บทที่ 390 กล้าหาญ
บทที่ 390 กล้าหาญ
นอกปราสาทหิน สัตว์อสูรที่บุกเข้ามาอย่างอุกอาจก็แยกเขี้ยวและกรงเล็บ พวกมันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างน่ากลัว รวมตัวกันอยู่ด้านหน้ากลุ่มของฉื่อหยาน และพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาได้ตลอดเวลา
สามหลุมแรงโน้มถ่วงก็บินรอบๆด้านหน้าปราสามหิน เส้นไหมสีทองส่องประกายแสงสีทองและปั่นไปมาเหมือนใบมีดในหลุมแรงโน้มถ่วง
เหยี่ยวเกร็ดเขียวสิบตัวและงูมังกรสามตัวดูเหมือนจะรู้ว่าหลุมแรงโน้มถ่วงไม่ง่ายที่จะรับมือ พวกมันจ้องไปที่กลุ่มของฉื่อหยานอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวโจมตีอย่างบุ่มบ่าม พวกมันอยู่นอกหลุมแรงโน้มถ่วง ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันกำลังรออะไร เมื่อซั่วฉือ ซั่วชู และชิเสี่ยวเข้ามาปราสาทหิน พวกเขาก็ยังลากสัตว์อสูรมาอีก สัตว์เหล่านี้เป็นจระเข้ยักษ์สามหัว ระดับ 6 และแมงมุมยักษ์แปดเขาระดับเจ็ด
แมงมุมยักษ์แปดเขาแต่ละตัวมีขนาดใหญ่เท่ากับหินโม่ . ขาของพวกเขาส่องแสงสะท้อนเย็นชา พวกมันมีความยืดหยุ่นมากและชักใยลอยอยู่ในอากาศส่งเสียงคำรามเสียดหูออกมา
ที่หลุมแรงโน้มถ่วงอันหนึ่งจระเข้ยักษ์สามหัวถูกรัดคอและลอยอยู่ตรงทิศทางที่ซั่วฉือและอีกสองคนวิ่งมา จระเข้ยักษ์สามหัวทันที ซึ่งกันไม่ให้จระเข้ยักษ์สามหัวที่เหลือเข้ามาและแมงมุมแปดเขาก็แสดงออกอย่างกราดเกรี้ยว ขณะที่พวกมันกลัวที่จะเดินเข้ามาเหมือนกับจระเข้ยักษ์สามหัวที่ถูกฆ่าตาย พวกเขาสามารถรักษาระยะห่างจากหลุมแนงโน้มถ่วงและจ้องมองไปที่เป้าหมายเดิมก็คือสามคนที่พึ่งมาถึง
ขณะที่เข้าไปใกล้กลุ่มของฉื่อหยาน ซั่วชู ทันทีก็รู้สึกได้ถึงระดับการบ่มเพาะของฉื่อหยานอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพวกเขาตกใจในขณะที่เขาตื่นตกใจด้วยความกลัว
ชิเสี่ยวและ ซั่วฉือเองก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขามองฉื่อหยานด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ พวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาทำอะไรบ้างในช่วงเวลาไม่กี้ปี เขาถึงสามารถอยู่ในนภาที่สามระดับรู้แจ้งได้
" ไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้ ไม่ใช่เวลามาพูดกัน " หน้าฉื่อหยาน ก็เคร่งขรึม เขตั้งสมาธิควบคุมหลุมแรงโน้มุ่วงอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเหล่านั้นเข้ามาใกล้
ปราสาทหินสูงร้อยเมตร แต่ฉื่อหยานกับกลุ่มกลับอยู่สูงเพียง 30 เมตรเท่านั้น
ด้วยระยะนี้ จึงอยู่ไม่ห่างจากสัตว์อสูรมากนัก แม้ว่าจะไม่สามารถบินได้ แต่เพียงใช้กำลังของพวกมันก็เพียงพอที่จะกระโดดขึ้นมาได้ หากไม่มีหลุมแรงโน้มถ่วงสัตว์อสูรเหล่านี้คงจะบุกขึ้นมาในปราสาทแล้ว
งูมังเขาเดียว และสามเหยี่ยวเกร็ดเขียวที่ได้มาก่อนหน้านี้ก็จ้องมองเพื่อรอโอกาศอยู่ด้านหลังป้อมปราการ
เมื่อเก้าสัตว์ซึ่งได้รับตามซั่วชู , มาด้วยกัน พวกเขารีบปิดกั้นทุกเส้นทางโดยไม่ต้องออกจากช่องว่างใด ๆ ให้กลุ่มของฉื่อหยานหลบหนี
อายหยาและ ไชอี้ก็มองซั่วฉือด้วยสีหน้าที่รำคาญ
ชิเสี่ยวที่อยู่ในนภาที่สองระดับนภา ขณะเดียวกันซั่วฉือกลับอยู่เพียงระดับปฐพี และซั่วชูก็อยู่ในนภาที่สามระดับรู้แจ้ง สำหรับอายหยาและไชอี้แล้วความสามารถเพียงแค่นี้นับได้ว่าเป็นภาระของพวกนาง
ถ้าเป็นอายหยาที่เป็นหัวหน้า ถึงแม้นางจะรู้ว่าเป็นคนรู้จักฉื่อหยาน นางก็ไม่ลังเลที่จะเตะพวกเขาออกไปและปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันเอง
อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ได้ใช้พลังของเขาเพื่อพิสูจน์ตำแหน่งของเขาในกลุ่มแล้วถึง แม้ว่อายหยาและไชอี้จะไม่มีความสุข พวกนางก็ไม่ได้ต้องการที่จะสร้างปัญหาอะไรให้เขา และยอมรับข้อตกลงของเขา
" ซั่วฉือ ท่านอย่าได้ไปไหน หลบอยู่หลังเรา พวกเราจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหล่าสัตว์อสูรที่เจ้าเล่ห์พวกนี้ " ฉื่อหยานพูดอย่างเย็นชา มองอายหยาและ ไชอี้ และพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา " ทั้งสามคนเป็นสหายของข้า ถ้าเจ้ากล้าที่จะก่อความวุ่วาย อย่าได้โทษว่าข้าไม่มีความเมตตา”
อายหยา และ ไชอี้หน้าสวยเปลี่ยนไป พวกนางถอนหายใจ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉื่อหยาน กลุ่มของชิเสี่ยวทั้งสามคนต่างก็โกรธอยู่ในใจ พวกเขาแอบเตรียมพร้อมรับมือกับอายหยาและไชอี้
ชิเสี่ยวและ ซั่วชู เป็นจิ้งจอกเฒ่า ด้วยคำพูดของฉื่อหยาน พวกเขาก็รู้แล้วว่าไชอี้และอายหยาไม่เป็นมิตร
สัตว์อสูรกำลังอาละวาดอยู่ในเมืองโบราณ ทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย ในเวลานี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือจิตใจที่ชั่วร้ายของคน
พวกเขาสามคนมาที่นี่จากสมาคมการค้าเป็นเวลานาน และพบนักรบมากมายที่ต้องการฆ่าพวกเขา ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่มีคนดีในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬแห่งนี้ และพวกเขาก็ต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากร
"ฉือเอ๋อ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์อสูร ฟังฉื่อหยานพูดและเตรียมรับมือไว้ " ชิเสี่ยวกระซิบ .
ซั่วฉือกระพริบตาและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาที่งดงามของนางส่องประกายจ้องมองฉื่อหยาน
สัตว์อสูนกระจายอยู่รอบๆ ในทุกทิศทาง ฉื่อหยาน ก็ยืนอยู่ด้านหน้าป้อมปราการด้วยใบหน้าเย็นชาและดวงตาที่เด็ดเดี่ยว เขาดูเหมือนหินที่ตั้งอยู่เช่นนี้มาหมื่นปีโดยไม่ขยับเขยือนไปไหน ในขณะที่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าโลก
เวลานี้ ฉื่อหยานไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นผู้ชายที่ทรงเสน่ห์แค่ไหน
หลังจากที่ไม่ได้เจอเขามานาน นางกลับบังเอิญเจอฉื่อหยาน ในเวลาที่อันตราย หัวใจของซั่วฉือปั่นป่วนเล็กน้อย ใจจิตใจของนางคิดว่านี้เป็นพรมลิขิตที่พระเจ้ากำหนด
ก่อนหน้านี้ ในสมาคมการค้า ฉื่อหยานเองก็เป็นบุคคลที่โดดเด่น เขาเย็นชาและโหดร้าย จึงได้ทิ้งความประทับใจลึกๆไว้ในหัวใจของซั่วฉือ หลังจากที่เขาออกจากสมาคมการค้า ซั่วฉือก็คิดถึงเขาเสมอ นางไม่สามารถควบคุมจิตใจของนางได้เมื่อได้ยินคำว่าฉื่อหยานผู้เป็นที่มีพรสวรรค์โดเด่นของสมาคมการค้าและอาณาจักรอัคคี
ยิ่งนางเปรียบเทียบเท่าไหร่ นางรู้สึกว่าเยาวชนที่โดดเด่นของ สมาคมการค้า อาณาจักรเพลิง และอาณาจักรพรพระเข้าดูเหมือนจะด้อยกว่าเขามาก ไม่ว่าจะระดับหรือความคิดของพวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับฉื่อหยานได้
ฉื่อหยานจากไปได้ไม่กี่ปี ซั่วฉื่อก็รับมือและพบประกับชายหนุ่มจากที่ต่างๆ ที่โดดเด่นจากอาณาจักรเพลิง และอาณาจักรพรพระเจ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม นางกลับไม่พอใจพวกเขาเหล่านั้นเลย และนางก็มักนำพวกเขาไปเปรียบเทียบกับฉื่อหยาน ยิ่งเปรียบเทียบนางก็ยิ่งรู้สึกว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถเทียบเขาได้
ซั่วฉือสันนิษฐานว่านางอยากจะพบฉื่อหยานอีกครั้งและตอนนี้ก็ได้เจอเขาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ การพบกันที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้นางมีความสุขมาก และนางก็รู้สึกกลัวในเวลาเดียวกัน นางจ้องมองฉื่อหยานที่ไม่หวาดกลัวต่อสัตว์อสูรมากมาย จากด้านนอกนปราสาท นางที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากเรื่องทั้งหมดก็ผ่อนคลาย
" อาวุโสชิเสี่ยว ท่านไปยืนที่นั่น และเตรียมรับมือกับแมงมุมยักษ์แปดเขา อืม ปู่ซั่ว ท่านอยู่ที่เดียวกับอาวุโสชิเสียวป้องกันด้านนั้นที "ฉื่อหยานชี้ออกไปและจากนั้นก็มองไปที่ไชอี้และสองพี่ร้อง " พวกเจ้าอยู่ด้านซ้าย พร้อมที่จะรับมือกับงูมังกรเขาเดียว อายหยา เจ้าระวังหลังให้เรา”
ภายใต้สายตาของสัตว์อสูร ' , ฉื่อหยาน สงบลงอย่างเย็นชามองไปข้างหน้าและกล่าวว่า " เมื่อสัตว์อสูรเหล่านั้นเข้ามาเราต้องใข้พลังฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว เราไม่ควรปล่อยพวกมันให้อยู่นานเกินไป มันจะไม่เป็นผลดีเพราะยังที , สายฟ้าฟาด , พายุทอร์นาโด เปลวไฟ และน้ำแข็ง ข้างนอกปราสาท ไม่เพียง แต่เราต้องฆ่าเหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้ทั้งหมด แต่เราต้องระวังใม่ให้ตัวเองบาดเจ็บด้วย " อายหยาและคนอื่นๆก็พยักหน้าพร้อมกัน
ซั่วฉือ ซั่วชู และชิเสี่ยวก็ สบตากัน .
ในสมาคมการค้า ฉื่อหยานอยู่เพียงระดับหายนะ ถึงแม้ว่าเขาได้แสดงประสิทธิภาพที่โดดเด่น เขาก็เป็นแค่รุ่นเยาว์ที่หยิ่งพยองจากตระกูลฉื่อ เทียบกับ ซั่วฉือ ซั่วชู และ ชิเสี่ยว ในตอนนั้น ฉื่อหยานอยู่ห่างไกลจากพวกเขามาก
เวลานี้ ไม่เพียงแต่ฉื่อหยานจะอยู่ในนภาที่สามระดับรู้แจ้ง แต่เขาก็ยังออกคำสั่งนักรบระดับนภาได้ด้วย เมื่อมองไปที่การแสดงออกของสองสาวพวกเขาก็รู้ว่าพวกนางนั้นทำตามคำสั่งจริงๆ
เมื่อเห็นมันด้วยตาตนเอง ซั่วฉือ ซั่วชู และ ชิเสี่ยว ก็แอบกลัว และเกือบจะไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากเรื่องทั้งหมด ในสมาคมการค้า เมื่อตอนอยู่ใต้อำนาจเป่ยหมิง ฉื่อหยานต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา แสดงความเคารพต่อพวกเขา และมองพวกเขาว่าเป็นผู้อาวุโส
จู่ๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกเช่นนั้น ซั่วชูและชิเสี่ยวก็ ลังเล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเถอนหายใจและในที่สุดก็เชื่อฟังคำสั่งของเขาเช่นกัน
" สัตว์อสูรเหล่านี้กำลังรอให้เปลวไฟและวายฟ้าฟาดออกมาจากภูเขา พวกมันรอให้อันตรายเหล่านั้นมาถึงและลงมือกับเรา " ไช่อี้ยืนอยู่ข้างๆ ฉื่อหยาน สังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบที่ขอบของเมืองโบราณ หน้าสวยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางจึงพูดด้วยเสียงสั่นๆ " เปลวไฟ , สายฟ้าฟาด , พายุทอร์นาโด , และน้ำแข็งดูเหมือนจะไม่มีผลต่อสัตว์อสูรเหล่านั้น ดูสิ ! "
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็มองไปทางชานเมืองของเมืองโบราณ
เป็นเช่นนั้น หายนะจากภูเขาทั้งสี่ค่อยๆห่อหุ้มและเริ่มที่จะปกคลุมเมืองโบราณ
แต่สัตว์อสูรยังปลอดภัยภายใต้หายนะพวกนั้น หายนะนี้ไม่ทำอันตรายใดๆกับสัตว์อสูร
อันตรายเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรสัตว์อสูรได้เลย ในทางตรงกันข้าม พวกมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากที่นักรบมนุษย์ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ , สายฟ้าฟาด , พายุทอร์นาโด , และน้ำแข็ง พวกเขาก็ถูกเผาไหม้ หรือถูกแช่แข็ง ไม่ก็ปลิวไปตามพายุ
ในขณะที่สัตว์อสูรไม่เป็นอะไร นักรบมนุษย์กลับไม่สามารถรับมือกับหายนะนี้ได้เลย นักรบมนุษย์ต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาและหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่โหดร้ายนี้ด้วยความตื่นตระหนก
เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี นักรบในป้อมปราการรอบๆวิ่งหนีออกไปและวิ่งเข้าสู่ไปยังศูรย์กลางเมืองโบราณ
เปลวไฟ พายุทอร์นาโด สายฟ้า และ น้ำแข็ง ค่อยๆ เข้าหา เมืองโบราณ ศูนย์กลางของเมืองจะเป็นเขตสุดท้ายที่จะได้รับผลกระทบ ดังนั้น การย้ายไปยังศูนย์กลางของเมืองโบราณนี้จะช่วยให้พวกเขาเจอกับหายนะช้าที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการเช่นนั้น แต่การทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขาหนีจากเหตุการณ์หายะนี้ได้ชั่วคราว มันยังช่วยให้พวกเขมีาเวลาที่จะหาทางหลบหนีและยื้อชีวิตพวกเขาได้
ดังนั้น บรรดานักรบที่อยู่รอบๆก็ถูกไล่ล่าและสังหารโดยสัตว์อสูร ขณะที่วิ่งเข้าสู่ศูนย์กลางของเมืองโบราณ
หลายคนต่างก็เลือกเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด พวกเขาไม่กล้าที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูร และเพียงแต่มุ่งไปยังศูนย์กลางเมืองโบรารแทน
ป้อมปราการหินที่กลุ่มของฉื่อหยานอยู่ไม่ได้อยู่กลางของเมืองโบราณเหมือนกัน มีถนนใหญ่เชื่อมต่อไปยังศูนย์กลาง นักรบเหล่านั้นมุ่งไปทำให้ลากสัตว์อสูรไปด้วย สัตว์อสูรเหล่านั้นเป็นเหมือนกระแสนามซัดเข้าไปในเมืองอย่างรุนแรง เข้ามาใกล้กับกลุ่มฉื่อหยานขึ้นเรื่อยๆ
" ไม่ค่อยดีแล้ว เราต้องไปที่ศูนย์ของเมืองโบราณ มิฉะนั้น สัตว์อสูรเหล่านั้นจะฆ่าพวกเราระหว่างทาง. "
หลังจากฉื่อหยาน เข้าใจในสถานการณ์อย่างละเอียด หน้าของเขาก็ซีด ขณะที่ขยีบ . เขาไม่กล้าที่จะเสียเวลาอีกต่อไปและรีบตะโกนออกมา " รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ "
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ