะที่คนอื่นกำลังหมดท่าจากการต่อสู้ เขาก็ฉวยโอกาสเก็บศพของนักรบที่ตายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง
มีคนมากมายต่อสู้อย่างจริงจัง และนักรบก็ถูกฆ่าตายทุกวินาที ในขณะเดียวกัน ฉื่อหยานก็นั่งสบายอยู่ทะเลสาบ และไม่ต้องเปลืองแรงใด ๆของเขา และยังได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อีกด้วย
การเดินทางมายังหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนั้นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ
ฉื่อหยานส่งเสียงเย็นชาเยาะเย้ยจากภายในหัวใจของเขา เขารู้สึกถึงการหลั่งไหลของพลังที่เข้ามาในร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มสังเกตเห็นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในจิตใจ บางทีเขาอาจจะดูดซับพลังมาเกินไป เขาจึงเรียกสนามแรงโน้มถ่วงกลับมา
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากดูดซับพลังมากกว่านี้ แต่เขารู้จักขีดกำจัดของเขาดี และเขาไม่ควรจะโลภมากเกินไป สถานที่นี้อันตรายและผิดปกติอย่างมาก และถ้าเขาตกอยู่ในสถานะ บ้าคลั่ง จากการที่เขาโลภมันก็คงไม่คุ้มกัน
เขาเลิกดูดซับพลังจากศพจำนวนมาก เขายังคุมเชิงมองดูรอบๆ มองเหล่านักรบที่ตกตายและสัตว์อสูรที่มีเพิ่มมากขึ้น
ในที่สุด สัตว์อสูรหลายร้อยตัวก็จู่โจมเหมือนฝูงตั๊กแตน สัตว์อสูรเหล่านี้เป็นเหมือนกับเสือซุ่มล่าเหยื่อ พวกมันทันทีก็เริ่มล่าสังหารนักรบที่อยู่รอบๆทะเลสาบ
วินาทีนี้ การต่อสู้นอกทะเลสาบโหดร้ายเ็นอย่างมาก
นักรบไม่เพียงต้องเผชิญกับนักรบคนอื่น ๆในทะเลสาบ แต่พวกเขายังต้องรับมือกับสัตว์อสูรที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้น
นักรบนอกทะเลสาบถูกทำร้าย พวกเขาหลายคนถูกกัด และถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แม้กระดูกของพวกเขาก็ถูกกลืนกิน
แม้ว่าทะเลสาบขนาดเล็กจะมีความอัศจรรย์ในการป้องกันสัตว์อสูร แต่เหล่านักรบในทะเลสาบก็ยังกังวลนิดๆว่าพลังป้องกันของทะเลสาบนี้จะพลันหายไปหรือไม่
ด้วยสัตว์อสูรมากมายรวมตัวกันอยู่ด้านนอกได้ หากการป้องกันของทะเลสาบหายไป เหล่านักรบผู้ที่ภาวนาอยู่ก็คงถูกกลืนกินหายไปในเวลาสั้นๆ ไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยง ดังนั้น พวกเขาทุกคนดูเหมือนกับว่ากำลังเผชิญอยู่กับโรคระบาด
การต่อสู้ที่โหดร้ายกับจำนวนของนักรบและสัตว์อสูรที่ตกตายไปเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไป 10 นาที
นักรบวังสวรรค์วังก็เป็นเช่นเดียวกับหนิงเซอ . พวกเขาไม่สามารถเข้ามาในทะเลสาบได้และถูกแทนที่โดยกลุ่มอื่น ๆ พวกเขาถูกกัดและบดเป็นชิ้นๆและ กลืนเข้าไปในท้องของสัตว์อสูร .
ไม่นาน ก็ไม่มีใครมีชีวิตอยู่นอกทะเลสาบ เหลือเพียงชิ้นส่วนของร่างกายและสัตว์อสูรนับพันชนิดที่แตกต่างกัน
สัตว์อสูรเหล่านั้นเปิดปากที่เปื้อนเลือดของตน กลิ่นเลือดเหนียวข้นลอยออกมาจากคมเขี้ยวของมัน ดวงตาเย็นชาของพวกมันมองไปที่นักรบในทะเลสาบแต่ก็ไม่กล้าวิ่งเข้าไป พวกมัรล้อมรอบทะเลสาบโดยไม่จากไปไหน
" ดูเหมือนทะเลสาปสีเงินเล็กๆนี้จะเป็นสถานที่เดียวที่ทำให้รอดได้ " อายหยาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนุ่มนวล และถอนหายใจออกมา " ไม่มีนักรบคนไหนเข้ามาที่นี่ได้อีก พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬช่างโหดเหี้ยวนัก ถ้าเราต้องการที่จะได้รับสมบัติลับ เราจะต้องแลกกับชีวิตของเรา
ไชอี้ และ ลั่วหลี่ก็พยักหน้าพร้อมกันและแสดงใบหน้าที่หวาดกลัว
" ฉื่อหยาน เราต้องรบกวนเจ้าแล้วครั้งนี้ หากไม่มีพายุทอร์นาโดสีเทาของเจ้า , เราก็คงไม่สามารถที่จะยึดตำแหน่งนี้จากมือของคนจากวังสวรรค์ได้ " ลั่วหลี่ แสดงออกอย่างจริงใจและพูด" ในป้อมปราการหิน ถ้าไม่มีเจ้า เราสองพี่น้องคงจะ . . . . . . . "
ลั่วหลี่และลั่วหลันเข้าใจดีว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของ ฉื่อหยาน, สองสาว อายหยา และ ไชอี้คงไม่พาพวกเขามาที่นี่ ถ้าพวกเขาอาศัยแค่เท้าของพวกเขา พวกเขาคงจะมาไม่ถึงทะเลสาบแห่งนี้ , ระหว่างทาง สองพี่น้องก็ค่อยๆ พิจารณาเขาในฐานะผู้นำที่แท้จริง และพวกเขาก็เริ่มที่จะชื่นชม รวมทั้งเคารพในตัวเขา หลังจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น พวกเขาสองคนก็ยอมรับฉื่อหยานอย่างหมดหัวใจ ไม่เหมือนอายหยา และไชอี้ที่มีแต่ความคิดที่ชั่วร้าย
" ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไรพวกเราทุกคนถึงจะออกจากที่นี่ได้ " ฉื่อหยานเผยรอยยิ้มบางๆ " พวกเจ้าและข้าได้ผ่านพ้นประสบการณ์มากมายมาด้วยกัน จึงต้องถือว่าพวกเจ้าเป็นสหายข้า และข้าก็ไม่สามารถทรยศสหายของข้าได้ " .
ในขณะที่พูด ฉื่อหยานก็มองอายหยาและไชอี้
สายตาของสองพี่น้องก็ส่องประกาย ขณะที่พวกเขาพยักหน้า
อายหยา และ ไชอี้ หน้าตาก็ดูไม่มีความสุข ทั้งคู่ถอนหายใจออกมา .
" อย่าพึ่งวางใจไป เพียงแค่สัตว์อสูรเหล่านั้นไม่สามารถโจมตีได้ พายุ เปลวไฟ น้ำแข็ง และ สายฟ้ายังคงอยู่ ทะเลสาบเล็ก ๆ นี้สามารถป้องกันสัตว์อสูรได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถป้องกันหายนะทั้งสี่ได้ " ฉื่อหยานพูดออกมาและสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้ผ่อนคลานลงเลย" เราควรจะระมัดระวังไว้ เมื่อหายนะเหล่านั้นมาถึงที่นี่ เราจะต้องเตรียมตัวให้ดี สิ่งแรกคือการป้องกัน เช่นนั้นแล้วหายนะเหล่านั้นก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้
อายหยา และคนอื่นๆ ตอนนี้ก็กลับมาตรึงเครียด
" ฉื่อหยาน ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงได้เข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้งรวดรเ็วเช่นนี้ ? " ซั่วฉือค่อยๆลุกขึ้นยืนหัวเราะในขณะที่ค่อยๆเดินมาด้านข้างเขา“ข้าจำได้ว่าเมื่อเราเจอกันตอนนั้น เจ้าอยู่ในระดับหายนะ ตอนนี้ พอมาเจอกับเจ้าที่นี่ เจ้ากลับอยู่ในระดับรู้แจ้ง นี่ผ่านมาเพียงเจ็ดถึงแปดปีเท่านั้น ความเร็วในการฝึกบ่มเพาะของเจ้าช่างรวดเร็วนนัก !”
ชิเสี่ยวซู และซั่วชูทั้งสองก็มองเขา
" อะไรนะ ? "ไชอี้ใบหน้าที่งดงามก็เปลี่ยนไป ตาของนางสว่างขึ้น และมองฉื่อหยานอย่างรวดเร็ว " ถึงระดับรู้แจ้ง จากระดับกายนะโดยใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดปี?
ใบหน้าของอายหยา และสองพี่น้องก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขามองเขาราวกับว่ามองสัตว์ประหลาด
ฉื่อหยานขทวดคิ้วของเขา และพูดอย่างเรียบเฉย" ข้าก็แค่โชคดี "
" ฉื่อหยาน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ? เจ้าไม่ได้ไปที่ตระกูลหยางในทะเลไม่มีสิ้นสุดหลอกรึ ?" ซั่วชู ตะลึงชั่วครู่ และก็นึกอะไรขึ้นมาได้ " ใช่แล้ว ปู่เจ้าบอกว่า ถ้าเราเจอเจ้า เขาจะให้เราบอกเจ้าว่า เจ้าต้องฝึกฝนอยากหนัก และ ไม่ทำให้คนจากตระกูลหยางดูถูกได้ แล้วในตระกูลหยางเป็นเช่นไร ? พวกเขาเป็นยังไง ? แล้วเจ้าเจออุปสรรคอะไรหรือไม่?
" ตระกูลหยาง . . . . . . . " ฉื่อหยานพึมพำ ส่ายหัว และเผยรอยยิ้มเหยเก " ข้าไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ , มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างในเวลาสั้นๆ ท่านปู่ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง ? "
" เขาสบายดี ปัจจุบันตระกูลซั่วของเราและตระกูลฉือของเจ้า กลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจที่สุดในสมาคมการค้า ตระกูลเป่ยหมิง ตระกูลโม่และตระกูลหนิงนั้นเกือบจะล่มสลาย เหล่านักรบจากตระกูลทั้งสามถูกกวาดล้าง จุดยืนของพวกเขาในสมาคมการค้านั้นลดลงเป็นอย่างมาก นักรบหน้าใหม่ทั้งหมดล้วนแต่เข้าร่วมกับตระกูลฉื่อและตระกูลซั่ว " ซั่วชูยิ้ม " ต้องขอบคุณเจ้า พวกเราทั้งสองตระกูลถึงมีอำนาจที่สุดในสมาคมการค้า "
" พวกท่านไม่เจอปัญหาใดใช่หรือไม่ ? " ฉื่อหยานถามไปเรื่อย ๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของซั่วชูก็แข็งตรึง ในขณะที่ดวงตาของเขามีร่องรอยของความเศร้า เขากล่าวว่า " เราไม่ได้เจอปัญหาอะไรใหญ่โตนัก อย่างไรก็ตาม อาณาจักรอัคคีและอาณาจักรพรพระเจ้าได้กดดันเรา การต่อสู้ระหว่างสองอาณาจักรนี้ได้แพร่กระจายและส่งผลกระทบต่อสมาคมการค้าของเรา พวกเขาต้องการยืมพลังจากเราและไม่ต้องการให้เราเป็นกลาง เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่ต้องการให้เราอยู่อย่างสงบ . "
อาณาจักรเพลิง อาณาจักรพรพระเจ้าและสมาคมการค้า ในหมู่พวกเขาสมาคมการค้านับได้ว่าอ่อนแอที่สุด หลังจาก ตระกูลเป่ยหมิง ตระกูลหนิงและตระกูลโม่ถูกกวาดล้างออกไป นักรบก็มีไม่เพียงพอ ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถที่จะเผชิญกับการข่มขู่จากอาณาจักรทั้งสองได้ และปล่อยให้พวกเขารังแกอย่างโหดเหี้ยม
"เมื่อได้ยินซั่วชูพูดฉื่อหยานก็ขมวดคิ้วของเขาพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าวว่า " หากเรามีเวลาเมื่อใด ข้าจะหาวิธีที่จะช่วยท่านจัดการกับการถูกข่มเหงจากอาณาจักรทั้งสองเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอจนกว่าเราจะออกจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬได้เสียก่อน อืม ทะเลไม่มีสิ้นสุดเองก็มีปัญหามากมาย " . . . . . . .
เมื่อได้ยินฉื่อหยานพูดเช่นนั้น ซั่วชู และคนอื่น ๆก็สงสัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฉื่อหยานไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกเขาจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
" พวกเจ้าอย่าพึ่งนึกถึงเรื่องเก่าๆเลย ปัญหาใหม่กำลังจะมาแล้ว " อายหยาก็พูดขึ้น ขัดการสนทนาของพวกเขา นางชี้ไปยังพื้นที่ที่มีสายฟ้าหนาแน่นด้านหน้าและกล่าวว่า " สายฟ้านั้นจะมาถึงที่นี่เป็นอย่างแรก เราต้องคิดหากวิธีจัดการกับสายฟ้าพวกนั้นก่อน "
กลุ่มของสายฟ้าที่คดเคี้ยวก็บิดไปมาในอากาศเหมือนงู ส่องประกายแสงไปมาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าสายฟ้าจะผ่านป้อมปราการหินที่ใด มันก็จะถูกระเบิดออก และเศษหินก็จะกระจายไปทั่ว
" ดูท้องบนท้องฟ้านั่น"
นักรบนภาที่สามระดับนภาในศูนย์ของทะเลสาบก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ฉื่อหยาน ด้วยสัญชาตญานก็ยกหัวขึ้นมา
ในบริเวณที่แม่น้ำจักรวาลสองสายบรรจบกัน ศพโบราณที่ซ้อนอยู่ก็ปรากฏขึ้นมากลายเป็นสะพานเชื่อมต่อมายังทะเลสาบเล็ก ๆ
ความปั่นป่วนที่รุนแรงก็ออกมาจากแสงที่ส่องประกาย กลุ่มก้อนแสงหลากสีสันมากมายก็ปรากฏ ซึ่งดูราวกับว่าเป็นปลาที่อยู่ในแม่น้ำ มันบิดและคดเคี้ยวไปมา . หากมองใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มก้อนแสงเหล่านั้นคือ ดาบ , เกราะ , ปิ่นปักผมหยก , หินหยก . . . . . . . สมบัติลับทุกชนิดที่เป็นหยก
" นั่นมันสมบัติลับ "
นักรบในทะเลสาบก็ร้องเอะอะด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะคว้าสมบัติลับ
ในศูนย์ของทะเลสาบหกนักรบนภาที่สามระดับนภาก็ยืนขึ้นทีละคน ยกศีรษะของตนขึ้นมองการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างบนและจ้องกลุ่มของฉื่อหยานด้วยสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีความตั้งใจดี
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ