บทที่ 368 ซ่อนความสามารถที่แท้จริง
บทที่ 368 ซ่อนความสามารถที่แท้จริง
"เจ้าไม่รู้จักวิญญานพระเจ้า ?" ร่องรอยของการดูถูกก็ปรากฏอยู่ตาของลั่วหลี่ที่พยายามเก็บซ่อนไว้ เขาถาม ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ
ฉื่อหยานก็ยิ้มเขินและไม่ได้พูดอะไร
" เมื่อนักรบในนภาที่สามของระดับพระเจ้าได้บรรลุเข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริง เขาจะสามารถปรับปรุงวิญญานหลักของเขาเป็นวิญญานพระเจ้าได้ วิญญานพระเจ้ามีอนุภาพมหัศจรรย์มากมาย หนึ่งในนั้นสามารถใช้เป็นเกณแยกความต่างระหว่างนักรบระดับพระเจ้าและนักระดับพระเจ้าแท้จริงได้ เมื่อวิญญานพระเจ้าถูกสร้างขึ้น นักรบคนนั้นจะกลายเป็นนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงอย่างสมบูรณ์ นักรบที่เข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริงอย่างสมบูรณ์แล้ววิญญานของเขาจะเป็นอมตะ ดังนั้น ถ้าเขาตายแล้ว เขาก็สามารถใช้วิญญานพระเจ้าฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีวิชาและสมบัติลับที่สามารถทำลายวิญญานพระเจ้าได้ นอกจากนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำลาย เราสามารถพูดได้ว่ามันเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของนักรบระดับพระเจ้าแท้จริง " ลั่วหลี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฉื่อหยาน ตะลึงชั่วขณะ ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มเหยเก แล้วกล่าวว่า " ในทะเลไม่มีสิ้นสุด เราไม่มีนักรบระดับพระเจ้าแท้จริง นั่นคือเหตุผล . . . . . . . "
การดูถูกเหยียดหยามในดวงตาของ ลั่วหลี่ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า " งั้นรึ ? ดูเหมือนว่า นักรบทะเลไม่มีที่สิ้นสุดคงจะไม่แข็งแกร่งเท่านักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราสินะ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่มีนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเท่านั้น แต่ยังมีมากกว่าหนึ่งคน นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นับได้ว่าเป็นตัวตนที่สูงที่สุด เป็นขุมพลังและเป็นหนึ่งในอำนาจเสาหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์" .
ฉื่อหยานกล่าวด้วยความตกใจ " ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สมควรเป็นเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินรุ่งเรืองใช่หรือไม่”
"นั่นแน่นอนอยู่แล้ว " ร่องรอยของความภาคภูมิใจแวบขึ้นในตาของ ลั่วหลี่ . . " มีเพียงนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าใจเคล็ดวิชาได้อย่างลึกซึ้ง พลังทุกประเภทล้วนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา "
ฉื่อหยาน ค่อยๆยิ้ม พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก
จากหลินหย่าฉี และเยว่จางเฟิง เขาก็ได้รู้ว่าด้านหลังหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเป็นแผ่นดินรุ่งเรือง ระดับของนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เองก็สมควรเหนือกว่านักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุด
นักรบระดับสูงสุดของทะเลไม่มีสิ้นสุดนั้นอยู่เพียงแค่ระดับพระเจ้า แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมีนักรบระดับพระเจ้าสูงสุด แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้ว
นักรบระดับพระเจ้านับได้ว่าเป็นพระเจ้าในสายตาของคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานเคยได้ยินมาว่านักรบระดับพระเจ้านั้นในสายตาของเหล่านักรบระดับสูงนับได้ว่าเป็นพระเจ้าปลอม
พระเจ้าปลอมและพระเจ้าแท้จริงต่างกันราวกับชอล์กกับชีส บางคนบอกว่านักรบระดับพระเจ้าแท้จริงได้รับการช่วยเหลือจากพลังของพระเจ้า พระเจ้าปลอมไม่สามารถเทียบได้
" อะไรคือความสามารถที่อัศจรรย์ของวิญญานพระเจ้าบนิสุทธิ์กัน" ? หัวใจของ ฉื่อหยาน ก็ปั่นป่วน ความอยากรู้อยากเห็นของเขานั้นมีมาก จนช่วยไม่ได้ที่จะถามออกไป
" บางคนได้กล่าวว่า มีดินแดนแปลกประหลาดในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ หลังจากที่นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงได้ตายไป วิญญาณของพวกเขาจะยังคงอยู่ในร่างของเขาเนื่องจากผลกระทบของบางอย่าง หากผ่านไปหลายเดือนและหลายปี ความทรงจำทั้งหมดจะหายไปแต่ความรู้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งต่างๆยังคงอยู่ "
ลั่วหลี่ สูดลมหายใจลึก ดวงตาของเขา ประกายด้วบเปลวไฟหึกเหิม " วิญญานพระเจ้าที่หลงเหลืออยู่ในดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ความรู้เกี่ยวกับวิชาต่อสู้ต่างๆยังอยู่ และวิชาเหล่านั้นก็เป็นวิชาของนักรบระดับพระเจ้าแท้จริง "
ฉื่อหยานบอกว่าตกใจ " เจ้ากำลังจะบอก . . . . . . . "
ลั่วหลี่ พยักหน้า เปลวไฟในดวงตาของเขาลุกโชนมากขึ้น เขากล่าวว่า " เมื่อเราได้รับวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ เราจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเหล่านั้น เจ้านึกออกใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ?
ฉื่อหยานก็หวาดหวั่น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถยับยั้งความโลภของเขาได้
ทำไมเซี่ยซินหยานถึงมีศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ?
ทำไมนางถึงไม่มีคอขวด ? เมื่อพลังในร่างกายถึงระดับหนึ่ง คนๆนั้นจะต้องเอาชนะสภาวะคอขวดเพื่อเข้าสู่รัดับใหม่
นั้นก็เป็นเพราะจิตวิญญานจุติของนาง
จิตวิญญานจุตินั้นน่าหวาดหวั่นนัก มันสามารถใช้พลังของการกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ แต่พลังที่น่ากลัวที่สุดของมันก็ คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยววิชาต่างๆในชาติที่แล้วที่ยังอยู่
ด้วยความเข้าใจ เซี่ยซินหยาน ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาคอขวด และก็ไม่เคยตกอยู่ในสภาวะ ' ถูกควบคุมโดยอสูร ' เมื่อพลังของนางอยู่ในระดับที่เพียงพอ นางก็จะสามารถเข้าสู่ระดับใหม่ได้ทันที
วิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์และจิตวิญญานจุตินั้นเป็นพลังเช่นเดียวกันงั้นรึ ?
ถ้า ฉื่อหยาน ไม่ประสบปัญหาเรื่องสภาวะคอขวดด้วยจิตวิญญาณลึกลับในตัวเขา เขาคงจะเข้าสู่ระดับพระเจ้าแท้จริงไปแล้ว
หัวใจของเขาก็ปั่นป่วน
ฉื่อหยานก็ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาจะลุกโชน
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจเกี่ยวกับพลังของวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ชัดเจนแล้วสินะ " ลั่วหลี่ ยิ้มบางๆ รินเหล้าลงในถ้วยของฉื่อหยาน ในขณะที่เขาก็ลินให้ตัวเอง แล้วกล่าวว่า " บอกตามตรงว่า วัตถุประสงค์ที่ผู้คนเข้ามาที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬแห่งนี้ก็เพราะวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์และสมบัติลับระดับพระเจ้า "
ฉื่อหยาน กลืนสุราลงไปอย่างตื่นเต้น เขาพยักหน้า เขาเข้าใจแล่วว่าทำไมนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่กลัวอันตรายหรือเหตุการณ์ร้ายแรง และยังเข้ามาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
" ขอบเจ้าที่บอกความลับมากมายแก่ข้า " ฉื่อหยาน เผยรอยยิ้มบางๆ มองถ้วยในมือของเขาและกล่าวต่อว่า " แก้วนี้เพื่อเจ้า "
ลั่วหลี่ พยักหน้า มองเขาด้วยความเป็นมิตรและยิ้มสดใส " เอ่อ เราอย่าเสียเวลาพูดคุยอีกเลย เราไม่มีเวลามากนัก เราควรจะไปต่อได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าเจ้าต้องการดื่ม เจ้าบอกข้าได้ตลอดเวลา แหวนของข้ามีสุราอยู่มากพอที่จะดื่มได้อีกนาน "
ฉื่อหยาน หัวเราะออกมาดัง ๆและพูดขอบคุณ
หลังจากนั้นไม่นาน อายหยาก็บินมาจากหลังภูเขา นางตกใจและมอง ฉื่อหยานและ ลั่วหลี่ นางไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มอง ทุกคนพยักหน้าและบอกว่า " พวกเจ้าฟื้นฟูเสร็จรึยัง ? "
ลั่วหลี่ และไชอี้ก็พยักหน้า
ฉื่อหยานมองดูอายหยาที่เอาเข็มทิศออกมา ระบุทิศทางอีกครั้ง และบินไปต่อ
ทุกคนตามนางทันที
อยู่หลังอายหยา ฉื่อหยาน ก็ระวังทุกการเคลื่อนไหวรอบๆอย่างต่อเนื่องและจ้องมองเอวบางและ ต้นขาของนางและก้นกลมงดงาม
ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬแห่งนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก ดังนั้น , ฉื่อหยาน จึงเลือกที่จะเดินไปกับกลุ่มคนทั้งห้านี้
อายหยาเป็นคนบินนำ เมื่อนางพบอุปสรรคใด นางก็จะเรียก ฉื่อหยาน ด้วยการส่งสัญญาณ ขอให้เขาไปข้างหน้าเพื่อสำรวจ
ทุกครั้งที่ ฉื่อหยาน พบสัตว์อสูรเขาก็จะรีบพุ่งไปและฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้น
ลั่วหลี่ และไชอี้ ที่อยู่ข้างหลัง เองก็รีบพุ่งเข้ามาต่อสู้
ตอนนี้ , ฉื่อหยาน กำลังต่อสู้อยู่ เขากระโดดลงไปในในฝูงสัตว์อสูรและฆ่าไปห้าตัวจากนั้น เขาก็เอาผลึกอสูรทั้งห้ามา
ในการต่อสู้ ฉื่อหยาน มักจะซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไว้ และไม่เคยใช้พลังทั้งหมดของเขาออกมาหรือใช้บ้าคลั่งเลย เขาแค่ใช้พลังธรรมดาของนักรบในนภาที่สองระดับรู้แจ้งต่อสู้กับสัตว์อสูร
ดังนั้น การเก็บเกี่ยวของเขาจึงน้อยที่สุด แล้วเขาก็ใช้ผลึกอสูรที่ได้มาฟื้นฟูพลัง
มองสัตว์อสูรและความแข็งแกร่งของคนอื่น ตอนนี้เขาก็เข้าใจดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา
อายหยานั้นค่อนข้างเย็นต่อเขา และไม่พูดกับเขา ในทางตรงกันข้าม , บอค และพี่น้อง ลั่วหลี่ มักจะหาโอกาสที่จะพูดกับเขาเกี่ยวกับความตื่นเต้นในการต่อสู้และความลึกลับในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
ความสัมพันธ์ของเขากับพี่น้องลั่วหลี่และบอคค่อนข้างสนิทกันมากขึ้น ใน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ อายหยาดูเหมือนจะแย่ลง
อายหยารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อนางเห็น ฉื่อหยาน และบอคกับลั่วหลี่พูดคุยกันบ่อยครั้ง ดังนั้นเวลาที่นางคุยกับเขาจึงน้อยลง ทุกครั้งที่พวกเขาพบสัตว์อสูร นางจะไม่เตือนเขาอีกต่อไปราวกับว่านางต้องการให้เขาตายเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับการถูกล้อมโดยสัตว์อสูร เขามักจะหนีไปได้เสมอ
เมื่ออันตรายผ่านพ้นไป ทั้งห้าคนต่างก็ สันนิษฐานว่าเขานั้นโชคดี และค่อย ๆ ลดการระวังที่มีต่อเขาที่อยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้งลง พวกเขาต่างก็คิดว่าถ้าเขามีเจตนาชั่ว เขาก็คงไม่เรียกพวกเขา
และนี้คือสิ่งที่ ฉื่อหยาน ต้องการ เขาเป็นเหมือนกับภูคิผีที่มองอย่างเย็นชาไปยังเหยื่อของเขาอยู่ที่ซ่อนอยู่และรอโอกาสอย่างเงียบๆ
วันนี้เอง อายหยาก็หยุดอีกครั้ง มือของนางชี้ไปยังเกาะร้างลอยได้ เพื่อบอกให้ ฉื่อหยาน ไปที่นั่นเพื่อดูสิ่งที่ซ่อนอยู่
ฉื่อหยาน พยักหน้าและบินไปอย่างระมัดระวัง โดยไม่พูดอะไรสักคำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเกาะเล็กที่ลอยได้ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ มันดูเหมือนภูเขา ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง มันล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าอย่างน่าอัศจรรย์
เกาะเล็ก ๆ มีพืชและดอกไม้บนเกาะ แต่ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรที่สามารถพบเห็นได้เลย
ฉื่อหยาน อสังเกตุและมองรอบๆอย่างรอบคอบ เค้าค่อยๆเคลื่อนไหวไปยังทะเลสาบและทันใดนั้นได้ยินเสียงของนักรบพูดอย่างชัดเจน
ความคิดก็แวบขึ้นในจิตใจของ ฉื่อหยาน เขาซ่อนอยู่เงียบๆในขณะที่ก้าวไปข้างหน้า เพื่อสังเกตพวกเขา
สามนักรบร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังล้างเลือดออกจากร่างกายของพวกเขา พวกเขาล้วนเป็นผู้ชาย หนึ่งในพวกเขาอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง ส่วนอีกสองคนอยู่ในนภาแรกระดับรู้แจ้ง มี 2 ศพนอนอยู่บนหญ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ โดย กลิ่นอายของศพทั้งสองได้หายไปอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาได้ตายนานแล้ว
ฉื่อหยาน ซ่อนในที่มืด ,สังเกตไปสักพักอย่างเงียบๆ แล้วกลับมา โดยไม่ส่งเสียงใด
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็หยุดอยู่หน้าอายหยาแล้วพูดพร้อมขมวดคิ้ว " มีนักรบสามคน หนึ่งในพวกเขาอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง ส่วนอีกสองคนอยู่ในนภาแรกระดับรู้แจ้ง พวกเขาได้ร่วมมือกันฆ่านักรบสองคน , และตอนนี้พวกเขากำลังล้างคราบเลือดในทะเลสาป.
" มีทะเลสาบด้วยรึ ?" อายหยาอุทานด้วยความประหลาดใจ
ฉื่อหยาน พยักหน้า
ด้วยตวามตื่นเต้น จู่ๆนางก็บินออกไปด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
คนอื่น ๆรวมทั้งบอคที่ตามก็ส่งเสียง " เจ้าเห็นอะไรที่นั่น ?
" นักรบสามคน" ;หนึ่งในพวกเขาอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง ส่วนอีกสองคนอยู่ในนภาแรกระดับรู้แจ้ง พวกเขาได้ร่วมมือกันฆ่านักรบสองคน พวกเขาจะล้างเลือดออกจากร่างกายของพวกเขาในทะเลสาบ " ฉื่อหยานตอบ
จู่ๆพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขณะที่ดวงตาประกายแสงไร้ความปรานี
ไชอี้ เอวก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ " ในที่สุดข้าก็ได้อาบน้ำเสียที "
พวกเขาทั้งสี่บินสู่เกาะขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ