ตอนที่แล้วบทที่ 382 ข้าจะเป็นคนออกคำสั่งนับจากนี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 384 ความเข้าใจใหม่

บทที่ 383 ความคิด


บทที่ 383 ความคิด

ได้ยินคำประกาศเผด็จการของเขา , ไชอี้ ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน ก็ตกลงที่จะให้ฉื่อหยาน เป็นคนออกคำสั่ง

ในหมู่พวกเขาสามคน , ไชอี้ได้รู้ความสามารถที่แท้จริงก่อนใครตอนที่อยู่ใต้ทะเลสาบ ถึงแม้ว่าฉื่อหยาน จะมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่สูงนัก แต่ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ วิญญานของนางยังถูกฉื่อหยานควบคุม นางไม่กล้าที่จะสู้กับเขา นางกลัวว่า ฉื่อหยานจะทำลายวิญญานหลักของนาง

2 พี่น้อง ลั่วหลันและลั่วหลี่ เองก็มีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับ ฉื่อหยาน ไม่นานนักพวกเขาก็ได้รู้ว่าไชอี้และอายหยาไม่ได้มีเจตนาที่ดีกับฉื่อหยาน และสองสาวก็เป็นคนชั่วร้ายและหลอกลวง ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่ามันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าถ้าฉื่อหยานออกคำสั่ง

อีกจุดหนึ่งคือ พวกเขาทั้งสามคน ไม่อยากเสียพลังปราณลึกลับของพวกเขาไปกับการต่อสู้กับฉื่อหยาน นอกจากจะสูญเสียพลังและเสี่ยงต่อชีวิตเขาแล้ว พวกเขายังสูญเสียผลึกอสูรที่เก็บเกี่ยวมาอีกด้วย

พวกเขาไม่เหมือน อาย ที่ได้รวบรวมผลึกอสูรไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น , ถึงแม้อายหยาจะไม่สูญเสียอะไรนัก แต่พวกเขาทั้งสามนั้นไม่ใช่

ดังนั้น หลังจากที่พิจารณาถึงผลที่ได้และสิ่งที่สูญเสีย , พวกเขาสามคนก็ตกลงยอมให้ฉื่อหยานออกคำสั่ง

อายหยานั้นไม่อยากรับคำสั่งของ ฉื่อหยาน หลังจากพวกเขาสามคนตกลงกัน นางยังคงขบฟันแน่นอย่างเฉยเมยมองฉื่อหยานและพูดอย่างจริงจัง " ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีสิทธิออกคำสั่ง จุดเริ่มต้นของเจ้านั้นไม่มีใครรู้ เจ้าไม่ใช่นักรบจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา ดังนั้นจึงไม่ได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนของสถานการณ์ของเรา ถ้าเจ้าทำอะไรพลาด เราต้องรับผลที่ตามมาเมื่อเรากลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

" ผลที่ตามมา ?" ฉื่อหยาน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นเย็นชาและพูดว่า " งั้นข้าจะให้เจ้าได้รับผลที่ตามมาเสียตอนนี้ "

เขากระตุ้นจิตใจเล็กน้อย ขณะที่มือทั้งสองข้างของเขายืดออกไปและกดลงไปที่อายหยา

ผลึกแห่งความเป็นและผลึกแห่งความตายก็ปรากฏขึ้น ผนึกแห่งชีวิตอยู่มือขวา และ ผนึกแห่งความตายอยู่ซ้ายมือ ทั้งสองมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก มันส่องประกายออกมาจากมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็หลอมรวมกันกลายเป็นผนึกแห่งความเป็นความตาย โจมตีไปที่อายหยาอย่างรุนแรง

ทันทีที่ผนึกแห่งความเป็นความตายปรากฏขึ้น มันก็กลายเป็นมือขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่เท่าภูเขาขนาดเล็กและกลิ่นอายที่ชั่วร้ายก็ทะลักออกมา อย่างรวดเร็ว มันปกคลุมอายหยาและส่งเสียวหวีดหวิวเสียดหูออกมา . . .

อายหยาหน้าสวยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นางถอยไปไม่กี่ก้าว รีบโยนเหรียญออกมาและสร้างเป็นม่านพลังป้องกัน

" เหรียญตราไพศาล !

เมื่ออายหยาตะโกนออกมา ตัวอักษรโบราณบนเหรียญก็ลอยอยู่ด้วยกัน ตัวอักศรโบราณแต่ละคำเปล่งแสงเจิดจ้าสีทองลอยอยู่ในอากาศเหมือนดวงดาวสีทอง

ช่องว่างกลางเหรียญทันทีก็ปล่อยลำแสงสุกใสพุ่งไปยังผนึกแห่งความเป็นความตาย

เหรียญตราไพศาลนี้เป็นสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ของอายหยาซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยหัวหน้าเมืองจักพรรดิขาว เหรียญตราไพศาลนี้ได้แสดงออกถึงความมั่งคั่งในตัวมันเอง

ไม่ว่าจะเป็นโลกของมนุษย์หรือโลกของนักรบ ความมั่งคั่ง ก็เป็นรากฐานที่สำคัญ . เงินตราต่างก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ตาม

" เงินตรา " เป็นรากฐานของสังคม ผ่านอารยธรรมประวัติศาสตร์ทั้งหมด คำว่า " เงินตรา " สามารถอธิบายได้ถึงความไม่สิ้นสุด เงินสามารถซื้อทุกอย่างและส่งผลกระทบต่ออารยธรรมทั้งหมดได้

สี่ตัวอักษรโบราณที่ส่องแสงออกมาบนเหรียญตราไพศาล ที่มีความหมายว่าความเงิตรา จู่ๆก็แยกย้ายกันออกไปและพุ่งไปที่ฉื่อหยาน

ก่อนที่สี่ตัวอักษรโบราณจะเข้ามาใกล้เขา ความคิดในจิตใจของเขาก็ได้รับผลกระทบ

เพียงพริบตาเดียว จิตใจของฉื่อหยานและห้วงจิตสำนึกดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากความมั่งคั่ง คำว่า ' เงินตรา ' ปรากฏขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขา ความมั่งคั่งและ ความโลภ ในห้วงจิตสำนึกของเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับว่าต้องการให้วิญญานและร่างกายของเขาตกเป็นทาวของเงินตรา

ในการฝึกฝนบ่มเพาะ ,นักรบระดับนภาจำเป็นต้องเข้าใจความคิดต่างๆอย่างลึกซึ้งและจากนั้นก็ใช้ความคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความโลภโจมตี และใช้สมบัติลับเพิ่มประสิทธิภาพของวิชาต่อสู้ ทำให้พวกมันส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกวิญญานของผู้คน นี่คือความต่างของนักรบระดับนภาและนักรบระดับรู้แจ้งทั่วไป

กลุ่มก้อนความคิด 'เงินตรา ' ก็ส่องประกายพุ่งออกมาจากช่องโหวบนเหรียญ พุ่งไปที่ผนึกแห่งความเป็นความตาย

ความคิดลึกลับเกี่ยวกับวัฏจักรความเป็นความตาย ทันทีก็แพร่กระจายออกมาจากผนึกแห่งความเป็นความตาย

ความคิดเกี่ยวกับความเป็นความตายก็พุ่งไปที่พวงแสงความคิดเกี่ยวกับเงินตรา

ในเวลาเดียวกัน ฉื่อหยานห้วงจิตสำนึกก็ถูกกระตุ้นเล็กน้อย เขาส่งความคิดไปยังผนึกแห่งความเป็นความตายและใช้ความคิดเหล่านั้นเพื่อต่อต้านกับความคิดของเงินตราที่เต็มไปด้วยความโล�

เมื่อชีวิตกลายเป็นความตาย เงินตราหรือลับสมบัติทั้งหมดต่างก็กลายเป็นเหมือนกับเมฆลอยไร้ความหมย และความตายเป็นจุดจบของทั้งหมด

มีคำพูดที่ว่า ความตายเป็นเหมือนแสงนำพา ไม่มีใครสามารถนำเงินมายังโลกแห่งความคายได้ หรือพูดกับตัวเองหลังจากตายได้ ความคิดของผนึกแห่งความเป็นความตายนั้นทำให้ความคิดเกี่ยวกับเงินตราของอายหยากลายเป็นไร้ค่า

กลุ่มแสงเงินและความคิดจากตัวอักษรทั้งสี่ไม่สามารถต้านทานผนึกแห่งความเป็นความตายได้ ความคิดเกี่ยวกับชีวิตและความตายจากผนึก กลืนกินความคิดเกี่ยวกับ ' เงินตรา ' และบดขยี้กระจัดกระจายออกไป , และ แสงของชีวิตและความตายกลืนกินแสงสีทองของ เงินตรา จนหมดสิ้น

พลังของผลึกแห่งชีวิตและความตายไม่ลดลงเลย มันครอบคลุมม่านพลังป้องกันของอายหยา

หลังจากประทะกันม่านพลังของอายหยาก็บิดเบี้ยวไปมาและแตกออกเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วน ระเบิดส่งผลให้อายหยากระเด็นไปสิบเมตร ซึ่งกว่าที่นางจะหยุดมันได้นั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก เป็นหยดเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางในขณะที่ดวงตามืดมัวลงเล็กน้อย.

หลังจากเข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้ง  ฉื่อหยานก็มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาต่อสู้และสมบัติลึกลับมากขึ้น ดูเหมือนว่าการโจมตีจากวิชาและสมบัติลับจะมีความคิดเจือปนมาด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิชาและสมบัติลับชิ้นนั้น

แม้ว่าความคิดเกี่ยวกับผนึกแห่งชีวิตและความตาย ที่เขารับรู้จะเป็นเพียงผิวเผินและไม่ก่อให้เกิดชีวิตและความคายจริงๆ แต่มันก็ยังเหนือว่าความคิดจากสมบัติลับของอายหยา

รู้สึกถึงความคิดที่มหัศจรรย์ที่เข้ามา ฉื่อหยาน หัวเราะและทันทีก็กระตุ้นจิตวิญญานแห่งดวงดาว

กลุ่มของดวงดาวเคลื่อนไหวออกมาจากฝ่ามือของเขาเหมือนไข่มุก  เป็นรูปลักษณ์เจ็ดดวงจระเข้ใหญ่ และความคิดอัศจรรย์ แก่นแท้อมตะโบราณ , ก็กดทับอย่างหนักไปที่อายหยา

ก่อนจะเข้าสู่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เขาพยายามจะเข้าใจความลึกลับของดวงดาว ดูความเป็นไปของดาวโลกและการสูญพันธุ์ และได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มา คราวนี้ เมื่อเขาได้เข้าเข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้ง เขาก็ตระหนักได้ว่า ทุกวิชา ทุกพลัง ทุกๆอย่างประกอบไปด้วยความคิดที่อัศจรรย์

เมื่อใช้ความคิดของเขาที่มาจากดวงดาวทั้งเจ็ก ห้วนจิตสำนึกของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเปลี่ยนแปลงกระจก ปรากฏเป็นรูปแบบการโคจรของดวงดาวทั้งเจ็ด

อย่างน่าอัศจรรย์ สวรรค์อมตะและโลกคือความรู้ จู่ๆก็แผ่ออกมาจากดวงดาวที่เรียงรายกัน

อายหยา ที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มของเจ็ดดวงดาวจระเข้ใหญ๋ ก็จ้องมองดวงดาวที่เรียงราย ซึ่งกำลังค่อยๆกดทับมาที่นางและภาพลวงตาก็เริ่มปรากฏขึ้นในใจของนาง นางลังเลที่จะเผชิญหน้ากับรูปแบบการโคจรของดวงดาว ขณะเดียวกันดูเหมือนว่าพลังปราณลึกลับของนางจะได้รับผลกระทบจากความคิด

" เจตจำนงแก่นแท้ความจริงแห่งดวงดาว "

ใบหน้าของไชอี้ ลั่วหลี่ และ ลั่วหลั่น ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน มองฉื่อหยานด้วยความหวาดกลัว . เจ้าเป็นสมาชิกของพรรคนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์รึ ?

การอุทานออกมาของทั้งสามคนทำให้จิตใจของฉื่อหยานฟุ้งซ่าน และทำให้แรงกดดันของเขาช้าลง

เจตจำนงแก่นแท้ความจริงแห่งดวงดาวที่มาจากรูปแบบโคจรดวงดาวก็ได้รับผลกระทบทันที ความคิดลึกลับที่ออกมาจากรูปแบบโคจรดวงดาวก็หายไป และเพราะความคิดเหล่านั้นได้หายไป , เจ็ดดวงดาวจระเข้ใหญ่ แรงกดดันก็ลดลงเป็นอย่างมาก

อายหยาความรู้สึกอ่อนแอและหมดหนทางก็หายไปทันที และ นางก็ไม่ได้รับผลกระทบจากความคิดอีกต่อไป

นางค่อยๆ เคลื่อนห่างจากรูปแบบโคจรดวงดาว ยื่นมือออกไปรูปแบบโคจรดวงดา สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์เหรียญตาไพศาลก็แกว่งไปมา และ ความคิดเกี่ยวกับ' เงินตรา ' ก็กลับมาแสดงผลอีกครั้ง และทำลายรูปแบบโคตรดวงดาวที่ความคิดได้หายไป

" เจ้านั้นยังไม่ถึงระดับนภาความรู้ความเข้าใจของเจ้ายังตื้นเกินไปในเรื่องเกี่ยวกับความคิดและเจ้าเองก็ยังไม่เข้าใจการแสดงผลของความคิด จากวิชาและสมบัติลับดี เมื่อร่างกายของเจ้าเองจะได้รับผลกระทบ ความคิดทันที ก็จะหายไปจากจิตวิญญานต่อสู้ ระดับการบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไป เจ้าไม่สามารถพึ่งพาพลังที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างมันได้ " อายหยาสีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางพูดอย่างเย็นชา " . เนื่องจากเจ้ามาจากนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเสีย ข้าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าในเรื่องตำแหน่งผู้นำอีก ถ้าเจ้าต้องการที่จะออกคำสั่ง งั้นก็ตามใจเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่นำเราไปสู่หายนะ นะ "

แม้ว่านางจะพูดเช่นนั้น อายหยาหัวใจของนางกลับรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ตอนนี้นางมีความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับความลับของฉื่อหยาน

โดยทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องยากที่นักรบระดับรู้แจ้ง จะเข้าใจความคิดอย่างละเอียด นอกจากนี้ การกำหนดความคิดเกี่ยวกับวิชาและสมบัติลับบางอย่าง นักรบระดับรู้แจ้งไม่สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าฉื่อหยาน จะมีความเข้าใจแต่นั่นก็เป็นเพียงผิวเพิน และเมื่อเกิดผลกระทบขึ้นความคิดก็จะหายไป แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น  มันก็ไม่สมควรที่นักระดับรู้แจ้งจะทำได้

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้  อายหยาก็ช่วยไม่ได้ที่ จะรู้สึกกลัวฉื่อหยาน นางรู้ว่าถ้าเขาเข้าสู่ระดับนภาจริงๆและเข้าใจเกี่ยวกับพลังมหัศจรรย์ของความคิด นางจะต้องถูกเขาฆ่าตายอย่างแน่นอน หากต่อสู้กับเขา

นางไม่รู้ว่าวิชาอะไรที่สามารถทำให้ฉื่อหยานแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ เมื่อนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ยิ่งกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง

ความคิดได้หายไป พลังของรูปแบบโคจรดวงดาวก็ลดลงและถูกอายหยาทำลาย ฉื่อหยานยืนนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าของเขาแสดงร่องรอยของความสงสัย หลังจากที่ได้ยินอายหยาพูดยอมรับความพ่ายแพ้ของนาง เขามองดูคนทั้งสามกลุ่มของไชอี้ ขมวดคิ้วและถามว่า " นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ? พวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ?

" เจ้าได้แสดงเจตจำนงแก่นแท้ความจริงแห่งดวงดาว ซึ่งมาจากนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา โดยเฉพาะจิตวิญญาณต่อสู้ของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้าใจเกี่ยวกับการโคจรของดวงดาวอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียง แต่เจ้าจะปล่อยดวงดาวออกมา แต่เจ้ากลับสามารถเพิ่มความคิดเข้าไปได้ ดังนั้น ถ้าเจ้าไม่ได้มาจากนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ แล้วเจ้ามาจากที่ไหน ? " ไชอี้พูดอย่างมั่นใจ

ลั่วหลัน และลั่วหลี่ก็พยักหน้าพร้อมกัน

" นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ ? " ฉื่อหยานส่ายหัว " ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนิกายนี้ มันอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรค ? นิกายนี้มีอะไรแปลกประหลาดกัน ? "

" นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นกองกำลังที่เก่าแก่ที่สุดขอดินแดนศักสิทธิ์ หนึ่งในเจ็ดกองกำลังที่เข้าใจวิธีการใช้พลังจากแสง แสงดวงอาทิตย์ แวงดวงจันทร์ และแสงดาวทั้งหมดที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง นิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์มีหลายวิชาที่มาจากการกำเนิดของแสงทั้งสามนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าได้ใช้ เจตจำนงแก่นแท้ความจริงแห่งดวงดาว ซึ่งเป็นหนึ่งความคิดของนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ . บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงคนจากนิกายแห่งนี้เท่านั้นที่สามารถเข้าใจความคิดนี้ได้

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด