บทที่ 384 ความเข้าใจใหม่
บทที่ 384 ความเข้าใจใหม่
หลังจากอธิบายรายละเอียด ไช่อี้ทันที ก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ " เจ้าไม่รู้จักนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์รึ ?
" จิตวิญญานต่อสู้ของข้ามาจากพรรคสามเทพในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด พรรคสามเทพมีเทพทั้งหมดอยู่สามคนได้แก่ เทพสุริยัน เทพจันทราและเทพดวงดาว จิตวิญญานแห่งดวงดาวของข้าเป็นเพียง มรดกที่ได้รับสืบทอดมา ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพรรคประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับนิกายนี้ " ฉื่อหยานด้วยความสงสัย
" เป็นเช่นนั้น " ลั่วหลี่ก็ยิ้ม " ในนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ เองก็มีเทพสุริยัน เทพจันทรา และ เทพดวงดาวทั้งสามเช่นกัน เทพทั้งสามนี้ต่างก็เป็นเสาหลักของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็เป็นประมุชที่คอยออกคำสั่งของนิกาย เทพสุริยัน เทพจันทรา และเทพดวงดาวต่างก็มีได้เพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้นในคนนับหมื่น เจ้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดของดวงดาวที่มาจากเทพดวงดาว ดังนั้น เจ้าจึงสมควรเป็นศิษย์ของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ "
ฉื่อหยานตาและปากก็เปิดกว้าง หลังจากฟังคำอธิบายของไชอี้ และ ลั่วหลี่ เขาเข้าใจบางอย่างทันที
กลุ่มของพวกเข่าต่างก็พูดว่านักรบจากทะเลไม่มีสิ้นสุดรุ่นก่อนต่างก็มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าส บรรพบุรุษของนักรบในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดทั้งหมดมาจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนบรรพบุรุษของพรรคสามก็สมควรเป็นนักรบจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะด้วยเหตุผลบางอย่างบุคคลสำคัญของพรรคประกายแสงศํกดิ์สิทธิ์ได้อพยพไปยังทะเลไม่มีที่สิ้นสุดจากพิษหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ และค่อย ๆ เกิดเป็นพรรคสามเทพ
ดูเหมือนพรรคสามเทพสทควรเป็นสาขาของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ณ ศูนย์กลางของของแผ่นดินรุ่งเรือง เป็นแหล่งกำเนิดของนักรบและพลังที่เหนือจินตนาการ นี้ไม่ได้นับว่าพูดผิดไปเลย ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเยว่จางเฟิงได้กล่าวว่าเขาถูกไล่ออก จากการเป็นสาวกของนิกายจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์และดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดก็คือ สาขานิกายจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ฉื่อหยาน ก็พลันรู้แจ้งและในที่สุดก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและดินแดนศักดิ์สิทธิ์
"จิตวิญญานต่อสู้ของเจ้านั้นไม่แตกต่างกันจากเราในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด " ฉื่อหยานลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูด " ในทะเลไม่มีสิ้นสุด จิตวิญญานต่อสู้เป็นสิ่งมีค่าและเป็นจุดกำเนิดของนักรบ เมื่อนักรบเกิด จิตจิตวิญญานต่อสู้ของเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ในทะเลกว้างใหญ่ จิตวิญญานต่อสู้เป็นสิ่งล้ำค่าของนักรบ หลายกองกำลังและหลายตระกูลเลือกที่จะแสวงหานักรบนักรบที่มีจิตวิญญานต่อสู้ที่แข็งแกร่ง จิตวิญญานต่อสู้นั้นนับได้ว่าเป็นรากฐานเบื้องต้นของนักรบ พวกเจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?
อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ และลั่วหลันก็มองกันในขณะที่แสดงร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้า แล้วพวกเขาก็สั่นศีรษะ
ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขา จากสายตาของคนเหล่านี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้เพียงตื้นเขินเท่านั้น
" มันเป็นเช่นนี้ " ลั่วหลี่หัวเราะและอธิบาย" จิตวิญญานต่อสู้ไม่ได้ลึกลับอย่างที่เจ้าคิด ในความเป็นจริง , จิตจิตวิญญานต่อสู้ก็เรียกว่าเป็นวิชาต่อสู้ชนิดหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่อะไรที่อัศจรรย์ เราฝึกฝนวิชาต่อสู้กันมามากมาย และมันก็ทางแห่งการฝึกฝนพลังแห่งสวรรค์และโลก”
" จิตวิญญานต่อสู้นับได้ว่าเป็นวิชาต่อสู้ประเภทหนึ่ง ? ฉื่อหยานส่ายหัวด้วยใบหน้างงงวย " ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา มีตำหนักโบราณที่เชี่ยวชาญในการเรียนรู้จิตวิญญานต่อสู้ อืม บางทีในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดก็อาจจะมี ตำหนักโบราณนี้เรียกว่าตำหนักจิตวิญญาจต่อสู้ มุมมองของพวกเราในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้นั้นนับได้ว่าเป็นเรื่องทั่วไป " ไช่อี้เผยรอยยิ้มที่แตกต่าง“ความเข้าใจของนักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุดเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้นั้นต่ำเกินไป พวกเจ้าคิดว่า จิตวิญญานต่อสู้อัศจรรย์มากนักรึ ? มันไม่ได้สำคัญเช่นนั้น”
" แล้วทำไมบางคนมีจิตวิญญานต่อสู้ แต่บางคนไม่หละ ?" ฉื่อหยาน ก็อึ้งแล้วถามอีกครั้ง
" ความจริงที่ว่าบางคนเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญานต่อสู้นั้นเป็น เพราะหนึ่งในบรรพบุรุษของพวกเขาได้บรรลุถึงระดับพระเจ้าแท้จริง " ไช่อี้ไม่ได้ปิดบังความรู้เหล่านี้ มันเป็นสิ่งทั่วไปที่คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รู้ นางยิ้มและกล่าวว่า " แท้จริงแล้วนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงพสามารถถ่ายทอดจิตวิญญานต่อสู้ให้ลูกหลานได้ ช่วยให้พวกเขามีเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแกร่งสืบต่อไป มันเป็นพื้นฐานของวิชาต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาที่ได้รับมรดกมาจึงนับได้ว่าเป็นนักรบตั้งแต่เกิดและโดยไม่ต้องออกแรงฝึกฝนใดๆ . "
"ใช่แล้ว " ลั่วหลี่พูดเพิ่ม " ธรรมชาติของจิตวิญญานต่อสู้นั้นคล้ายกับการสืบทอดการบ่มเพาะ คนที่ได้รับมรดกมานั้นจะต้องฝึกบ่มเพาะมันกันอย่างยากลำบาก มรดกหรือวิชาต่อสู้ที่สืบทอดมานี้นับได้ว่าเป็นเพียงแค่เมล็ดพันธุ์ในร่างเท่านั้น เมล็ดจะสามารถเติบโตได้หรือไม่ ความยากลำบากในการบ่มเพาะก็ล้วนขึ้นอยู่กับความเจ้าใจในจิตวิญญานต่อสู้นั้น และแน่นอน มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คนที่สืบทอดจิตจิตวิญญานต่อสู้อาจจะเก่งกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้รับสิบทอดอะไรมา แต่มันก็ไม่มากนัก ในดินแดนศักดิิ์สิทธิ์ของเรา แม้จะไม่ได้รับสืบทอดมรดก มันง่ายที่เราจะจัดการเหล่าคนที่มีมัน "
" ง่าย ? " ฉื่อหยานช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
" ในสมาคมการค้า และทะเลไม่มีสิ้นสุด นักรบที่มีจิตวิญญานต่อสู้ถูกนับได้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก และแม้จะเป็นจิตวิญญานต่อสู้พื้นฐาน มันก็มีส่วนในการกำหนดอนาคตของพวกเขา แต่ทำไมจิตวิญญานต่อสู้จึงนับได้ว่าเป็นสิ่งปกติในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่าทุกคนต่างก็มีมัน ? ! มีสถานที่ค้าขายจิตวิญญานต่อสู้ด้วยรึ ? เมล็ดจิตวิญญาณต่อสู้ต่างเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ผนึกจิตวิญญานต่อสู้ดั่งเดิม หรือ ผลจิตวิญญานต่อสู้ พวกเขาเรียกมันด้วยกันอยู่ชื่อหลาย ; ในความเป็นจริง , เมื่อมันถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายมันก็จะกลายเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาต่อสู้ประเภทหนึ่งเท่านั้น จะพูดให้ถูกมันก็ไม่ต่างไปจาก วิชาต่อสู้เลย .
ฉื่อหยาน ตะลึง
มันมีหลายสถานที่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถปลูกฝังผนึกจิตวิญญานต่อสู้ดั่งเดิมได้ ซึ่งพวกมันล้วนแต่มีค่ามากในทะเลไม่มีสิ้นสุดและสมาคมการค้า
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉื่อหยานก็เผยรอยยิ้มเหยเกและส่ายหัวของเขา " . จิตวิญญานต่อสู้และวิชาต่อสู้ล้วนไม่แตกต่างกัน? "
" ถูกต้อง " อายหยาเป็นคนที่พูดออกมา
" แล้วพวกมันแตกต่างกันอย่างไร ?"
" มันเป็นความรู้ความเข้าใจที่ต่างกันออกไป มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องหาเหตุผลที่นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงได้ส่งต่อจิตวิญญานต่อสู้ " อายหยาเงียบไปชั่วขณะ นางจัดระเบียบคำพูดขอนางในความคคิด
ครู่ต่อมา นางก็กล่าวว่า , " ว่ากันว่าในสมัยโบราณเมื่อนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเจอเหตุการณ์ร้ายแรง พวกเขาไม่รู้ว่า พวกเขาจะส่งต่อวิญญานต่อสู้ของพวกเขาเป็นคำพูดได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกทางลัด ทางลัดนี้ก็คือมรดกสืบทอดจิตวิญญานต่อสู้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากจิตวิญญานต่อสู้สร้างเป็นมรดกสืบทอดเพื่อส่งวิชาต่างๆไปยังลูกหลานรุ่นต่อไป ตราบใดที่ลูกหลานยังไม่สูญพันธุ์ จิตจิตวิญญานต่อสู้ก็จะถูกสืบทอดไปรุ่นต่อรุ่น จิตวิญญานต่อสู้เหล่านี้เป็นยิ่งกว่าคำพูด มันเป็นสิ่งที่ถูกเก็บไว้ให้ลูกหลานโดยตรง วันที่ลูกหลายของพวกเขาเกิดมาก็เทียบได้ว่าพวกเขาได้ฝึกบ่มเพาะแล้ว .
" อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ ที่ข้อเสียเปรียบก็คือมรดกจิตวิญญานต่อสู้ทำให้ทายาทในอนาคตไม่รู้ถึงความยากลำบากในการฝึกวิชาต่อสู้ จะยกจิตวิญญานดวงดาวของเจ้าเป็นตัวอย่าง เจ้ามีจิตวิญญานดวงดาวตั้งแต่เกิด หัวใจของเจ้าได้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น และเจ้าก็รู้วิธีที่จะใช้พลังดวงดาว แต่เจ้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนทั่วไปนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายให้มีจิตวิญญานแห่วงดวงดาวได้อย่างไร จะพูดอีกอย่างก็คือ เจ้านั้นรู้วิธีใช้พลังตั้งแต่แรก แต่กลับไม่มีความรู้ความเข้าใจและวิธีการฝึกบ่มเพาะมัน เจ้านั้นทำได้เพียงแต่ใช้พลังของมัน เจ้าเข้าใจใช่มั้ย ? "
ฉื่อหยาน ก็งุนงง ขมวดคิ้วขณะคิด และพยายามเข้าใจ
นี้ไม่ยากที่จะเข้าใจ ตัวอย่างก็คือ เคล็ดวิชาบ้าคลั่งนภาที่สาม เมื่อเขาต้องการใช้เคล็ดวิชาบ้า่คลั่ง เขาจะต้องเปิดจุดชีพจรของเขา และเรียกใช้บ้าคลั่งตามวิธีการฝึกบ่มเพาะเพื่อใช้พลังงานเชิงลบ เพิ่มความแข็งแรงของเขา
ตามที่อายหยาพูด หากเป็นคนที่เกิดมาโดยไม่ต้องฝึกบ่มเพาะเคล็ดวิชาบ้าคลั่ง และสามารถเปิดใช้งานมันเพื่อเพิ่มพลังได้โดยตรง มันก็นับได้ว่าเป็นเพียงแต่วิชาประเภทหนึ่งเท่านั้น
นั่นหมายความว่าจิตวิญญต่อสู้นั่นก็คือวิชาต่อสู้สำเร็จรูป ตราบใดที่ใครคนหนึ่งฝึกฝนมันและเข้าใจมันได้อย่างยากลำบาก เขาก็จะสามารถใช้วิชาต่อสู้นั้นได้
" ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดแล้ว " ฉื่อหยานคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า " จิตวิญญานต่อสู้นั้นสามารถเปิดใช้ได้ตลอด โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนหรือการฝึกบ่มเพาะใด นั่นใช่สิ่งที่เจ้าต้องการจะบอกหรือไม่ ?
ใช่ " อายหยาพยักหน้า " แต่อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของเคล็ดวิชานั้นแตกต่างกัน ตัวอย่าง การใช้พลังของทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน เมื่อเจ้าฝึกวิชาต่อสู้เหล่านี้ เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนเส้นเอ็นในร่างกายและกระดูกของเจ้าผ่านวิชาพวกนี้ แล้ว ค่อย ๆเชี่ยวชาญการใช้ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และ ดิน ได้ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกบ่มเพาะ เจ้าจะสามารถใช้พลังของธาตุ ทอง , ไม้ , น้ำ , ไฟ และดิน เป็นจิตวิญญานต่อสู้ได้ , เจ้าจะสามารถใช้พลังธาตุเหล่านั้นได้โดยตรง โดยไม่จําเป็นต้องมีขั้นตอนใดๆอีก "
"แล้วมันแตกต่างกันอย่าง ?
"หากเจ้าสามารถใช้จิตวิญญานต่อสู้ได้โดยตรง เจ้าก็จะไม่สามารถสอนคนอื่น เพราะเจ้าทำได้เพียงแค่ใช้ แต่ไม่รู้ขั้นตอนและวิธีการบ่มเพาะจิตวิญญานต่อสู้ ในสมัยโบราณนั้นนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเมื่อพบเหตุการณ์ร้ายแรง พวกเขาก็กลัวว่าจะไม่สามารถรักษาวิชาของตนไว้ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเปลี่ยนเป็นจิตวิญญานต่อสู้และส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดและพร้อมที่จะให้เด็กที่เกิดมาใช้จิตวิญญานต่อสู้นั้น ดังนั้น มีเพียงลูกหลานของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถมีพลังนี้ได้ แม้จะมีคนทรยศในหมู่ลูกหลานของเขา พวกเขาไม่อาจบอกคนอื่นเกี่ยวกับวิชาต่อสู้นี้ได้ "
" แล้วนี้มันคือความคิดที่ดีแล้วจริงๆรึ ?"
" ในความเป็นจริงนี้คือการเห็นแก่ตัว ถ้าลูกหลานของพวกเขาสูญพันธุ์ , วิชาต่อสู้ของพวกเขาก็จะหายไป และจะไม่ตกอยู่ในมือของคนภายนอก เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเห็นแก่ตัว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติ "
อายหยาพยักหน้าและบอกว่า " มีเพียงลูกหลานของพวกเขาที่เข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริงได้เท่านั้น ที่จะรับรู้ถึงขั้นตอนการฝึกบ่มเพาะและพื้นฐานของวิชาต่อสู้นี้ได้ ยกตัวอย่างเจ้า ถ้าเจ้าไปถึงระดับพระเจ้าแท้จริงได้ เจ้าก็จะสามารถรู้เกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะและพื้นฐานของวิชาต่อสู้นี้ได้ จากนั้นเจ้าสามารถสอนผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นเพื่อสืบต่อวิชาของเจ้าได้ พวกเขาจะรู้วิธีดูดซับและใช้พลังดาว แล้วแต่งตั้งให้เจ้าเป็นประมุขนิกาย "
" ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าพวกเจ้าก็ต้องรู้สิว่าจิตวิญญานต่อสู้ที่ได้รับสืบทอดมานั้นดีกว่าเมื่อเทียบกับการสืบทอดผ่านคัมภีร์ เช่นนั้นทำไม…. ?
" เพราะมันคืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่”
" มันคืออะไร ? "
" โดยไม่รู้วิธีที่การสร้างจิตวิญญานต่อสู้ คนๆหนึ่งสามารถเพลิดเพลินกับพลังของมันโดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบาก และดังนั้น จึงทำให้พวกเขาจะขาดประสบการณ์ เมื่อเข้าสู่นภาแรกในระดัยนภา คนๆหนึ่งจะต้องมีความเข้าใจที่จำเป็นเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้ตลอดจนวิชาต่อสู้ต่างๆ . อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนๆนั้นขาดประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมัน เขาจึงไม่สามารถเทียบกับผู้ที่ฝึนฝนมาอย่างยากลำบาก "
" ด้วยการที่เป็นหนึ่งในประเภทวิชาต่อสู้ ยกตัวอย่างเช่นเจ้า หากเป็นจิตวิญญานที่ได้รับสืบทอดมา เมื่อเจ้าเข้าสู่ระดับนภาและต้องการที่จะเข้าใจและรู้พื้นฐานของจิตวิญญานดวงดาว จะต้องสูญเสียพลังดวงดาวมากกว่าผู้ที่ฝึกบ่มเพาะมาจากยากลำบาก หลายคนที่มีจิตวิญญานต่อสู้ ติดอยู่ในขั้นนี้ และไม่สามารถบรรลุความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญานต่อสู้ที่แท้จริงได้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีทางเข้าใจแก่นแท้และรู้แจ้งในจิตวิญญานต่อสู้นี้ได้ ในทางตรงกันข้าม เหล่านักรบที่ได้ผ่านการฝึกบ่มเพาะมาอย่างยากลำบากจะพบอุปสรรคน้อยลง และจะสะดวกสบายมากกว่าผู้ที่ได้รับสืบทอดจิตวิญญานต่อสู้มา "
" เพราะมันเป็นทางลัด มันจึงมักจะมีข้อเสีย ไม่มีสิ่งที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้ ดังนั้น ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถ้าไม่ใช่จิตวิญญานต่อสู้ที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก คนธรรมดาก็จะไม่เลือกสืบทอดจิตวิญญานต่อสู้เหล่านั้นเพื่อปลูกฝังในร่างกายของพวกเขาและหลีกเลี่ยงการฝึกบ่มเพาะ และสำเร็จวิชาต่อสู้นั้นอย่างสำเร็จรูป”
ฉื่อหยานก็เข้าใจ ใบหน้าของเขาเริ่มซับซ้อน
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ