บทที่ 379 สายลมกระจ่างดาว
บทที่ 379 สายลมกระจ่างดาว
‘’ ไป ‘’
หนิงเซอ กระอักเลือดออกมา เขาซวนเซเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นแสงแปลกๆพุ่งลึกเข้าไปในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
เห็น หนิงเซอ หนี สองนักรบระดับนภาสีหน้าก็กลายเป็นหวาดกลัว
ลังเลสักครู่นิ้วมือของพวกเขาที่ปล่อยเส้นไหมทองออกมาก็ระเบิดออก พวกเขาสองคนตัดนิ่้วของตัสเอง และหยุดเชื่อมต่อกับเส้นไหมทอง โดยไม่ลังเลใด ๆ พวกเขาก็รีบหันกลับและวิ่งหนีไป
ใบหน้าของ ฉื่อหยาน ก็เย็นชาและโหดเหี้ยม เขาแสยะยิ้มอย่างเย็นชาและทันทีก็ตามหนิงเซอไป .
นักรบนภาที่สามระดับรู้แจ้งจากวังสวรรค์ก็พยายามที่จะตัดการเชื่อมต่อกับผ้าไหมสีทองและหนีตามพวกเขาทั้งสามไป . เมื่อเห็น ฉื่อหยาน บินผ่านไปใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขายื่นฝ่ามือของเขาและแสงสีทองเปล่งประกายก็ส่องสว่าขึ้นจากมือบวมของเขาและโจมตีฉื่อหยาน
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า " ฉื่อหยาน หัวเราะออกมา พลังเชิงลบก็ไหลออกมาจากจิตใจของเขา ผิวของเขากลายเป็นสีแดงม่วง ในขณะที่แต่ละตัวกล้ามเนื้อของเขารู้สึกเหมือนจะระเบิด
" ปัง ปัง "
พลังที่แข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาจากกล้ามเนื้อของเขา เขาไม่สนใจไฟสีทองและพุ่งไปหาพวกเขา
แสงสีทองที่ประทะกับร่างของเขาก็ถูกทำลาย และไม่ทำให้เขาเจ็บ
หลังจากจิตวิญญานกายาแข็งได้ถึงขั้นสูงสุดและกลายพันธ์ ด้วยระดับความแข็งแกร่งเช่นนี้มันแทบจะไม่ทำให้เขาบาดเจ็บใดๆเลย เขารู้สึกคันเล็กน้อยเท่านั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีตัวอะไรมาไต่และรู้สึกไม่สบายเทม่านั้น
จิตใจของ ฉื่อหยาน ก็ไหลออกมาเล็กน้อย , และห้าปีศาตความรู้สึกเชิงลบก็พุ่งออกมาจากห้วงจิตสำนึกของเขา กลายเป็นกายหยาบ พุ่งผ่านแสงสีทอง โจมตีนักรบนภาที่สามระดับรู้แจ้ง
ห้าปีศาจก็ยิ้มจนเห็นฟันอย่างเงียบๆ ,กาวกรงเล็บที่ดุร้ายของออกมาและกระฉากหัวและแขนของนักรบเหล่านั้น
เลือดกระเซ็นไปทั่ว ร่างของห้าปีศาจ หัวและแขนขาทั้งสองของพวกเขาสก็ถูกฉีกกระฉากออก ทำให้พวกเขาตกตายทันที
ภายใต้การควบคุมห้าปีศาจของ ฉื่อหยาน แขนและขาเหล่านั้นก็ถูกโยนเข้าไปในหลุมแรงโน้มถ่วง
ก้อนเนื้อกระจายไปทั่วหลุมแรงโน้มถ่วงซึ่งตอนนี้ดูเหมือนกับเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยก้อนเลือดและเนื้อ หลุมแรงโน้มถ่วงก็กลายเป็นสีแดงเลือด พายุทอร์นาโดสีเทากลายเป็นสีแดงเลือดนี้ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดกลัว
ฉื่อหยาน เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดออกมา เมื่อพวกมัน ตัดหัวนักรบนภาที่สามรู้แจ้ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องต้องเก็บซ่อนความแข็งแกร่งอีกต่อไป
นักรบเหล่านั้นถูกฆ่าทันที และ , ฉื่อหยาน ก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่ไล่ตาม หนิงเซอ ไป.
หลุมแรงโน้มถ่วงบดเศษหินและดินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ภายใต้การควบคุมจากจิตใจของเขา มันก็หมุนตามหลังของเขาไป
อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ , และลั่วหลั่น ดวงตาของพวกเขาก็ปูดออกมา และขากรรไกรของพวกเขาก็เปิดกว้าง
ฉื่อหยาน อยู่ดีๆ ก็สามารถทำลายหายนะครั้งนี้ได้ ซึ่งทำให้พวกเขาทั้งสี่ ในเวลานี้ รู้ว่า ฉื่อหยาน จริงๆแล้วได้เก็บซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้และไม่เคยเปิดเผยพลังทั้งหมดของเขา
เขาเอาแต่เงียบตลอดเวลา แต่พอเขาลงมือกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง
อายหยา และ ไชอี้ ต่างก็เป็นนักรบระดับนภาทั้งสองคน แต่กลับถูกล้อมและหยุดยั้งไว้ด้วยมือของนักรบระดับนภาสองคนจากวังสวรรค์ มันดูเหมือนกับว่าพวกนางไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อพวกนางต้องเผชิญกับเส้นไหมทอง และตัวไหมสีทอง อย่างไรก็ตาม , ฉื่อหยาน กลับแตกต่างออกไป ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ , ตัวไหมสีทองและนักรบต่างก็พ่ายแพ้ รวมทั้ง หนิงเซอ สามารถทำร้างหนิงเซอได้จากการทำลายตัวไหมทองคำที่เชื่อมต่อกับหนิงเซอ และทำให้เขาหนีกลับไปอย่างมือเปล่า
ฉื่อหยาน นั้นแข็งแกร่งจนทำให้พวกเขาทั้งสี่ตกตะลึง
สีหน้าอายหยาก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในขณะที่นางกำลังดูร่างของ ฉื่อหยาน จนกระทั่งเขาได้หายตัวไป สายตาของนางก็ซับซ้อนมากขึ้น
ไชอี้ ก็รู้สึกปั่นป่วน นางมักจะมองหาโอกาสเพื่อฆ่า ฉื่อหยาน และเอาเมล็ดวิญญานที่ฝังอยู่ในวิญญานหลักของนางอก แต่เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของฉื่อหยาน ใบหน้าของนางแสดงความขมขื่น นางรู้สึกอ่อนแอ และท้อแท้
" เขามาจากทะเลไม่มีสิ้นสุดจริงรึ ?" ลั่วหลัน ยิ้มและส่ายหัวของเขา " . เจ้าไม่ได้พูดเหรอว่านักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุดนั้นอ่อนแอกว่านักรบจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา ? แล้วเขาทำเช่นไรถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่หนิงเซอก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ " .
อายหยา ไชอี้ ยังคงส่ายหัวของพวกนาง ในขณะเดียวกันก็ครุ่นคิด
" เราควรจตามเขาไปหรือไม่ ? " ลั่วหลี่ ลังเลเล็กน้อย และกล่าวว่า " เราทุกคนรู้จัก หนิงเซอดี การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาอับอายมาก และเขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดฉื่อหยานแน่นอน ถ้าเขายังไม่ตาย . . . . . . . "
" ตามไป "
อายหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังทิศทางที่ฉื่อหยานไป
ไชอี้ ลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดนางก็ตามไป สองพี่น้องก็ ยังบินออกไปโดยไม่ลังเล
" นายน้อย เจ้าเด็กนั่นจะเอาชนะตัวไหมสีทอง เบื้องหลังของเขาเป็นใครกัน ? "
ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนี้ , สามเงาก็พุ่งผ่านไปอย้่งเกรี้ยวกราด ในหมู่พวกเขา , นักรบระดับนภาที่มีนิ้วขาดก็มีสีหน้าตืิ่นตระหนก พวกเขามองดูนิ้วมือทั้งสิบที่อาบเลือดของพวกเขาและกล่าวอย่างน่าสังเวช , " เราสูญเสียเป็นอย่างมากในครั้งนี้ ข้าได้ฝึกฝนวิชานี้มาหลายปีแต่ตอนนี้กลับโดนเจ้าเด็กนั่นทำลาย ข้าไม่แน่ใจว่า เราจะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้เมื่อไหร่"
" เด็กคนนี้ไม่ใช่คนของเมืองจักรพรรดิขาว " หนิงเซอ ขบ ฟันของเขาและพูดด้วยใบหน้าเหี้ยม " ถ้าเมืองจักรพรรดิขาวมีคุณชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เราก็ต้องได้รับข่าวมาบ้าง เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในนภาที่สองระดับนภา แต่กลับสามารถทำลายเส้นไหมทั้งหมดของพวกเราที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิเศษจากตัวไหมทองคำได้ . เจ้านี่นับได้ว่าเป็นหายนะของเราอย่างแท้จริง เราไม่สามารถปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ได้ "
" นายน้อย เราควรจะทำยังไงดี ? ตัวไหมทองของท่านได้รับสืบทอดมา ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่เมื่อท่านกลับไป. "
" ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะรีบติดต่อทีมอื่น รอจนกว่าเรารวบรวมกองกำลังของเราได้ จากนั้นเราจะสอนบทเรียนให้เจ้าเด็กนั่น. " หนิงเซอ คำราม " วิชาลับของทีมอื่นนั้นแตกต่างจากเรา พวกเขาอาจจะสามารถชนะเจ้าเด็กนั่นได้ อายหยา ไชอี้ หญิงชั่วทั้งสองนี้ ข้าจะต้องทำให้พวกนางเสียหน้าให้ได้ พวกนางกล้าที่จะทำร้ายข้า"
" นายน้อย เจ้าเด็กนั่นกำลังตามเรามา " นักรบวังสวรรค์ที่ถูกปกคลุมด้วยความเจ็บปวดก็หันไปมองข้างหลังและก็ร้องออกมาเสียงดัง
" มันตามมารึ ? " หนิงเซอ หันไปรอบๆอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้น หัวเราะ " ดีเลยที่มันเลือกมาที่นี่ แม้แต่ข้าก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปยังดินแดนที่น่าหวาดกลัวด้านหน้า เจ้าเด็กนี้คงจะไม่รู้จักความตาย เราสามารถหลอกล่อให้เขาเข้าไปภายในและใช้ประโยชน์จากดินแดนที่น่ากลัวได้ . "
ทันทีที่ หนิงเซอ พูดจบ ดวงตาของนักรบระดับนภาอีกสองก็สว่างขึ้นและพวกเขาทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน " นายน้อยช่างฉลาดนัก "
ฉื่อหยาน ได้ไล่ตามกลุ่มของหนิงเซอทั้งสามคน หลุมแรงโน้มถ่วงก็ตามหลังเขามา กลิ่นอายพลังของเหล่านักรบ ที่เสียชีวิตในหลุมแรงโน้มถ่วงจำนวนมากก็ไหลเข้าไปในจุดชีพจร ,กระตุ้นร่างกายของเขาให้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือจรวด , ฉื่อหยาน ก็หันหัวกลับไปและตระหนักได้ว่าอายหยา ไชอี้ และคนอื่นๆก็ตามเขามา เขาถอนหายใจโล่งอก และตามฆ่าหนิงเซอต่อ
กลุ่มของหนิงเซอทั้งสามคน ทั้งหมดมีระดับการบ่มเพาะในระดับนภา แม้ว่าพวกเขาทั้งสามคน จะได้รับบาดเจ็บ , ฉื่อหยาน ก็ยังรู้สึกว่าด้วยพลังทั้งหมดของเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถจัดการกับพวกเขาทั้งสามได้ บางทีเขาอาจจะถูกฆ่าก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หากเป็นอายหยาและ ไชอี้ และสองพี่น้องให้ความร่วมมือ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป
ตราบเท่าที่พวกเขาทั้งสี่รับมือกับนักรบระดับนภาสองคนได้ เขาก็มั่นใจว่ามันคงไม่ยากสำหรับเขาที่จะใช้พลังที่แท้จริงของเขากำจัดหนิงเซอ
นั่นคือเหตุผลที่เขายังคง ไล่ตามหนิงเซอ
ยอดภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา ควันสีเทาก็บินวนอยู่รอบๆไม่กระจายไปไหน . กลุ่มของหนิงเซอทั้งสามคนก็ มุ่งไปข้างหน้าและหายไปหลังภูเขา
ฉื่อหยานยังคงบินอยู่ในควัน สีเทาคด้านล่างภูเขาโดยไม่คิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ร่างของเขาเข้ามาในบริเวณนั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ไม่ดี
พื้นที่หมอกสีควันดูเหมือนกับโคลนที่มองไม่เห็น ทันทีที่ร่างของเขาเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ เขาก็ติด ราวกับว่าจมอยู่ในโคลนลึก และแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามดิ้นรน ก็ยิ่งจมลึกเข้าไปและกลุ่มของหนิงเซอทั้งสามคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หน้าฉื่อหยาน ก็เปลี่ยนไป เขากลัวว่าเขาจะตกอยู่ในกับดักของ หนิงเซอ โดยเข้ามายังดินแดนที่น่ากลัวของหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ แต่อีกสี่ร่างก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขา
ด้วยเสียงที่ดังขึ้น ไม่มีใครเลนแม้แต่อายหยา ไชอี้ ลั่วหลั่นและลั่วหลี่ที่ออกไปจากสถานที่นี้ดไ้ พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยดินแดนที่น่ากลัวนี้ ; ร่างกายของพวกเขาขยับไม่ได้ราวกับเถาวัลย์ล่องหนนับไม่ถ้วนพันอยู่
" ดินแดนสยอง !
อายหยาตกใจมาก ไม่สามารถช่วยได้ที่จะตะโกนออกมา " ไม่ดีแล้ว เราตกอยู่ในกับดักของหนิงเซอ . มันอันตรายเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เวลาเดินทางไปข้างหน้านางมักจะนำเข็มทิศออกมา มันไม่เพียง แต่เพื่อระบุเส้นทาง แต่ยังตรวจพบอันตรายรอบๆ เมื่อนางสงสัยว่าพื้นที่ข้างหน้ามันอันตราย นางก็จะบอกให้ฉื่อหยานเป็นคนบุกเบิกเส้นทาง
แต่ครั้งนี้ พวกเขาตามหนิงเซอมาอย่างใจร้อนเกินไป และนางก็คิดว่าหนิงเซอที่อยู่ข้างหน้าไม่มีอันตรายใดๆ นางจึงไม่ได้เอาเข็มทิศออกมาก่อนจะเข้าสู่ดินแดนสยอง
ใบหน้าของทั้งสามคน ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลัน ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ ร่างกายของพวกเขาถูกพันธนาการและพวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาพยายามดิ้นรน และนั้นพวกเขาจึง ค่อยๆ จมลงไปในพื้นที่สีเทาควันหนาแน่น
กลุ่มของฉื่อหยานทั้งห้าคนตระหนักได้ว่า ยิ่งพวกเขาพยายามเท่าใด . ความเป็นไปได้ที่เขาจะออกจากดินแดนสยองแห่งนี้ได้นั้นมียิ่งมีน้อยลง ใบหน้าของพวกเขาก็มืดมนในขณะที่พวกเขาไม่สามารถหาทางออกได้
แต่แผ่นดินแดนสยองนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างพวกเขาทั้งห้าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายดินแดนแห่งนี้แหละหนีออกไปได้ในเวลาสั้นๆ และดินแดนแห่งนี้ยังค่อยๆดูดเขาลึกลงไปเรื่อยๆอีกด้วย
รู้สึกเวียนหัว ฉื่อหยานก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งรอบ ๆราวกับว่าเขากำลังเข้าสู่รูปแบบเคลื่อนย้าย ห้วงจิตสำนึกของเขาก็สั่นสะเทือนและปั่นป่วน
ความรู้สึกแบบนี้ไม่นานก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังเข้าไปยังดินแดนสีเทากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมอกปกคลุมร่างของเขา เป็นเมฆสีเทาหนาและไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับทะเลเมฆ
ในทะเลเมฆสีเทา ภูเขาถูกหมอกบังแทบจะไม่เห็น แต่กลับมีเสียงลมและเสียงคำรามหวีดหวิวดังจากดุร้าย
สายลมนั้นรุนแรง และมีพลังเป็นอย่างมาก พลังที่แข็งแกร่งเหล่านี้มีความชั่วร้ายอยู่เล็กน้อยดูเหมือนมันจะสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับห้วงจิตสำนึกได้
"สายลมกระจ่างดาว "
เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความกลังดังออกมาจากสถานที่ไม่ไกล อายหยามองไปที่สายลมที่กรรโชกอย่างรุนรงและสีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความกลัว
ใบหน้าของคนทั้งสาม ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลัน ก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเสียงที่เกรี้ยวกราดของสายลมนี้จะน่ากลัวยิ่งกว่าหนิงเซอและนักรบวังสวรรค์เสียอีก
" สายลมกระจ่างดาวงั้นรึ ? ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว " . สายลมนี้อันตรายหรือไม่ ?
" อันตรายอย่างมาก " ทั้งสี่คนก็ตอบกลับพร้อมกัน พร้อมกับใบหน้าของพวกเขาที่กลายเป็นซัดเซียว
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ