บทที่ 388 เสียงคำรามของสัตว์อสูร
บทที่ 388 เสียงคำรามของสัตว์อสูร
ในเมืองโบราณของดินแดนเล้นลับ . . . . . . .
ฉื่อหยาน และคนอื่นๆอยู่ภายในปราสาทโบราณ และบ่อยครั้งก็มองท้องฟ้าที่มีจักรววาลทั้งสองบรรจบกันรอการเปลี่ยนของจักรวาลที่จะเกิดขึ้นเหนือหัวของเขา
อายหยา ไชอี้ และสองพี่น้องนั้นไม่เคยมาที่นี่มาก่อน พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพื้นที่นี้จากผู้อาวุโสของพวกเขา
ผู้อาวุโสที่เคยมาที่นี่ก่อนหน้าได้บอกข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาเล็กน้อย เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะแตกกันไปทุกหกสิบปีและพวกเขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะพูดถึงสิ่งที่พวกเขาเจอได้
ดังนั้น กลุ่มของฉื่อหยานจึงทำได้แต่รอและระมัดระวังการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า พวกเขาต้องการที่จะหาเบาะแสบางอย่างจากการเปลี่ยนแปลงนั้น
ในเมืองโบราณนี้ กลุ่มเล็กๆอย่างกลุ่มของฉื่อหยานมีอยู่หลายกลุ่ม แต่ตอนนี้ กลับไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น
กลุ่มนักรบที่เข้ามาล้วนแต่ไม่ธรรมดา พวกเขาได้ผ่านอันตรายมามากมาย เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดจึงนั่งสมาธิเพื่อปรับและรักษาพลังของพวกเขาให้อยู่จุดสูงสุด เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หนิงเซอยังมาไม่ถึง มันอาจเป็นเพราะตัวไหมทองคำอยู่ในแหวนสายโลหิตจึงทำให้การเชื่อมต่อระหว่างมันกับหนิงเซอถูกตัดไป ในขณะเดียวกัน ฉื่อหยานกลับพร้อมตลอดเวลา และเตรียมที่จะพบกับหนิงเซออีกครั้ง แต่น่าเสียดาย ที่ดูเหมือนว่าหนิงเซอจะไม่ปรากฏในสถานที่แห่งนี้ ฉื่อหยานอยู่สูงขึ้นมาหนึ่งร้อยเมตภายในปราสาทโบราณ ซึ่งมีหลายร้อยห้องพักขนาดต่างๆ ห้องที่มีขนาดเล็กสุดคือมีขนาด 60 หรือ 70 เมตร .
ปราสาทนี้แน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่มีคนเคยอยู่มาก่อน เดินรอบๆ ปราสาทนี้ พวกเขาก็ตระหนักว่ามีเตาอยู่หลายที่พร้อมกับมีเครื่องมือสำหรับนักหลอมอาวุธ
มีเครื่องมือชำรุดอยู่มากมาย และอุปกรณ์ทั้งหมดต่างก็ถูกทิ้งล้างไว้ ดินแดนเล้นลับแห่งนี้จะเปิดทุกๆหกสิบปีและได้อยู่ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬมานับพันปี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีนักรบมากมายเข้ามาที่นี่ แม้ว่าปราสาทเหล่านี้จะมีวัสดุในการหลอมนับไม่ถ้วน พวกมันกลับไม่สามารถใช้ทำอะไรได้
ดังนั้น กลุ่มฉื่อหยาน จึงไม่เสียเวลาเพื่อค้นหาสิ่งใด แต่โคจรพลังเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่จักรวาลเหนือศรีษะของเขา
ตอนนี้องสองพี่น้องก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ส่วนฉื่อหยาน อายหยา และ ไชอี้ก็กำลังทำสมาธิดูดซับพลังจากผลึกอสูร
ในกรุหินขนาดเท่าสนามบาสเกตบอล ฉื่อหยานดวงตาก็มีแสงดวงดาวส่องออกมาเล็กน้อย เขาส่องสายตามองกลุ่มจุดแสงดวงดาว ในขณะที่เขาใช้จิตวิญญานแห่งดวงดาวเพื่อควบคุมพวกมัน เขาควบคุมให้พลังจากดวงดาวเหล่านั้นเข้ามาในจิตสำนึกของเขา
กลุ่มจุดแสงดาว ซึ่งดูเหมือนกลุ่มของหิ่งห้อย ก็บินรอบๆส่องแสงสว่างขึ้นทั่วห้องหิน แสงดวงดาวเคลื่อนไหวเป็นเส้นโค้งและ เส้นตรง เหมือนกับรูปแบบที่อัศจรรย์ พวกมันทั้งหมดเคลื่อนไหวแตกต่างกัน
มองไปยังจุดแสงที่กระพริบไปมา ฉื่อหยานห้วงจิตสำนึกก็ปั่นป่วนเล็กน้อย . เขาสงบจิตใจของเขา ให้เขาใจวิธีการเคลื่อนไหวของดวงดาว
เขาจมอยู่ในจิตสำนึกของเขา . . . . . . .
เนื่องจากมีเรื่องของความคิดที่อยู่ในวิชาต่อสู้ ตราบใดที่เขามีเวลาว่าง เขาจะใช้จิตวิญญานแห่งดวงดาวของเขาปลดปล่อยจุดแสงดวงดาว และควบคุมพวกมัน พยายามที่จะทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้
ในระดับนภา การทำความเข้าใจในระดับนั้นสำคัญต่อการบรรลุระดับ ตั้งแต่ที่เขาถ่ายทอดแหลงกำเนิดวิญญานเข้าไปในจิตวิญญานแห่งดวงดาวเพื่อเข้าถึงระดับนภา เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานแห่งดวงดาวมากขึ้น การทำความเข้าใจเกี่ยวจิตวิญญานแห่งดวงดาวนั้นยากเป็นอย่างมาก
เมื่อแต่ละจุดประกายแสงดาวปรากฏขึ้น เขาก็ปล่อยตัวเองเข้าสู่สมาธิ . มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากเมื่อเขาแช่ตัวเองไปกับดวงดาวที่มากมาย เขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับดวงดาวบนท้องฟ้า มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เขารู้สึกโดดเด่นและสามารถเข้าใจความเป็นนิรันด์ของดวงดาว
ทันใดนั้น แกนเพลิงก็ส่งข้อความมาจากแหวนสายโลหิต
ฉื่อหยานทันที ก็ตื่นมา นั่งมองร่างงดงามที่แอบเข้ามาในห้องหิน และเขาก็ขมวดคิ้วและถาม " เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆเกิดขึ้นรึ ?
คนๆนั้นคือไชอี้
เครื่องแต่งกายที่ละเอียดอ่อนของนางขยับไปมา รอบร่างกายสง่างามของนาง ริบบิ้นห้าสีแต่ละเส้นก็กระพือขึ้นจากกระโปรงของนาง นางก้าวเดินมาอย่างสบาน คิ้วของนางงดงาม แววตาสดใสเหมือนอัญมณีอันล้ำค่า ภายใต้จุดแสงดวงดาว นางดูงดงามเป็นอย่างมาก
" ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อหวังว่า เจ้าจะเอาเมล็ดวิญญานออกจากร่างข้า . " ไชอี้สร่างสง่างามก็หยุด นางขบฟันเล็กน้อย และกล่าวว่า " เจ้าบอกว่าเราเป็นสหายกัน และในเมือเราเป็นสหายกัน เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้อีก
ฉื่อหยานยืนแล้วแสยะยิ้มอย่างเย็นชา " ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่คิดว่าข้าเป็นสหายหละสิ "
" มันนานมากแล้ว ข้ารู้ว่าตอนนั้นข้าตั้งใจตะฆ่าเจ้า แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้มีความคิดนั้นอีกแล้ว " ไช่อี้รู้สึกอายและพูดอย่างเขินอาย " ที่ด้านล่างของทะเลสาบ เจ้าได้ดูถูกข้า และนั้นก็ทำให้ข้าต้องการฆ่าเจ้า ไม่ต้องพูดถึง ตอนที่ข้าไม่ใช้มือเท้าได้อีก ถ้าเจ้าเอาเมล็ดวิญญานออกจากร่างข้า ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าอีก ความสัมพันธุ์ของเราคงจะตรีงเครียดเช่นนี้ เจ้าคิดเช่นไร ? "
"คงต้องรอไปก่อน รอจนกว่าเราจะออกจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬได้ก่อนและข้าจะเอาเมล็ดวิญญานออกจากหัวของเจ้า . " ฉื่อหยานก็ส่ายหัวอย่างเฉยเมย และพูดอย่างไม่แยแส " ในกรณีที่เจ้าและอายหยาร่วมมือกันรเพื่อฆ่าข้า มันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเจ้าที่จะลงมือขณะที่ข้าลำบากในดินแดนเล้นลับ ขอโทษนะ แต่ช้าไม่เชื่อเจ้า การฝังเมล็ดวิญญานไว้หัวของเจ้านั้นทำให้ข้าสามารถควบคุมอายหยาได้ในช่วงที่วิกฤต ข้าไม่กล้าปล่อยวางกับหญิงสาวโหดเหี้ยมเช่นเจ้าทั้งสอง”
ไชอี้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนก็มืดมน นางพูดออกมาด้วยความโกรธ " วิญญาณหลักของข้ามีเมล็ดวิญญานฝังอยู่ ดังนั้น แน่นอนข้าจึงถูกจำกัดและไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พวกเราทั้งหมดสมควรรับมือกับมันด้วยพลังทั้งหมดเพื่อสมบัติลับ ถึงเวลานั้น ถ้าพลังของข้าไม่สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่ ข้าอาจจะตายที่นี่ เจ้าต้องการให้ข้าตายที่นี่ ? "
ฉื่อหยานยังเฉยเมย
" พูดมา ข้าต้องทำเช่นไร , เจ้าถึงต้องการเอาเมล็ดวิญญานออกจากร่างข้า ? " ไชอี้ เงียบสักพัก แล้วคอของนางก็แดง นางหันหลังไปทาวฉื่อหยาน แล้วค่อยๆถอดชุดของนางก็ค่อย ๆเปิดเผยนางผิวที่ขาวเนียน
นางถอดเสื้อผ้าของนางจนเอวเรียวของนางถูกเปิดเผย แล้วสองมือของนางก็กุมหน้าอกนางใหญ่ที่กระชับขาวราวกับหิมะ แล้วนางก็หันหลังกลับ นางก้มศีรษะมองไปที่เท้าของนาง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ " . ข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชอบออะไร ตราบใดที่เจ้าเอาเมล็ดวิญญานออกจากร่างข้า ,ข้าจะให้เจ้าสัมพัสพวกมัน .
ไช่ยี่ร่างกายส่วนบนก็ถูกเปลือยกายล่อนจ้อน ภายใต้จุดแสงดวงดาว ผิวสีขาวของนางก็เรืองแสงอย่างสวยงาม หน้าอกใหญ่ของนางถูกปิดด้วยสองมือที่นางไม่สามารถคปกปิดได้ทั้งหมด นางแสดงด้วยความตื่นตระกหนก ความงามของนางล้วนทำให้ชายหนุ่มบ้าคลั่งได้
" แม้ว่าข้าจะชอบผู้หญิง ข้าก็ไม่โง่พอ ที่จะเอาความปลอดภัยของตัวเองแลกกับเรื่องนี้ " ฉื่อหยานดวงตาก็ส่องประกาย , มองไปที่ไชอี้ที่เปลือยเปล่าส เขาก็ยิ้มจนเห็นฟัน " เจ้าควรไปซะ ก่อนที่จะออกไปจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ ข้าจะเอาเมล็ดวิญญานที่ฝังอยู่ในร่างเจ้าของ ต่อให้เจ้ามอบร่างกายของเจ้าให้ข้า ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ "
ไชอี้ ยกหัวของนางจ้องฉื่อหยานด้วยความโกรธ นางคบฟันแน่น แสดงออกถึงความเกลียดชัง และไม่พอใจที่นางไม่สามารถบดขยี้ฉื่อหยานออกเป็นชิ้นๆได้
ฉื่อหยานแสยะยิ้มอย่างเย็นชา และ เดาะลิ้นของเขา“ร่างกายของเจ้านั้นงดงามจริงๆ . รอจนกว่าเราจะออกจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬได้ ถ้าเจ้ายังอยากมอบร่างกายให้กับ้ขา ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ หึ ข้าชอบผู้หญิงที่เริ่มก่อน ข้าจะไม่ปฏิเสธหญิงสาวทุกคนที่เสนอให้ข้า ตอนนั้นมั่นใจเลยว่า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
" ข้าขอสาปแช่งเจ้า ให้ไม่ตายดี " ไช่สาปแช่งและสวมใส่เสื้อผ้าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หลังจากที่นางออกจากห้องด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
ฉื่อหยานก็เผยรอยยิ้มเย็นชา ส่ายหัวแล้วพูดว่า " ร่างที่ปรากฏต่อหน้าข้านั้นไม่เลวเลย แต่น่าเสียดาย ที่ร่างนี้กลับเป็นของหญิงชั่ว ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น นางนั้นสามารถแยกเขี้ยวพิษออกมาได้ตลอดเวลา มิฉะนั้น ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ " .
เขาไม่ได้ถูกรบกวนโดยไช่อีมาอีก หลังจากที่นางจากไป ฉื่อหยานก็ฝึกบ่มเพาะต่อในห้องหิน และหมุนเวียนพลังดวงดาวลึกลับในเวลาเดียวกัน
วันนี้เอง ฉื่อหยานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
"จักรวาลมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง !" เขายกศีรษะของเขาเป็นอายหยาที่ส่งเสียวชัดเจน ฉื่อหยานขมวดคิ้วเล็กน้อยและ หยุดการฝึกความคิดและลุกขึ้นยืน
อายหยา แตกต่างจาก ไชอี้ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางคงไม่มาที่นี่ เมื่อนางเข้ามาในห้องนี้อย่างห้าวหาญ ฉื่อหยานก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอก
" มันไม่ใช่จักรวาลอีกต่อไปแล้ว " หน้าของ อายหยาก็จริงจัง "เป็นสัญลักษณ์ทั้งสี่บนภูเขารอบๆ ตั้งแต่เมื่อวาน สัญลักษณ์ทั้งสี่ดูเปลี่ยนไป แผ่นดินไหวสะเทือนเล็กน้อยและมีเสียงดังออกมาจากภูเขาโดยรอบเมืองโบราณ ในแผ่นดินที่สั่นสะเทือน เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังออกมาจกาภูเขารอบๆ .
" สัตว์อสูร " ? ฉื่อหยาน ก็ตะลึงมองภายนอก และถามว่า " เจ้าเห็นสัตว์อสูรปรากฏตัวรึ ? "
" ยัง แต่เกิดเสียงคำรามขึ้นมากมาย " ใบหน้าของอายหยาก็แปลกไป " . ข้าเดาว่า น่าจะมีสัตว์อสูรนับร้อยที่มีระดับต่างกัน นี่ข้าคาดเดาจากเสียงคำรามเท่านั้น จำนวนที่แท้จริงอาจมีมากกว่านั้น ถ้าสัตว์อสูรบุกเข้ามาในเมืองโบราณ มันคงจะง่ายที่จัดการกับพวกเขา . "
" สัตว์อสูรหลายร้อยตัว ?
หน้าฉื่อหยานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ระดับต่ำสุดของสัตว์อสูรที่เขาพบในสถานที่แห่งนี้คือระดับหก เขาไม่เคยเห็นสัตว์ที่มีระดับต่ำกว่านั้น ถ้าเป็นสัตว์อสูรระดับหกร้อยตัว มันก็จะน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่ถ้ามีสัตว์อสูรระดับเจ็ดจำนวนมากอยู่ในหมู่พวกมัน ก็ยากที่จะจัดการ
" พวกมันอย่างน้อยหนึ่งในสามอยู่ระดับ " อายหยาพูดเพิ่ม
ฉื่อหยานรู้สึกหนาวหัวใจ ใบหน้าของเขาเครียด " ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับจักรวาลเร็วๆนี้ เมื่อสัตว์อสูรนับร้อยปรากฏ สถานที่แห่งนี้จะไม่สงบอีกต่อไป "
หลังจากพูด เขาก็เดินออกจากห้องมุ่งหน้าไปที่ๆสองพี่น้องกำลังเฝ้ายามอยู่
ภายนอกเมืองโบราณ ดูเหมือนเทือกเขาโบราณทั้งสี่มีเสียงคำรามดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากระยะไกล ท่ามกลางภูเขาที่สั่นสะเทือน การเปลี่ยนแปลงบางอย่างดูเหมือนกำลังจะเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ