บทที่ 387 เจ็ดกลุ่มโบราณ
บทที่ 387 เจ็ดกลุ่มโบราณ
ยืนอยู่ในปราสาทหิน อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ และลั่วหลัน มองไกลออกไปและกำลังรอบางอย่างเงียบๆ
" เขาจะหาเราเจอ และมาที่นี่แน่รึ นี่ก็นานแล้วนะ ถ้าเขาไม่มา แล้วเราเจอกับหนิงเซอ เราคงจะรับมือได้ไม่นาน " ลั่วหลันเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือขณะที่เงยหน้าขึ้นเป็นพักๆด้วยสีหน้ามุ่ย และพูดพึมพำ
อายหยา มือหยกก็กำลังเล่นเหรียญที่อยู่บนมือนางกลิ้งมันไปมาระหว่างนิ้วเรียวยาว มีแสงสีทองกระพริบออกมาบางครั้งบางคราจากหลุมกลางเหรียญ
" เขาจะมาเจอเราแน่ใช่ไหม " หลังจากได้ยินลั่วหลันพึมพำอายหยาก็เหลือบไปมองไชอี้ แล้วถามว่า " ไชอี้ ?"
สองพี่น้องมองไชอี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ไชอี้กระแอมออกมา ในขณะที่ดวงตาคู่สวยของนางเริ่มซีด . นางขบฟันของนาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
"มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเจ้า กับฉื่อหยานใช่หรือไม่ ? ถ้าไม่ใช่ ทำไมตอนที่เขาบอกว่าเขาจะมาเจอเรา เขาถึงมองเจ้ากัน ?" อายหยาสังเกตใบหน้าของนางที่เปลี่ยนไปในขณะที่เหรียญในมือของนางก็หยุดหมุน " เขาทำอะไรกับร่างกายของเจ้าใช่ไหม ? " ใบหน้าของไชอี้ก็เปลี่ยนไป
สีหน้าของสองพี่น้องก็กลายเป็นหดหู่ ดวงตาของพวกเขาก็เบิดกว้างขณะที่ส่องประกายตกตะลึง
" อย่ายื่นจมูกของเจ้ามายุ่งเรืองของข้า " ไช่อี้ริมฝีปากแดงของนางสั่นและนางก็พูดอย่างเย็นชา "อีกไม่นานเขาจะมาหาเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ . "
" ข้ารู้แล้ว " อายหยาพยักหน้า
" เจ้ารู้อะไรรึ ? " ตอนนั้นฉื่อหยานก็ปรากฏตัวด้านนอก ที่มุมของถนน ฉื่อหยานปรากฏด้วยร่างกายที่ปกคลุมด้วยแสงดวงดาวแล้วเขาก็ลอบขึ้นไปรวมกลุ่ม
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็มา ข้ากังวลว่าเจ้าจะไม่สามารถผ่านหมอกสีเทาด้านนอกมาได้แล้ว " ลั่วหลี่มีความสุขมากเมื่อเห็นเขาเข้ามา เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและกล่าวว่า " หากไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงรู้สึกไม่มั่นใจ ดีแล้วทมี่เจ้า ข้าเบาใจมากเมื่อเห็นเจ้าอยู่ที่นี่ .
ลั่วหลันก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่ไชอี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนางนึกถึงเมล็ดวิญญานของฉื่อหยานที่ฝังอยู่ที่หัวของนาง " . ทำไมเจ้ามาช้าจังนัก ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าควรมาเจอกับเราเร็วกว่านี้ เจ้าพบอะไรงั้นรึ ?
" ป่าว " ฉื่อหยานส่ายหัว " หลังจากที่ข้าได้เข้ามาที่นี่ ข้าก็สังเกตรอบ ๆเล็กน้อย และรับรู้ว่า เมืองโบราณนี้งดงามอย่างแปลกประหลาด สภาพแวดล้อมเป็นภูเขาสง่างามและท้องฟ้าก็เป็นเหมือนจักรวาลสองแห่ง ข้าไม่รู้ว่าใครกันที่สามารถสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์เช่นนี้ได้ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ”
" ข้าเคยได้ยินว่าเป็นนักหลอมอาวุธระดับพระเจ้า " อายหยาขมวดคิ้วของนางเข้าด้วยกันเล็กน้อย " ทุกอย่างรวมทั้งหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬล้วนเป็นฝีมือของนักหลอมอาวุธระดับพระเจ้า " .
" ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเหมือากัน "ลั่วหลี่พยักหน้า "สองดินแดนเล้นลับในหมอกแม่เหล็กทมิฬจะเปิดครั้งเดียวในทุกหกสิบปี โดยปกติ ด้านนอกดินแดนเล้นลับ , ไม่เพียงแต่มีจิตวิญญาณมลายสายฟ้า แต่ยังมีอุปสรรคที่แข็งแกร่งอื่นอีก จิตวิญญาณมลายสายฟ้านั้นมีผลต่อเฉพาะนักรบระดับพระเจ้าทั้งสาม อย่างไรก็ตาม อุปสรรคอื่น ๆ นั้นมีผลต่อเราที่อยู่ในระดับรู้แจ้งและระดับนภา เราต้องไม่ผลีผลาม พวกเราไม่กล้าที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้เมื่อมันยีงไม่ถึงเวลาเปิด แมบไม่มีใครสามารถทนการโจมตีจากอุปสรรคเหล่านั้นได้ และพวกเขาจะจบลงด้วยจิตวิญญาณของพวกถูกทำลาย "
ฉื่อหยานตะลึง " ถูกต้อง สิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริง "
ไชอี้พยักหน้าและพูดต่อว่า " เราได้คำนวณเวลาอย่างแม่นยำ เพื่อที่เราจะมาที่นี่ มิฉะนั้น เราคงไม่กล้าเสี่ยงบุกเข้ามาที่แห่งนี้ " .
" อะไรกันที่ทำให้เกิด จักรวสวาลทั้งสองและภูเขาทั้งสี่ ? " ฉื่อหยาน ก็ตกใจแล้วถาม " บรรพบุรุษของเจ้าเคยเล่าหรือไม่ว่าสภาพแวดล้อมที่แห่งนี้อันตรายเพียงใด ?
" ศพที่ลอยอยู่บนจักรวาลนั้นสมควนเป็นนับรบ ที่เข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้ มีการกล่าวว่า สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนเล้นลับแห่งนี้เกี่ยวข้องกับจักรวาลและผู้เขาทั้งสี่ , ดูเหมือนมันจะปกป้องเมืองโบราณแห่งนี้ ข้าเคยได้ยินบางคนบอกว่า เมื่อจักรวาลเกิดการเปลี่ยนแปลง , สี่ภูเขาก็จะเปลี่ยนตาม และอันตรายมากมายก็จะปรากฏ "
อายหยาดูเคร่งขรึม ในขณะที่นางพูดกับทุกคน " เจ้าควรจะสนใจไปยังจักรวาลที่อยู่เหนือหัวและ ระวังภูเขาทั้งสี่ที่อยู่รอบๆให้ดี เมืองโบราณนี้น่าจะเป็นสถานที่ที่นักหลอมอาวุธระดับพระเจ้าอาศัยอยู่ ผู้ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่และสร้างพรรคของเขาเอง และมีสาวกอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนที่นี่ถึงตาย และนักหลอมอาวุธจึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยกเว้นสมบัติลับบางอย่างที่อยู่ในจักวาลด้านบน สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างลึกลับ จักรวาลเหนือหัว แน่นอนว่าอันตรายเป็นอย่างมาก และสัญลักษณ์ทั้งสี่ที่อยู่บนภูเขารอบๆเรา ก็คงไม่สงบตลอดไป " ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน แล้วค่อยๆ ระวังมากขึ้ย
" เจ้าเห็นกลุ่มนักรบคนอื่นๆอยู่ในดินแดนเล้นลับแห่งนี้หรือไม่ ? " ไชอี้มองฉื่อหยาน
" หืม นักรบเหล่านั้นซ่อนอยู่ในศูนย์กลางของปราสาท มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนที่ให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ระหว่างทาง ข้าเจอพวกเขาอย่างต่ำที่สุดก็อยู่ในนภาที่สามระดับรู้แจ้ง " ฉื่อหยานคิด“ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พวกเราที่เข้ามาที่นี่ คนเหล่านั้นก็ต้องเอาทำลายอุปสรรคมากมายและผ่านพ้นอันตรายมามากถึงมาที่นี่ได้ ดังนั้นพวกเขาคงไม่ง่ายที่จะจัดการกับ .”
"นั่นแน่นอนอยู่แล้ว" อายหยาพูด " . ทุกครั้งที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเปิด มันดึจะดึงดูดพรรค ตระกูลและนิกายต่างๆที่แข็งแกร่งในดินแดนศักดิ์สทิธิ์ ไม่ว่าจะเป็น ดินแดนพิสุทธิ์ นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักจิตวิญญานต่อสู้ วังสวรรค์ นิกายสมบัติวิญญานศักดิ์สิทธิ์ หุบเขาปีศาจ และสมาคมนักรบ กลุ่มกองกำลังโบราณเหล่านี้รวมถึงเมืองทรงอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ จะส่งนักรบมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันซึ่งคือเก็บเกี่ยวสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ และวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ในดินแดนเล้นลับ .
ระหว่างทางมาที่นี่ ผ่านกลุ่มของอาหยยา ฉื่อหยานก็ได้รู้ว่ามีสำนักและที่ฝึกตนของนักรบมากมาย และมีเมืองที่ทรงอำนาจนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับดินแดนเล้นลับในแผ่นดินรุ่งเรือง
ในหมู่พวกเขา เจ็ดกลุ่มโบราณ ดินแดนพิสุทธิ์ นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักจิตวิญญานต่อสู้ วังสวรรค์ นิกายสมบัติวิญญานศักดิ์สิทธิ์ หุบเขาปีศาจ และสมาคมนักรบ นับได้ว่าเป็นกองกำลังที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นขุมพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ็ดกลุ่มโบราณแต่ละที่ต่างก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นบุคคลที่มีความสามารถปกครองดินแดนศํักดิ์สิทธิือันสมบูรณ์ได้ และทำให้พวกเขามีทรัพยากรที่ดีที่สุด
นอกจากเจ็ดกลุ่มโบราณแล้ว , ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกหลายแคว้นใหญ่อีกด้วย พวกเขาบางส่วนเลือกที่จะอยู่อย่างสงบ บางตระกูลอยู่มาแล้วเป็นพันๆปี และบางส่วนเก็บตัวอย่างลึกลับอยู่ในดินแดนที่น่ากลัว ซึ่งไม่อาจพบเจอได้ง่ายๆ
ความสัมพันธ์ของนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นซับซ้อนมากขึ้นกว่าในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแผ่นดินที่กว้างขว้างจนไม่มีสิ้นสุด
ตามที่อายหยา และ ไชอี้พูด พวกนางมาจากเมืองจักรพรรดิขาว ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกปกครองโดยสมาคมนักรบ
เมืองจักรพรรดิขาว เป็นเมืองใหญ่ของสมาคมนักรบ มีประชากรหลายล้านคน มันครอบคลุมพื้นที่กว่าทะเลเคียร่าในทะเลไม่มีสิ้นสุดและมีมากกว่าร้อยนักรบที่อยู่ในระดับสูง มีหลายสิบของประเทศเล็ก ๆซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองจักรพรรดิขาว ในแต่ละประเทศล้วนแต่เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่าทุกชนิด
เมืองจักรพรรดิขาว เป็นเพียงเมืองหนึ่งในสมาคมนักรบ และสมาคมนักรบก็เป็นเพียงหนึ่งในเจ็ดกลุ่มโบราณ ดังนั้นจึงทำให้รู้เลยว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก้าวหน้าเพียงใด และเหล่ามีเหล่านักรบอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน คนที่แข็งแกร่งและ ผู้ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะสามารถพบได้ง่าย
ถึงแม้ว่าอายหยาพรสวรรค์จะโดดเด่นในเมืองจักรพรรดิขาว แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง หากนางอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ วัยรุ่นหลายคนที่อายุน้อยกว่านางเองก็มีระดับการบ่มเพาะเท่านางแล้ว
เจ็ดกลุ่มโบราณได้อยู่ในดินแดนแห่งนี้มานับหมื่นปี ด้วยทรัพยากรในการบ่มเพาะที่มากมายอีกทั้งยัง เคล็ดวิชาและแนวทางการฝึกฝนจำนวนมาก และยังมีเม็ดยาที่มหัศจรรย์จำนวนมาก และมีประชากรหลายร้อยล้านคน ด้วยประชากรที่มีมากมายเช่นนี้ นักรบที่มีพรสวรรค์ที่นับได้ว่ามีจำนวนน้อยก็ยังมีถึงหนึ่งในสิบของนักรบ
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีพื้นที่อันตรายและแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน และพวกมันก็ไม่ต่างไปจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เกือบทุกเดือน หรือทุก ๆ วัน กลุ่มเจ็ดโบราณและกองกำลังอื่นๆต่างก็สั่งนักรบของพวกเขาให้เดินทางมายังหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
อย่างแรก เพื่อวัดระดับการบ่มเพาะนักรบของพวกเขาและคนอื่นๆ และเพื่อให้เขาเก็บเกี่ยวทรัพยากรบ่มเพาะทุกชนิด ตามหาสมบัติลับ ฆ่าสัตว์อสูร หรือแม้กระทั่งฆ่าคนจากกองกำลังฝ่ายตรงข้าม
กองกำลังในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระจายอยู่ทั่วทุกที่ , เกิดเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ พลังของพวกเขากระจายไปทุกมุม นักรบส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ในดินแดนเล้นลับ , เพื่อรายงานการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแต่ละไปยังกองกำลังของตน เพื่อให้ผู้นำของพวกเขาสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทัน
แม้ว่าหลายร้อยหลายพันนักรบจะมาที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬในครั้งนี้ มันเทียบอะไรไม่ได้กับกองกำลังนักรบจำนวนมากเหล่านี้ ผู้ที่สามารถเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ได้มีน้อยนิด และพวกเขาต่างก็ไม่ใช่นักรบธรรมดา แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นกลุ่มนักรบที่โดดเด่นที่สุดของกองกำลัง
" ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นักรบเช่นหนิงเซอนับว่าแข็งแกร่งหรือไม่ ?" ฉื่อหยานคิดถึงจำนวนประชากรที่มหาศาลของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ถามออกมา
" ปู่ของหนิงเซอ เป็นผู้อาวุโสของวังสวรรค์ ตระกูลหนิงเป็นเพียงกองกำลังเล็กๆของวังสวรรค์เท่านั้น ตัวหนิงเซอเองก็นับได้ว่าเป็นต้นกล้าที่ดี แต่ก็ไม่นับว่าโดดเด่นที่สุดในยุคสมัยนี้ ถ้านับจากวังสวรรค์ทั้งหมด หนิงเซอไม่อาจติดอยู่ในอันดับใดๆเลย ดังนั้น อย่าคิดว่าการที่สามารถจัดการกับหนิงเซอได้จะถูกมองว่าแข็งแกร่ง " อายหยาอธิบายด้วยสีหน้าเฉยเมย " หนิงเซอนั้นมีอายุ 32 ปีและอยู่ในนภาแรกระดับนภา ถึงแม้จะดูเหมือนว่าดี แต่จริงๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลย เพียงแค่ในวังสวรรค์ก็มีกว่านับร้อยคนที่มีอายุสามสิบปีและแข็งแกร่งกว่าหนิงเซอ”
" นั่นเป็นเรื่องจริง " ไช่อี้ถอนหายใจและกล่าวว่า , " เราทุกคนมาจากเมืองจักรพรรดิขาว แม้ว่าเมืองจักรพรรดิขาวจะไม่นับว่าแย่ แต่เราไม่ได้อยู่ในลำดับต้นๆ ในสมาคมนักรบเมือง เมืองจักรพรรดิขาวนับได้ว่าอยู่อันดับท้ายสุด ในกลุ่มกองกำลังเดียวกัน ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเรามีเยอะมาก ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ , หรือจะพูดให้ถูกก็คือ พวกเรานับว่าธรรมดา "
" ข้าเข้าใจแล้ส " ฉื่อหยาน ก็แอบกลัว และดวงตาของเขาก็ส่องประกาย
ด้วยคำพูดและคำอธิบายของอายหยาและไชอี้ เขาก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าทำไมนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงรู้สึกว่าทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเพียงสถานที่กันดาร
ดินแดนแห่งนี้น่าจะเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินรุ่งเรือง เป็นจุดกำเนิดของกองกำลังทั้งหมด
หัวใจของฉื่อหยานก็ปรารถนาที่จะไปสถานที่แห่งนั้น
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ