บทที่ 382 ข้าจะเป็นคนออกคำสั่งนับจากนี้
บทที่ 382 ข้าจะเป็นคนออกคำสั่งนับจากนี้
ฉื่อหยาน ค่อยๆตื่นขึ้นมา
นภาที่สามระดับรู้แจ้ง !
หลังจากเข้าใจอย่างถ่องแท้และฟื้นฟูพลังปราณลึกลับสมบูรณ์ พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกขั้นเข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้ง
แต่ละเส้นสายจิตสำนึกวิญญาน ในห้วงจิตสำนึกของเขาถูหชำระล้าง ดังนั้น จิตสำนึกวิญญานของเขาจึงกลายเป็นโปร่งใส ในขณะที่ห้วงจิตสำนึกของเขาเป็นเหมือนกระจกที่สะสิ่งมีชีวิตทุกอย่างรอบๆตัว
หมอกแม่เหล็กทมิฬนั้นลึกลับเป็ฯอย่างมาก ในสถานที่แห่งนี้จิตสำนึกวิญญานไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น เขาจึงรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าของเขาไม่กี่อย่าง
อย่างไรก็ตาม ในนภาที่สามระดับรู้แจ้ง เขาตระหนักได้ว่าความรู้ความเข้าใจเกียวกับพลังในร่างของเขามีมากขึ้น และในเรื่องของการควบคุมพลังเขาก็สามารถมันควบคุมได้ดีกว่าเดิม
เมื่อจิตใจของเขาชัดเจนขึ้น ตอนนี้เขาสามารถแสดงความพลังของเขาได้ในระดับสูงสุด ใช้จิตสำนึกวิญญานได้ชำนาญขึ้นและสามารถควบคุมพลังต่างๆได้อย่างมั่นคง ทุกสิ่งล้วนแต่เปลี่ยนเป็นอัศจรรย์มากขึ้น เมื่อความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น ความเข้าใจของเขาก็แตกต่างออกไปจากเดิม
ในเวลาแบบนี้ เขารู้ว่าทุกครั้งที่เขาบรรลุเข้าสู่ขั้นใหม่ได้อย่างยากลำบาก มันไม่เพียงแต่จะเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของเขา บางครั้ง การเปลี่ยนแปลงของระดับได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก มันหมายความว่า ในการต่อสู้ เขาสามารถใช้พลังจากร่างกายของเขาและไม่ได้โคตรพลังใดๆ แต่ก็ยังสร้างแรงกดดันได้อย่างรุนแรง
ความคิดของเขาถูกปรากฏขึ้น เขาและแกนเพลิงในแหวนสายโลหิตก็เชื่อมต่อกัน
" เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้า เปลวเหมันเยือกแข็ง และ จิตวิยญานพระเจ้าศัะกดิ์สิทธิ์ถึงหายไปพร้อมกัน ? ทำไมเจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมาแต่เปลวเหมันเยือกแข็งและจิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ตื่น " ?
" ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ มันเป็นเพราะแหวนนี้ มันครอบงำทุกอย่าง มันบังคับให้เราหลอมรวมเข้าด้วยกัน และยังบังคับให้เรามอบพลังให้ท่านใช้ เปลวเหมันเยือกแข็ง และ จิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ใช้พลังเยอะสุด ดังนั้นพวกเขาอาจจะฟื้นตัวช้ากว่าข้า แม้ว่าข้าจะตื่นแล้ว แต่ข้าก็ได้ใช้พลังไปมากและทำให้ข้าอ่อนแอมากตอนนี้ . . . . . . . "
" เจ้าจะฟื้นฟูพลังที่สูญเสียไปได้อย่างไร ?
" มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเปลวเหมันเยือกแข็งและข้า แค่โยนข้าเข้าไปในหัวใจของภูเขาไฟล้านปี เปลวเหมันเยือกแข็งก็เช่นเดียว ท่านต้องหาสิ่งที่มีพลังหนาวเย็นเพื่อให้เขาดูดซับพลัง , เปลวเหมันจึงจะฟื้นฟูพลังได้ แต่ข้าไม่รู้เกี่ยวกับจิตวิญญาพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ รูปแบบชีวิตของเราแตกต่างกันมาก ข้าไม่รู้ว่าเขาสามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้อย่างไร . "
" เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาจะตื่นตอนไหน ?
" ข้าไม่อาจรู้ได้ พวกเขาได้ใช้พลังไปเป็นจำนวน พวกเขาอาจจะต้องการเวลามากกว่านี้ "
" แล้วเรื่องตัวไหมสีทองที่จะกินไปหละ ?
" มีวิญญานมากมายติดอยู่ที่มัน เพื่อที่จะทำลายมัน ข้าต้องปิดผนึกและลบล้างเหล่าวิญญานพระเจ้าที่ติดอยู่ ถ้าข้าสามารถปรับแต่งวิญญานพระเจ้าและม่านพลังที่ปิดผนึกอยู่ได้ ข้าสามารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย . "
" โอ้ ! " หัวใจของ ฉื่อหยาน ก็ปั่นป่วนเล็กน้อย จิตใจของเขาก็หมุนเร็ว เขาพูดว่า " ถ้าเจ้าสามารถปรับแต่งได้ หมายความว่าข้าก็สามารถควบคุมมัน ให้มันทำตามคำสั่งของข้าได้สินะ "
" นั่นไม่ใช่ปัญหา "
" ถ้าเป็นเช่นนั้น เราสามารถทดสอบได้ อืม ที่ต้องทำก็คือทำลายวิญญานพระเจ้าทั้งหมด โดยไม่ต้องทำลายตัวไหม ทั้งหมดนี่เด๋วข้าจัดการเอง . "
" ตกลง " .
" มี สองสาวมาทีนี่ก่อนหน้านี้”
" อืม ข้ามีแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว "
ฉื่อหยาน ครุ่นคิดแล้วสื่อสารกับแกนเพลิงเล็กน้อย ก่อนที่จู่ๆ จะตัดการสื่อสารของพวกเขาออกและนำกระสวยแยกนภาและเชื่อมต่อกับมัน
" ข้าจะทำตามเจ้า ถ้าคุณต้องการใช้ข้า คุณต้องถ่ายทอดพลังมาให้เพียงพอ ข้าต้องการพลังที่เพียงพอต่อการทำลายอุปสรรค ทุกครั้งที่เจ้าใช้ ข้าจะใช้พลังที่เจ้าถ่ายทอดเข้ามา บ่มเพาะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของข้า ที่ยิ่งรูปแบบหรืออุปสรรคใดๆแข็งแกร่งเท่าใด ข้าก็จำเป็นต้องใข้พลังอย่างมากเพื่อจัดการ ความสัมพันธ์ของเรา มันก็ง่ายๆเช่นนี้ " กระสวยแยกนภาส่งข้อความกลับ
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วคิดสักครู่และถามว่า " ถ้าข้าต้องการให้เจ้าทำลายรูปแบบและอุปสรรคที่สร้างขึ้นโดยอาวุธลับที่ถูกใช้โดยนักรบนภาที่สามระดับนภา จะต้องใช้พลังเท่าไหร่ ?
" รอจนกว่าเจ้าจะอยู่ในระดับนั้น แล้วเราค่อยคุยกันอีกที เจ้าจะต้องไปยังระดับนั้นก่อนเจ้าถึงจะรู้ว่าต่องใช้พลังเท่าใด ตามที่เจ้าพูดมา เจ้าต้องถึงระดับนภาเป็นอย่างน้อยก่อนถึงจะทำได้ รูปแบบและอุปสรรคทุกอย่างต้องได้รับการสนับสนุนจากพลัง ยิ่งความแข็งแกร่งของพวกมันมีมากเท่าใด พลังที่สนับสนุนพวกมันอยู่ก็ยิ่งมีมากขึ้น ดังนั้น ข้าต้องการพลังที่เหมาะสมแก่การทำลายพวกมัน ถ้าเจ้ามีพลังไม่เพียงพอ ข้าก็ไม่สามารถทำได้. "
ฉื่อหยาน ตะลึงสักพักแล้วสั่นศีรษะของเขา เขากลัวว่าหากอาศัยกระสวยแยกนภาอย่างเดียวในการไปช่วยจักพรรดิหยางเทียน คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
จักพรรดิหยางเทียนนั้นถูกกักขังมานานเกินไป เขาอาจจะสูญเสียจิตสำนึกของเขาหลังจากที่ถูกทรมาน เขาอาจจะถูกทำลายอีกไม่นาน
ตอนนี้เขามีระดับการบ่มเพาะที่นภาที่สามระดับรู้แข้ง เขาจึงไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะบรรลุเข้าสู่ระดับนภา
หลังจากที่รับรู้เกี่ยวกับวิญญานอย่างลึกซึ้ง เขาก็ไม่คนไม่รู้อะไรอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากจิตวิญญานลึกลับ มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะมีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณลึกลับทำให้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพลังปราณลึกลับในร่าง แต่นั่นเพียงอย่างเดียงไม่สามารถทำให้เขาก้าวหน้าได้ เขาจะต้องอาศัยประสบการณ์ของเขาและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาน
ในการบรรลุระดับ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญานและพลังปราณลึกลับต่างก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น เพียงแค่พลังปราณลึกลับอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เขาได้สูญเสียแรงกระตุ้นของเขาที่จะช่วยจักพรรดิหยางเทียน
หลังจากนั่งอยู่ในถ้ำ สักพักเขาก็ลุกขึ้นยืน รู้สึกได้ถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของต้นไม้พลังปราณลึกลับโบราณ ฉื่อหยาน เผยรอยยิ้มที่น่าพอใจ
ครั้งนี้เขาโชคดีนัก ไม่เพียงแต่เขาจะอยู่ในนภาที่สามระดับรู้แจ้ง แต่ต้นไม้พลังปราณลึกลับโบราณของเขายังดูเหมือนจะเติบโตและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น เพราะเขาได้ดูดซับกลิ่นอายพลังจากจิตวิญญานลึกลับและได้รับพลังลึกลับเข้ามายังประกายแสงพลังปราณลึกลับ
ทุกครั้งที่เขาเขาเข้าสู่ขั้นใหม่ ต้นไม้พลังปราณลึกลับโบราณดูเหมือนจะเติบฏโตขึ้น เมื่อต้นไม่พลังปราณลึกลับโบราณเติบโตขึ้น เขาก็จะต้องรวบรวมกลิ่นอายธรรมชาติเพื่อเสริมสร้างต้นไม้พลังปราณลึกลับโบราณให้มีกิ่งก้านสาขางอกเงยออกมา
เมื่อต้นไม้พลังปราณลึกลับเต็มไปด้วยพลังปราณลึกลับ มันหมายถึงว่า เขสได้รวบรวมพลังของเขาในระดับนี้จนถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากนั้น เค้าก็ต้องรอจนกว่าจะรู้แจ้งเกี่ยวกับวิญญาน แล้วเขาก็จะบรรลุเข้าสู่ระดับใหม๋
เขาจมไปในความคิด เฝ้าดูการเจริญเติบโตของต้นไม้พลังปราณลึกลับโบราณที่มีกิ่งก้านที่เหมือนคริสตัลงอกออกมาเล็กน้อย ฉื่อหยานรู้สึกว่าการเข้ามาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ในสถานที่นี้ เขาสามารถเข้าใจเกี่ยวกับวิญญานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความเข้าใจเหล่านั้นจะเกิดตอนที่เขากำลังเผชิญกับความเป็นความตาย และมัสิ่งที่เขาขาดมากที่สุด คือ ความรู้ความเข้าใจ
อยู่ในถ้ำ ฉื่อหยาน คิดสักพัก เขาก็สรุปแผนของเขาในความคิดของเขา หลังจากนั้น เขารีบเดินออกมาจากถ้ำ และมองอีกสี่คน
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาเห็น อายหยา ไชอี้ , และพี่น้องสองชุมนุมในสถานที่หนึ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
เมื่อเห็นเขามา พวกเขาทั้งสี่ก็หยุดคุยทันที และมองไปที่เขา
" ทำไมถึงนานนัก ? " ไชอี้ ขมวดคิ้ว " เจ้ารู้หรือไม่เจ้าได้ใช้เวลาไปห้าวัน นานกว่าพวกเรารวมกันเสียอีก " .
" เจ้าสามารถรู้เวลาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬได้ยังไง ?" ฉื่อหยานถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
" เข็มทิศของอายหยาสามารถทำได้ " ไชอี้ พยักหน้าและตอบว่า " เราใช้เวลาเพียงวันเดียวเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของเรา อย่างไรก็ตาม เจ้ากลับใข้เวลาห้าวัน และเราก็อยู่ที่นี่เพื่อรอเจ้า”
สองพี่น้อง ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ลั่วหลี่ พูดขึ้นอีกครั้ง " เราสองคนพี่น้องเต็มใจที่จะรอ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เราก็คงออกมาจากกับดักของหนิงเซอไม่ได้แน่ . ฮา ฮา ฮา ความรู้สึกที่ลอดพ้นจากความตายนี้ช่างดีนัก น้องฉื่อหยานข้าขอบคุณเจ้ามาก .
ฉื่อหยาน พยักหน้า ขมวดคิ้วและมองพวกเขาทั้งสี่
ทั้งสี่คนก็งงว่า พวกเขาไม่ได้รู้ว่าทำไม ฉื่อหยาน ถึงไม่ได้พูดเลยสักคำ พวกเขามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
" ข้าต้องการที่จะประกาศสิ่งหนึ่ง " ฉื่อหยาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า " จากนี้ไป ถ้าข้าเป็นคนสั่ง พวกเจ้าจะต้องฟังข้า "
ใบหน้าของอายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลัน ก็เปลี่ยนไป
" ฟังเจ้า ? " อายหยาสีหน้าก็เย็นชา นางสูดลมหายใจเข้าและกล่าวว่า " ข้ายอมรับว่า เจ้านั้นแข็งแกร่งตริงๆ แต่หลังสิ่งที่เจ้าได้แสดงออกมา แต่ถ้าเจ้าต้องการให้เราเชื่อฟัง เพียงแค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ ."
" เจ้าจะฟังแต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าใช่ไหม " ฉื่อหยาน แสดงสีหน้าไร้อารมณ์เล็กน้อยและตะโกน หลุมแรงโน้มถ่วง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างจากที่นั่น ก็มาหาและอยู่ข้างหลังเขาโดยมันหมุนไปมาไม่หยุด
เมื่อเขาตกอยู่ในดินแดนสยอง หลุมแรงโน้มถ่วงก็อยู่ในหมอกสีเทาและบินอยู่ๆรอบโดยไม่ต้องได้เข้ามายังดินแดนสยองและยังไม่หายไปไหน
ถ้าป็นโลกภายนอกหลุมแรงโน้มถ่วงต้องบริโภคพลังอยู่มาก เขาต้องถ่ายทอดพลังจำนวนมาก ไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นเวลา 5 วัน แล้ว ถ้ามันเป็นเช่นนั้นเขาคงจะคงสภาพมันไว้ได้ไม่เกินสองวัน เพราะมันกินพลังเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม , ที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก หลุมแรงโน้มถ่วงแข็งแกร่งขึ้นมากในที่แห่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่หลุมแนงโน้มถ่วงยังคงมีพลังอยู่ แม้จะผ่านไปเป็นเวลาห้าวัน.
เส้นไหมยังอยู่อยู่ในหลุมแรงโน้มถ่วง และไม่มีใครสามารถหนีจากมันได้
ในช่วง 5 วัน อาย ไชอี้ และสองพี่น้องที่อยากรู้เกี่ยวกับหลุมแรงโน้มถ่วงก็สังเกตจากระยะ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถเห็นความลึกลับที่อยู่ในหลุมแรงโน้มถ่วงได้
คราวนี้ หลังจากที่ ฉื่อหยาน ออกมาจากถ้ำ เขาก็เรียกหลุมแรงโน้มถ่วงมาด้านข้างเขาทันที ซึ่งนั่นเห็นได้ชัดเลยว่าเขาสามารถควบคุมหลุมแรงโน้มถ่วงนี้ได้ ทั้งสี่คนจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มหนิงเซอเมื่อ 5 วันที่ผ่านมาไดเดี พวกเขานึกถึงนักรบจากวังสวรรค์ที่ถูกบดเป็นชิ้นๆโดยหลุมแรงโน้มถ่วง พวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วกระดูก
" ถ้าเจ้าไม่มั่นใจ เจ้าสามารถต่อสู้กับข้าได้ ข้าอยากรู้นักใครกันที่สามารถชนะข้าได้ ! " ฉื่อหยาน แสยะยิ้มอย่างเย็นชาและพูด " อายหยา และ ไชอี้ ข้ารู้ว่าเจ้าทั้งสองอยู่ในระดับนภา และยัง มีเจตนาที่จะฆ่าข้า ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้า เจ้าสองคนร่วมมือกันต่อสู้กับข้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้าชนะข้าได้ ข้าจะยอมแพ้และปล่อยไชอี้เป็นอิสระ”
" เจ้าช่างอวดดีนัก " อายหนาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ดูโกรธเป็นอย่างมาก
" อวดดี " ? ฉื่อหยาน ส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างจริงจัง " ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ ถ้าเจ้าต้องการเป็นหัวหน้า เจ้ากับไชอี้ก็ร่วมมือกันได้เลย ข้าต้องการที่จะดูว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำของข้าหรือป่าว
" ข้ายอมแำ้ " สีหน้า ไชอี้ ก็เปลี่ยนไปกระทันหัน แล้วนางก็ลดเสียงและพูดเบาๆ " ข้าเห็นด้วยที่จะให้เจ้าเป็นคนออกคำสั่ง”
" เราก็เห็นด้วย " ลั่วหลี่ ลั่วหลัน ก็พูดขึ้นพร้อมกัน
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ