บทที่ 385 มาถึง
บทที่ 385 มาถึง
หลังจากที่อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ และ ลั่วหลันรู้ว่าฉื่อหยานมีจิตวิญญานแห่งดวงดาวและสังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ฉื่อหยานและนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเริ่มระมัดระวังเมื่อมองเขาและไม่ประเมินเขาต่ำอีกต่อไป
แม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเสียงของลัทธิประกายเทพเหมือนฟ้าร้อง มันไม่ได้ด้อยกว่าพวกสหภาพ หรือสวยงามมาก .
ไม่ว่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งเพียงใด ถ้าเขาไม่ได้มีพื้นหลังที่ดี คนที่มาจากชนชั้นสูงก็จะดูถูกเขา ฉื่อหยานได้พิสูจน์แล้วว่า ความสัมพันธ์ของเขากับนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ แสดงให้เห็นแล้วมาไม่ธรรมดา
แม้แต่ตอนนี้ เมื่ออายหยาเจอฉื่อหยานอีกครั้ง นางก็ยังเฝ้าระวังเขาความระมัดระวัง
หลังจากตัดสินใจให้ฉื่อหยาน เป็นผู้นำของพวกเขา พวกเขาทั้งสี่ก็ไม่โต้แย้งใดๆ แต่หลังจากนั้น ฉื่อหยานก็ยังเป็นผู้เบิกทางเช่นเดิม เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบสถานการณ์ที่ไม่ปกติ พวกเขาจะให้ฉื่อหยานแนะนำ และดำเนินการตามที่เขาสั่ง
ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนั้น ไม่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์หรือดวงดาว ไม่อาจรู้ได้ว่ากลางวันหรือกลางคืน หรือไม่มีวิธีการใด ๆเพื่อดูเวลา
มีเพียงเข็มทิศในมือของอายหยาเท่านั้นที่สามารถรับรู้ถึงเวลา
ครึ่งเดือนผ่านไป ในพริบตา
ตลอดครึ่งเดือน ฉื่อหยานเป็นคนนำและเป็นผู้เบิกทาง ด้วยเข็มทิศของอายหยาทำให้พวกเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย หากมีปัญหาใด ๆที่ผิดปกติ ,ฉื่อหยานก็จะเป็นคนนำหน้าและไปตรวจสอบมัน
อย่างแรก , ฉื่อหยานนั้นแข็งแกร่งมาก อย่างที่สองเขามีกระสวยแยกนภา ไม่ว่าจะพบสัตว์อสูรหรือรูปแบบใด เขาก็สามารถรับมือกับมันได้ ด้วยการหลบหนีออกมาจากที่แห่งนั้นโดยใช้กระสวยแยกนภา
แม้ว่าจะสัตว์อสูรมากมายในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ และด้วยความสามารถของ กลุ่มฉื่อหยานที่ไม่นับว่าอ่อนแอ พวกเขาทันทีก็จะถอยทันทีเมื่อเขาถูกล้อมโดยสัตว์อสูร และจะรวมตัวกันเพื่อฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้นถ้าพวกเขาแข็งแกร่งพอ
ดินแดนสยองนั้นไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับมัน อย่างไรก็ตาม ด้วยกระสวยแยกนภา สิ่งที่น่ากลัวนี้จึงไม่ใช่ปัญหาของ ฉื่อหยาน
ช่วงครึ่งเดือน กลุ่มของฉื่อหยานทั้งห้าคนก็ ยังคงก้าวลึกเข้าไปในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ พบกับสัตว์อสูรและนักรบกลุ่มอื่นมากมาย
พวกเขาได้ร่วมมือกันฆ่าสัตว์อสูรไปจำนวนหนึ่งและจัดการกับกลุ่มนักรบไปสามกลุ่ม
ในเรื่องของส่วนแบ่งผลึกอสูรที่ได้มานั้น ฉื่อหยาน ยุติธรรมมาก เขาไม่ได้เก็บผลึกอสูรเข้าตัวเองมากเกินไป เขานำมันมาเพียงส่วนน้อยและ ส่วนใหญ่ก็ถูกแบ่งให้กับคนอื่นๆเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ผลึกฟื้นคืนพลังของพวกเขา .
สิ่งที่ฉื่อหยานทำนั้นทำให้พวกเขาทั้งสี่งุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าเขาทำไมถึงใจดีมอบผลึกอสูรมีค่าเหล่านี้ให้พวกเขา ในขณะที่อยู่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนี่เป็นสิ่งเดียวที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณลึกลับได้
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขาทั้งสี่คนตราบที่พวกเขายังได้รับประโยชน์มากจากเรื่องนี้
ทีละน้อย แม้ว่าพวกเขาก่อนหน้านี้จะไม่เห็นด้วยที่จะให้ฉื่อหยานเป็นหัวหน้า แต่ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาเริ่มสนับสนุนฉื่อหยาน และถือว่าเขาเป็นผู้นำที่แท้จริงของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สองพี่น้องลั่วหลี่ เมื่ออายหยายังเป็นผู้นำ ผลึกอสูรส่วนใหญ่ถูกกระจายให้อายหยาและไชอี้ , พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ประโยชน์มากจากมันเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉื่อหยาน ได้กลายเป็นผู้นำ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ฉื่อหยาน ให้ความยุติธรรมเป็นอย่างมากและทำให้สองพี่น้องเก็บเกี่ยวผลึกอสูรได้มากขึ้น ดังนั้น พวกเขาจึงยินดีมากที่จะให้ฉื่อหยานเป็นผู้นำของพวกเขา พวกเขารู้สึกว่า ตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาได้รับประโยชน์มากมายกว่าตอนที่ตามอายหยาและไชอี้
ในฐานะที่เป็นผู้นำ ฉื่อหยาน ได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น
ก่อนที่จะออกจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเขาจะต้องวางความเห็นแก่ตัวลงก่อน และจะต้องไม่ปฏิบัติอย่างโหดร้าย ต่อคนในกลุ่ม และพวกเขาจะต้องร่วมมือกัน ถ้าใครคิดไม่ดีกลับกลุ่ม คนๆนั้นก็จะถูกฆ่า ด้วยแนวทางเช่นนี้ ถึงแม้ว่า อายหยา ไชอี้ และสองพี่น้องยังคงมีความหวาดระแวงต่อกัน แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่ากันเอง พวกเขาค่อยๆเริ่มกลายเป็นกลุ่มเล็กๆที่เริ่มเชื่อใจกัน พวกเขาไม่ได้คิดที่จะเอาเปรียบกันเหมือนก่อนหน้า
ช่วงเวลาครึ่งเดือน เมื่อไม่มีอันตราย ฉื่อหยานจะสงบสมาธิเข้าใจจิตวิญญานแห่งดวงดาวในร่างกายของเขา รวมทั้งแนวความคิดของผนึกแห่งชีวิตและความตาย
จากคำพูดของอายหยา ไชอี้ และสองพี่น้อง ฉื่อหยานตอนนี้รู้ถึงข้อเสียของจิตวิญญานต่อสู้ จากนั้นไม่นาน เขาก็ใช้ระยะเวลาทั้งหมดทำให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมัน หวังให้มีปัญหาน้อยลงเมื่อเข้าสู่ระดับนภา ที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้และวิชาต่อสู้ลึกซึ้ง
เขาเก็บซ่อนเส้นไหมทองคำ 37เส้นไว้อย่างระวัง ซึ่งเขาได้นำมาจากกลุ่มของหนิงเซอ เส้นไหมทองทั้ง 37 เส้นนี้เป็นอาวุธลับในมือของเขา เมื่อเส้นไหมสีทองและหลุมแรงโน้มถ่วงพุ่งออกไป , พลังของหลุมแรงโน้มถ่วงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่านักรบคนใดตกไปในหลุมแรงโน้มถ่วงก็จะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆเส้นไหมสีทอง และถูกบดให้เป็นผงด้วยหลุมแรงโน้มถ่วง ส่วนตัวไหมสีทองนั้น ยังถูกกลั่นโดยแกนเพลิงอยู่ในแหวนสายโลหิตน เพราะแกนเพลิงนั้นได้สูญเสียพลังไปมากเมื่อตอนที่ออกมาล่าสุด พลังของมันจึงลดลง ถึงแม้จะผ่านไปครึ่งเดือน มันก็ไม่สามารถกลั่นตัวไหมทองคำหมื่นปีได้
นี้ทำให้ฉื่อหยานหดหู่ เขาคิดว่าเขาจะมองหาสถานที่ ที่ให้แกนเพลิงฟื้นฟูพลัง
ใน วัน นี้ กลุ่มของฉื่อหยานทั้งห้าคนยังคงเคลื่อนไหวไปข้างหน้าในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
ความผันผวนของพลังที่รุนแรงก็ขึ้นมาจากหมอกหนาแน่นที่พื้นที่ข้างหน้า ฉื่อหยานและอายหยากำลังสํารวจทางด้านข้าง ร่างงดงามก็ สั่นสะท้าน มือที่ถือเข็มทิศกลายเป็นแข็งตึงและริมฝีปากแดงของนางก็เริ่มสั่นเล็กน้อย และช่วยไม่ได้ที่นางจะร้องออกมา " ข้าคิดว่า . . . เรากำลังจะถึงในอีกไม่ช้านี้ "
ฉื่อหยาน ที่อยู่ข้างๆนาง ก็ปั่นป่วน หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด เขาก็ร้องออกมาดัง ๆ " เจ้าตรวจพบมันรึ ?
เขาเคยได้ยิน อายหยา และ ไชอี้บอกว่า มี สองสิ่งมหัศจรรย์ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างคือจิตวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ กลุ่มของอายหยาเข้ามาที่นี่ก็เพื่อสองสิ่งนี้
เนื่องจากพวกเขาจะได้เห็นสิ่งนี้หลังจากที่เข้ามาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเป็นเวลายาวนั้น , พวกเขาก็ไม่สามารถกลั้นความปิติยินดีของพวกเขาในขณะที่ตาของเขาสว่างขึ้น
สมบัติลับอันแสนมีค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ ในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เฉพาะผู้นำกองกำลังเท่านั้นที่จะได้ครอบครองสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ บุคคลทั่วไปไม่สามารถแม้จะพบเห็นพวกมัน
สมบัติลับระดับพระเจ้า พวกมันเป็นตำนาน เขาเพียงแต่ได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ในศูนย์กลางของแผ่นดินรุ่งเรืองบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์้เองก็มีไม่กี่ชิ้น . พวกมันแต่ชิ้นล้วนแต่มีพลังที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ นิกายหรือตระกูลที่มีสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่เป็นกองกำลังทมี่แข็งแกร่งที่สุด
เพราะหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนั้นมีลักษณะพิเศษ มีหมอกพิษล้อบรอบอยู่ทั้งสองฝั่ง ภายในเป็นจิตวิญญาณมลายสายฟ้าที่ทำลายวิญญานักรบระดับพระเจ้าอยู่ ' ดังนั้น แม้ว่านักรบระดับพระเจ้าสามคนจะเข้ามายังหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ มันก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะรอดจากหมอกพิษที่ล้อมรอบอยู่ ดังนั้น ทุกครั้งที่นักรบนักรบเข้ามาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ พวกเขาทั้งหมดจึงมีระดับบ่มเพาะตั้งแต่นภาลงมา
ถ้าไม่มีจิตวิญญาณมลายสายฟ้าอยู่ภายในหมอกพิษ นักรบระดับสูงจากพรรคสามเทพในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อหาสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคงจะแข่งขันกันเพื่อให้ได้สมบัติลับ และจิตวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ที่อยู่ในหมอกพิษเหล่านี้เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับพรรคของตัวเองไปแล้ว .
แต่ด้วยรูปแบบหมอกนี้ จึงมีเพียงนักรบในระดับรู้แจ้งและนภาเช่นฉื่อหยานเท่านั้นที่มีโอกาสที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้และเก็บเกี่ยวสมบัติลับและจิตวิญญานบริสุทธิ์
หลังจากที่อายหยาขยับเล็กน้อย นิ้วเรียวของนางก็ควบคุมเข็มทิศ เข็มทิศในมือขวาของนางก็หมุน ส่องแสงสีฟ้าสาดกระพริบออกมาจากเข็มทิศเหมือนหิ่งห้อยบินไปรอบๆเข็มทิศทำให้ดูสดใสมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีฟ้าที่สาดไปทั่วทุกที่ก็รวมอยู่นอกเข็มทิศและกลายเป็นร่างจางๆ ที่คลุมเครือและถูกล้อมรอบไปด้วยเมฆสีเทาหนา . งูสีม่วง เลื้อยออกจากเมฆสีเทาสีมีแสงสีฟ้าน่าพิศวง
" จิตวิญญาณมลายสายฟ้า ! " อายหยากรีดร้องออกมาอีกครั้ง ยิ้มบางๆแล้วหันไปพูดกับฉื่อหยาน " จิตวิญญาณมลายสายฟ้าหมายความว่าเราสถานที่ลับแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึง "
ตั้งแต่ ฉื่อหยาน ได้เจอนางครั้งแรก เขาก็ไม่เคยเห็นนางยิ้ม แต่ตอนนี้ มุมปากของนางก็เผยรอยยิ้มอ่อน แรงกดดันที่เย็นชาของนางหายตัวไปทันทีเปลี่ยนเป็นความสู้สดใส
นางเหมือนกับกลุ่มดอกไม้ที่ถูกแช่แข็ง จะสัมผัสความงามของพวกมันได้จริงๆ ก็เมื่อน้ำแข็งละลายออกไป
มองอายหยาที่มี รอยยิ้มจากมุมปากของนาง ฉื่อหยาน ก็ตะลึง เขาตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะพูด " จริงๆแล้วเมื่อเจ้ายิ้มนั้นเจ้าดูงดงามกว่าตอนที่เจ้ามีท่าทีเฉยเมยเหมือนที่ผ่านมามาก หึ เจ้าน่าจะยิ้มบ่อยๆนะ "
อายหยาพลันหยุดยิ้ม ดวงตาคู่สวยของนาง พบร่องรอยประหลาด นางมองฉืิ่อหยานอย่างเย็นชา , ถอนหายใจ แล้วลดเสียงของนาง " ใครกันที่ขอคำแนะนำเจ้า ?
ฉื่อหยาน ไม่ได้โกรธ เขาส่ายหัว และพูดอย่างเย็นชาว่า " เจ้ากล้าแสดงท่าทีหยิ่งยโสต่อหน้าข้า ราวกับว่าข้าไม่เคยเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของเจ้าเลยนะ "
" ฉื่อหยาน ! " หน้าของ อายหยาก็เปลี่ยนไป นางร้องเสียงแสดหูออกมาขณะที่มองอย่างเช็นชา " ข้าจะจัดการกับเจ้า อีกไม่ช้าก็เร็ว "
" ข้ากลัวจัง " ฉื่อหยานแสยะยิ้มล้อเลียน
ในตอนนั้นเอง , ไช่อีและสองพี่น้องที่ใบหน้ากำลังมีความสุขก็เดินมา หลังจากที่ได้ยินเสียงของอายหยา . . . พวกเขาเดินมาข้างหน้า มองไปข้างด้วยดวงตาส่องประกาย
อายหยากำลังจะอ้าปาก และจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่เมื่อเห็นอีก 3 คนมา นางจึงได้แต่ถอนหายใจและจิกตาใส่ฉื่อหยาน และเปลี่ยนหันไปมองทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว นางพูดด้วยท่าทีเย็นชา " เราเดินทางมาถึงแล้ว หมอกสีเทาที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าสมควรเป็นหนึ่งในสถานที่ลับ ข้าได้เห็นจิตวิญญาณมลายสายฟ้าที่นี่”
ไชอี้ และสองพี่น้องก็ปลื้ม และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
" เราไม่ใช่พวกแรกที่มาที่นี่ สถานที่ลับต้องมีกลุ่มอื่นอยู่ที่นี่แน่ พวกเจ้าพร้อมหรือไม่ ? เมื่อเราเข้าไปในสถานที่ลับ เราจะต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่แข็งแกร่งจากทุกทิศทาง ไม่มีใครสามารถมั่นใจได้ว่าเราจะรอดออกมาอย่างมีชีวิตได้หรือไม่ พวกเจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ?" อายหยาถามอย่างเย็นชา
รอยยิ้มของไชอี้ และ สองพี่น้องก็เลือนหายไป และใบหน้าของพวกเขามืดมน . พวกเขาพยักหน้าเงียบ ๆ
" ข้าคิดว่าเราควรพักฟื้นเสียก่อน รอพลังของเราฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เราจึงค่อยเข้าไปในสถานที่ลับกัน "ฉื่อหยาน แนะนำ
อีกสี่คนพยักหน้า หามุมที่เงียบสงบสำหรับตัวเอง , และจากนั้นก็ใช้ผลึกอสูรเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของพวกเขา , เพื่อเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาให้อยู่ในจุดสูงสุด
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ