บทที่ 381 เข้าใจถ่องแท้
บทที่ 381 เข้าใจถ่องแท้
" ไปกันเถอะ ! "
ฉื่อหยาน ทันทีก็ลึกขึ้นและหัวของเขาก็เข้าไปยังช่องว่าง ทันทีที่ร่างกายทั้งหมดของเขาอยู่ในช่องว่าง เส้นสายจิตสำนึกวิญญานของเขาที่กระจายออกไปทันทีก็เข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา
จิตสำนึกวิญญานที่ออกจากห้วงจิตสำนึกของเขาดูเหมือนจะยังลอยไปไหนไม่ไกลนัก เมื่อเขาได้เข้าไปในช่องว่าง จิตสำนึกวิญญาญที่เหลือก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดจากสายลมกระจ่างดาว จิตสำนึกวิญญานที่ลอยออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามายังห้วงจิตสำนึกของเขาอีกครั้ง
ฉื่อหยานก็ดีใจเป็นอย่างมาก
กลุ่มของอายหยาและไชอี้ก็ ตะลึงและแปลกใจ พวกเขาลอบขึ้นไปบนท้องฟ้า และเข้าไปในช่องว่างสีเงินทุกคน
ไปยังช่องว่างสีเงิน , พวกเขาทั้งสี่และ ฉื่อหยาน ก็ออกมาจากดินแดนสยอง .
บนหน้าผาเหนือดินแดนสยอง หนิงเซอ และอีกสองนักรบระดับนภาก็ยิ้มอย่างเย็นชา มองพื้นที่ที่เต็มไปด้วยควันสีเทาด้านล่าง
" พวกมันคงอยู่ในดินแดนสยองด้านล่างนั้น . ข้าคิดว่าอีกไม่นานพวกมันคงจะตายอยู่ในดินแดนสยอง . " หนิงเซอ แสยะยิ้มอย่างเย็นชา“ถ้าพวกมันตาย และตัวไหมสีทองก็มีการเชื่อมต่อกับวิญญานของข้า ข้ายังมี วิธีที่จะสัมผัสมันได้ ตัวไหมทองนั้นต่างจากเรา เนื่องจากในดินแดนสยองไม่สามารถทำอะไรมันได้ ทันทีที่เด็กนั่นตาย ข้าก็จะสามารถเรียกคืนตัวไหมทองของข้า .”
" นายน้อยช่างฉลาดนัก " สองนักรบระดับนภาก็ปลื้ม
อยู่ๆก็มีช่องว่างสีเงินพุ่งออกมาจากควันสีเทาด้านล่างพวกเขา มุ่งสู่หน้าผาภูเขาเดียวกัน
ฉื่อหยาน ร่างก็ปรากฏออกมาจากช่องว่างสีเงินที่ขึ้นมาด้านล่าง
" เป็นไปได้ยังไง ? " หนิงเซอ ไม่สามารถช่วยได้ที่จะร้องออกมาเสียงดัง ส่ายหัวอย่างไม่เชื่อสายตาของเขา เขามองฉื่อหยานและพูด" เจ้าเด็กนั่นออกมาจากดินแดนสยองได้ . มันจะเป็นไปได้ยังไง ? "
" นายน้อย อายหยา และ ไชอี้ เองก็ออกมาด้วย " หนึ่งในสองนักรบระดับนภาก็ตะโกนขึ้น " สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ! "
หน้า หนิงเซอ ก็กลายเป็นทุกข์ เขามองดู ฉื่อหยาน ที่ค่อยๆบินออกมา ในขณะที่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาอย่างผิดปกติ จากนั้นเขาก็ ขบฟันของเขาและพูด " ไปกันเถอะ เราค่อยกลับมาแก้แค้นเจ้าเด็กนี่ที่หลัง "
หลังจากพูด หนิงเซอ ก็รีบบินออกไปจากหน้าผา ด้วยความเร็วสูงสุดของเขา โดยไม่รอฉื่อหยานปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์
ไม่นานหลังจากที่ หนิงเซอจากไป ฉื่อหยาน ก็เป็นคนแรกที่ลงมายังหน้าผานี้จากช่องว่างที่สร้างขึ้นจากกระสวยแยกนภา
อายหยา ไชอี้ และสองพี่น้อง ลั่วหลี่ ลั่วหลั่น ก็ปรากฏตามมาอย่างรวดเร็วและสีหน้าของพวกเขาก็ดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เส้นสายจิตสำนึกวิญญาน ที่เหลือก็กลับเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของ ฉื่อหยาน ใบหน้าของ ฉื่อหยาน กระวนกระวาย ในขณะที่เขาก็ตระหนักว่าวิญญานของเขาดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์บางอย่างขึ้น
ก่อนหน้านี้ในดินแดนสยอง จิตสำนึกวิญญานของเขาได้ลอยออกไปจากห้วงจิตสำนึก สติของเขาหายไปส่วนหนึ่ง ห้วงจิตสำนึกของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เป็นจิตสำนึกวิญญานที่รับผลกระทยและ วิญญาณหลักก็เกือบจะปรากฏออกมา
ตายและเกิดใหม่ ! เขามั่นใจว่านี่คล้ายกับการ ตาบและเกิดใหม่ !
เมื่อจิตสำนึกวิญญาณของเขากลับสู่ห้วงจิตสำนึกของเขา ตอนนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่า จิตสำนึกวิญญานของเขาดูสับสนแปลกๆ ดูเหมือนจะมีความรู้สึกลึกลับบางอย่าง ที่เกิดจากการที่จิตสำนึกวิญญานได้หลุดออกไปและเกือบตาบ ซึ่งประจวบเหมาะกับเขาที่อยู่ระดับรู้แจ้งของเขา อย่างบางเบาก็สัมพัสได้ถึงมันอย่างชัดเจน
เขาอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้งด้วยเพียงอีกครึ่งก้าวก็จะบรรละระดับ เขาเพียงต้องการความรู้ความเข้าใจอีกเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถเข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้งได้
การหลบหนีจากความตายครั้งนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับวิญญานของเขาทีอยู่ในระดับรู้แจ้ง
การลอดพ้นจากความตายจำเป็นต้องใช้ปัญญาที่ดีและความหมันเพียรที่มากพอ นักรบระดับรู้แจ้งธรรมดามักจะไม่สามารถทำลายคอขวดนี้ได้ ดังนั้น แม้ว่าพลังปราณลึกลับของเขาจะพอ มันไม่ได้ง่าย หรือ อาจจะเป็นทั้งชีวิตของพวกเขาที่ไม่สามารถผ่านจุดนี้ได้
สถานการณ์ที่เขาต้องเจอนั้นลำบากเป็นอย่างมาก ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งช่วยให้เขาตระหนักถึงความจริง ของ' รู้แจ้ง '
แต่ ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลั่น พวกเขาก็แสดงออกมาอย่างมีความสุขหลังจากออกมาจากช่องว่าง จากนั้นพวกเขาก็มอง ฉื่อหยาน ด้วยความชื่นชม
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วขณะที่ยืนอยู่บนภูเขาหน้าผา เขาหยุดไปช่วงเวลาสั้น ๆก่อนก็เรียกกระสวยแยกนภากลับมาและพยักหน้าไปทางกลุ่มคนทั้งสี่“ข้าต้องเข้าสมาธิเล็กน้อย พวกเจ้าไปหาที่ของพวกเจ้าเถอะ .”
หลังจากพูด , ฉื่อหยาน ก็บินออกไปอีกสถานที่หนึ่งบนภูเขา , ขุดถ้ำ และเข้าไปข้างใน
เขาสื่อสารกับแกนเพลิง บอกมันให้เฝ้ายาม เขานั่งอยู่ในถ้ำ ไม่ได้ยุ่งกับกลุ่มของอายหยา และเริ่มที่จะปิดตาของเขาเพื่อเข้าใจสถานะก่อนหน้าของการตระหนักรู้ถึงมัน
ความหมายของคำว่า รู้แจ้ง อาจเรียกว่า การเกิดใหม่จากความตายและการฟื้นคืนชีวิตใหม่จากการถูกทำลาย
ผ่านประสบการณ์นี้ เขาจะรู้แจ้งเกี่ยวกับชีวิตและวิญญาน ฉื่อหยาน ด้วยสถานะที่อยู่ในระดับรู้แจ้ง ถ้าจิตสำวิญญาณของเขาได้หลุดลอยออกไป วิญญาณหลักของเขาก็จะปรากฏ ด้วยฝีมือของสายลมกระจ่างดาววิญญานของเขาจะถูกทำลาย
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ได้ท้อแท้ แต่กลันวบรวมความคิดทั้งหมดของเขาเพื่อ ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหา และในที่สุดก็พบวิธีที่จะออกมาจากดินแดนสยองแห่งนั้น และ หลุดพ้นจากความตายได้
นั่นสอดคล้องกับสภาวะวิญญานของระดับรู้แจ้ง
นักรบระดับรู้แจ้งหลายคน มักจะไม่มีปัญญาและความเพียรพยายามที่มากพอ พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใจอย่างภ่อแงท้ และในที่สุดก็มาถึงทางตัน
เขาเคยตายและเกิดใหม่อีกครั้ง ทำให้เขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพวิญญานของเขาตอนนี้ เขานั่งอยู่ในถ้ำ เงียบ ๆตระหนักถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับจิตสำนึกวิญญษนและผสานร่างของเขาเข้าไปในจิตใจของเขาเพื่อค้นหาช่วงเวลาทีอันตรายที่สุดในชีวิตของเขา
ห้วงจิตสำนึกของเขาค่อยๆสั่นกระเพื่อมเป็นคลื่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จิตสำนึกวิญญานที่ลอยออกไปทั้งหมดก็กลับเข้ามาในห้วงจิตสำนึก
เขาสัมพัสไปที่จิตสำนึกวิญญาณของเขา และดูเหมือนว่าจะถูกชำระล้างสะอาด แต่ละเส้นจิตสำนึกวิญญาณของเขาสะอาดและบริสุทธิ์ ปราศจากสิ่งเจือปนหรือความรู้สึกด้านลบใดๆ
เมื่ออยู่ในสภาวะจิตสำนึก ตัวของเขาและวิญญานหลักของเขารวมเป็นหนึ่ง เขานั่งไขว้ขา ค่อยๆ หลับตาลง นำแต่ละเส้นสายจิตสำนึกวิญญานเข้าไปในวิญญานหลัก จิตสำนึกวิญญานที่เข้าไปในวิญญานหลักของเขาได้ถูกชะล้างและทำให้บริสุทธิ์ ทำให้จิตใจของเขาชัดเจน ปรอดโปร่ง และสามารถเข้าถึงได้
เส้นสายจิตสำนึกวิญญานนับไม่ถ้วนถูกทำให้บริสุทธิ์และปราศจากสิ่งสกปรก ดังนั้น ตอนนี้จิตสำนึกวิญญานของเขาจึงกลายเป็นโปร่งใส
มันเป็นราวกับว่าจิตสำนึกวิญญานของเขาถูกชำระล้างด้วยน้ำ สภาพจิตใจของเขาชัดเจนว่างขึ้น และจิตสำนึกวิญญาณของเขาก็บริสุทธิ์
แม้แต่ห้วงจิตสำนึก ก็ยังดูเหมือนกับกระจกใสที่สะท้อนให้เห็นทุกอย่างและตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆที่อยู่รอบตัว
อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลั่น มาถึงภูเขานี้ในภายหลัง หลังจากเห็นเขาจากไปแล้ว พวกเขาก็เริ่มที่จะกระจาย และหาที่หลบซ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของตน
ที่ทางเข้าถ้ำของ ฉื่อหยาน
รูปร่างสง่างามก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นคือ ไชอี้ .
ห่างไปสิบเมคร ไชอี้ มอง ฉื่อหยาน ที่อยู่ในถ้ำ ขณะที่ดวงตาคู่สวยของนางก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนลังเลอะไรบางอย่าง
ข้าจะลองเสี่ยงดีหรือไม่
หน้า ไชอี้ ก็กำลังสับสน แสงสดใสส่องจากนิ้วทั้งสิบของนางเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง
ฉื่อหยานได้ปลูกฝังเมล็ดวิญญานไว้ในวิญญานหลักของนาง ดังนั้น ตราบใดที่ ฉื่อหยาน ถูกฆ่า เมล็ดวิญญานนี้ก็จะหายไป
ไชอี้ เห็นได้ชัดไม่ต้องการที่จะถูกควบคุมตลอดเวลาหรือเป็นหุ่นเชิดของ ฉื่อหยาน . นางต้องการที่จะควบคุมชะตากรรมของตัวเอง
ถ้า ฉื่อหยาน ถูกฆ่า นางก็จะได้อิสระภาพของนางคืนมาทันที
ถ้าเป็นในอดีต ในขณะที่ ฉื่อหยาน ได้นั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังของเขา นางคงไม่ลังเลที่จะลงมือ และจะปล่อยระเบิการโจมตีไปที่ฉื่อหยานราวกับสายฟ้าฟาด .
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังแข็งแกร่งที่ ฉื่อหยานได้แสดงออกมาให้นางเห็น ; ไม่เพียง แต่เขาจะสามารถรับมือกับเส้นไหมทองคำทั้งหมดได้ แต่ยังสามารถจัดการกับตัวไหมทองได้ และช่วยให้พวกเขาออกจากดินแดนสยองอีก
พลังฉื่อหยาน ไม่ใช่สิ่งที่นักรบระดับรู้แจ้งธรรมดาจะสามารถทำได้ แม้ว่า ฉื่อหยาน จะอยู่ในสภาพผ่อนคลาย นางก็ไม่กล้าที่จะกระทำโดยความประมาท
ถ้านางไม่สามารถฆ่า ฉื่อหยาน ได้ในทีเดียวและปล่อยให้เขามีลมหายใจต่อ เขาก็จะกระตุ้นเมล็ดวิญญานในวิญญานหลักของนางได้ ,และนั่น นางจะถูกฆ่าทันที
ไชอี้ ลังเลและพิจารณาว่านางควรจะเสี่ยงหรือไม่ แต่นางไม่สามารถตัดสินใจได้
อย่างไรก็ตาม ณเวลานี้ ร่างค่อยๆปรากฏถัดจาก ไชอี้ .
" อ๊ะ ! " ไชอี้ ครอบปากนาง ถอนหายใจเล็กน้อย ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปในขณะที่นางรีบชายตามอง ฉื่อหยาน . หลังจากรู้ว่า ฉื่อหยานยัง ไม่มีสัญญานเปลี่ยนแปลงใดๆ นางค่อยโล่งใจ ค่อยๆมาอยู่ใกล้ๆอายหยาและพูดเบาๆ , " เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?
" ข้าควรจะถามเจ้าเช่นกัน " อายหยาพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มองไปที่ไชอี้อย่างรวดเร็ว และพูดว่า " เจ้ามาที่นี่ทำไม ? "
ไชอี้ กัดฟัน ในขณะที่ตาของนางส่องประกายจุดแสง นางไม่พูดอะไรเลยสักคำ
" ดูเหมือนว่า จุดมุ่งหมายของเราจะเหมือนกันนะ . " อานยหยาจ้อง ไชอี้ อย่างจริงจังและถามว่า " เจ้าต้องการจะฆ่าเขาใช่ไหม ?
ความเกลียดชังแวบขึ้นในดวงตาที่สวยงามของไชอี้ นาง พยักหน้าเล็กน้อย
แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ มอง ฉื่อหยาน จากระยะไกลออกมาเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า " มันไม่ง่ายเลบที่จะจัดการกับ . . . . . . . "
" ข้ารู้ " ไชอี้ฝืนยิ้ม" ข้าไม่แน่ว่าข้าเพียงคนเดียวจะทำได้หรือไม่ แต่ถ้าร่วมมือกับเจ้า เราจะสามารถฆ่าเขาทันที ผู้ชายคนนี้ช่างเลวนัก เขาเคยเห็น . . . . . . .ของเรา "
อายหยาสีหน้าก็เปลี่ยนไป นางถอนหายใจ อย่างเย็นชา
ไชอี้ ทันที ก็ปิดปากลง นางลังเลอยู่สักพัก และพูดว่า " พวกเราควรจะทำมั้ย ?
" ในขณะที่เขาอยู่ในการเข้าสมาธิ ถ้าเราร่วมมือกันฆ่าเขามันก็คงไม่ยากเกินไป แต่ . . . . . . . " อายหยาเน้นเสียงของนางและขมวดคิ้วแน่น. " หนิงเซอ ยังมีชีวิตอยู่ คนจากวังสวรรค์ไม่ปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นไปแน่ และจะส่งมาที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬมากขึ้น เราอาจจะเจอกับหนิงเซออีกครั้ง ด้วยความแข็งแกร่งของเราตอนนี้ ไม่มีทางที่จะเอาชนะพวกเขาได้เลย "
" หมายความว่าไง ? " ไชอี้ถามด้วยความประหลาดใจ
" เขาตายแน่นอน แต่ข้าคิดว่าคงไม่ใช่ตอนนี้ ถึงเราไม่ทำอะไรเลย คนจากวังสวรรค์ก็จะฆ่าเขาอยู่ . " อายหยาคิดเล็กน้อย และกล่าวอีกว่า " ตัวไหมทองคำหมื่นปีเป็นของล้ำค่าของหนิงเซอ ฉื่อหยานได้จัดการกับตัวไหมทองคำไปมีหรือวังสวรรค์จะปล่อยเขาไป ข้ารู้ว่าในเวลานี้ที่หมอกแม่เหล็กทมิฬไม่ได้มีเพียงกลุ่มของหนิงเซอกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มาจากวังสวรรค์และอยู่ที่นี่ รอจนกว่าเราจะเข้าลึกไปในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬกว่านี้ ถ้า หนิงเซอ ร่วมมือกับกองกำลังอื่น พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนั้นเราก็จะใช้โอกาสที่เขารับมือกับคนจากวังสวรรค์ เพื่อ . . . . . . . "
" ข้าเข้าใจแล้ว " ไชอี้ พยักหน้า " เจ้าช่างชั่วร้ายและไร้ยางอายจริงๆ " .
" หึ ! " อายหยามไชอี้อย่างเย็นชา แล้วรีบจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ไชอี้ เองก็อยู่ไม่นานนัก นางมอง ฉื่อหยาน ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน พักหนึ่ง จากนั้นก็ตามอายหยาไป .
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ